xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นพุ่ง18จุด-ทองขึ้นอีก มาร์เกตติ้งโวยหักรายได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- หลายปัจจัยคลี่คลาย กระแสเงินยังไหลเข้าเอเชีย ดันตลาดหุ้นไทยดีดตัวเพิ่มเกือบ 18 จุด โบรกฯเชื่อต่างเริ่มชะลอขาย และเตรียมกลับมาซื้อหุ้นไทย ส่วนวันนี้ให้จับตามผลประชุมเฟด ฟากทองคำไม่ยอมน้อยหน้าทองรูปพรรณแตะ 17,600 บาท เพิ่มอีก 450 บาท หลังไอเอ็มเอฟ ขายล็อตใหญ่ให้อินเดีย ลุ้นจีนซื้อเพิ่มอีกดันราคาพุ่งต่อ ด้านมาร์เกตติ้งหุ้นรวมตัวร้องก.ล.ต. หลังไม่พอใจโดนหักค่าอินเซ้นทีฟ25% ขณะที่สมาคมบล.ไม่สนข้อประท้วง ยืนยันเดินหน้าเกณฑ์ใหม่ 1 ม.ค.นี้ แต่จะออกมาตรการช่วยเหลือเข้าเสริมแทน

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (4พ.ย.) ปิดที่ระดับ 686.41 จุด เพิ่มขึ้น 17.93 จุด หรือ 2.68% มูลค่าการซื้อขาย 18,781 ล้านบาท ซึ่งการเคลื่อนไหวของดัชนีเป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมัน และคอมมอดิตี้ต่างๆ รวมทั้งเม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้ามาในภูมิภาค โดยดัชนีเคลื่อนไหวสูงสุดที่ระดับ 686.41 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 672.76 จุด

โดย ดัชนีคอมโพสิต หุ้นจาการ์ตา ปิดที่ระดับ 2,371.85 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 37.75 จุด เปลี่ยนแปลง 1.62% ตลาดหุ้นมาเลเซีย ดัชนีคอมโพสิตปิดที่ระดับ 1,253.84 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 11.52 จุด เปลี่ยนแปลง 0.93% และตลาดหุ้นสิงคโปร์ ดัชนีสเตรทไทม์ปิดที่ระดับ 2,648.64 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 27.09 จุด เปลี่ยนแปลง 1.03%

น.ส.มยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับฐานขึ้นรีบาวน์จากที่ปรับตัวลงมาตั้งแต่วันจันทร์ ประเด็นหลักเรื่องของมอนทาราที่กดดันในแง่ของ sentiment หุ้น PTTEP และทำให้กลุ่มพลังงานมีการปรับฐานลงมา 2 วันติด โดยราคาหุ้น ณ ตรงนี้ก็น่าจะสะท้อนประเด็นมอนทาราไปแล้ว นอกจากนี้ Comodity หลายๆตัวก็ฟื้นขึ้น และตลาดในเอเชียก็ปรับตัวกันขึ้น ซึ่งถ้าดูในส่วนของ flow ต่างประเทศวันก่อน Foreign ยังขาย 2,900 ล้านบาท แต่ถ้าดูในตลาดอนุพันธ์รวมกันแล้ว ผลที่ออกมาเป็นศูนย์ และก็เริ่มเห็นนักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อในตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ อินโดฯ ค่อนข้างเยอะจึงมองวานนี้ Foreign น่าจะชะลอเม็ดเงินการขายหรืออาจจะกลับมา cover short

ดังนั้น ทิศทางวันนี้(5พ.ย.)ต้องรอดูคืนวานนี้ว่าการประชุมเฟดจะเป็นอย่างไร แต่คาดว่า เรื่องของดอกเบี้ยและนโยบายการเงินยังคงอัตราไว้ในระดับเดิม อยู่แล้ว แต่ต้องรอดูจะมีนโยบายการเงินอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า ถ้ามีก็จะเป็น positive surprise หรือจับตาในส่วนของมุมมองทางเศรษฐกิจ หากออกมาโทนบวกคิดว่าตลาดน่าจะไปต่อโดยแนวต้านที่ 685-690 จุด แต่ถ้าออกมาทุกอย่างยังไม่มีอะไรชัดเจนตลาดวันนี้อาจจะมีการปรับฐานลงมาโดยมีแนวรับ 670 และ 675 จุด

มาร์เกตติ้งคัดค้านหักอนเซ็นทีฟ
ขณะเดียวกัน วานนี้กลุ่มเจ้าหน้าที่การตลาด (มาร์เกตติ้ง)ได้มีการรวบตัวกันที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อยื่นหนังสือ เรื่อง ขอคัดค้านการหักผลค่าอินเซ็นทีฟของเจ้าหน้าที่การตลาด 25%ของรายได้ทั้งหมดที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2553 ซึ่งเป็นการร่วมลงชื่อคัดค้านจำนวน 1,700 ราย จากทั้งหมด5,700 ราย โดยให้เหตุผลว่าปัจจุบันมาร์เกตติ้งไม่มีเงินเดือน และมีรายได้จากอินเซ็นทีฟอย่างเดียวซึ่งถือว่าค่อนข้างต่ำ และในปีหน้าจะมีการคิดค่าคอมมิชชั่นแบบขั้นบันได รวมถึงการเปิดเสรีในอนาคตทำให้จุดนี้กระทบต่อรายได้ของมาร์เกตติ้ง

ส่วนมีการแจ้งว่าจะมีการจ่ายเงินคืนให้ในส่วน 25% ที่หักไว้ ทุก 6 เดือน แต่ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางโบรกเกอร์ โดยจะพิจารณาจากคุณภาพการทำงานนั้น เรื่องนี้ไม่มีความชัดเจนว่าใช้เกณฑ์ใด และพิจารณาอย่างไร จึงทำให้มองว่าการหัก 25% เพื่อป้องกันไม่ให้มาร์เกตติ้งย้ายงาน จากที่ปีหน้าจะมีการเปิดเสรีขั้นบันได ทำให้โบรกเกอร์มีการแข่งขันสูง

สมาคมบล.ยืนยันข้อบังคับใหม่
นายจงรัก ระรวยทรง กรรมการผู้อำนวยการ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) กล่าวว่า ข้อบังคับนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตามที่มาร์เกตติ้งร้องขอได้ เพราะ จะกระทบกับระบบการคิดค่าคอมมิชชั่นขั้นบันไดในปีหน้า ซึ่งระบบดังกล่าวจะต้องมีการดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ แต่สมาคมโบรกเกอร์จะมีการหามาตรการที่จะช่วยเหลือ โดยจะมีการพิจารณาในการกำหนดเงินเดือนของมาร์เกตติ้งให้มีความยืดหยุ่นขึ้น และ ในส่วนมาร์เกตติ้งที่มีรายได้น้อย หรือเพิ่งเข้ามาทำงานที่ยังมีฐานลูกค้าที่น้อยอยู่ อาจจะไม่ต้องมีการถูกหัก 25%ทั้งนี้เรื่องนี้ทางสมาคมโบรกเกอร์จะให้คณะอนุกรรมการพิจารณา ใน 1-2 สัปดาห์นี้ให้ เสนอมาตรการช่วยเหลือ โดยหากมีข้อสรุปก็จะให้โบรกเกอร์สมาชิกทุกแห่งพิจารณาก่อน เพื่อเสนอต่อสมาคมโบรกเกอร์ออกมาเป็นเกณฑ์ให้โบรกเกอร์ทุกแห่งปฎิบัติตาม

ทองคำไม่ยอมน้อยหน้าพุ่งไม่หยุด
ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นมีการปรับเพิ่มขึ้น ในฟากของทองคำเอง ก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยล่าสุดตอนเช้าวันที่ 4พ.ย. ที่ตลาดลอนดอน ราคาทองคำก็ทำสถิติใหม่ 1,093.10 เหรียญ/ออนซ์ โดยในตลาดเมืองไทย 17.00น. ราคาทองคำแท่งอยู่ที่ 17,200 บาท เพิ่มขึ้น 250 บาท ขณะที่ทองรูปพรรณ 17,600 บาท เพิ่มขึ้น 450 บาท

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ทองขึ้นมาเนื่องจากเนื่องจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ขายทองคำแท่งจำนวน 200 ตันให้กับธนาคารอินเดีย จึงทำให้ราคาขึ้นไปสร้างสถิติใหม่ และมีโอกาสราคาทองคำปรับขึ้นไปมีมากกว่านี้ เพราะมีแนวโน้มที่จีนจะซื้อทองคำเข้ามาเก็บไว้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น