>b>ASTV ผู้จัดการรายวัน - ธปท.ระบุเงินเฟ้อในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.4% บวกครั้งแรกในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นผลจากฐานปีก่อนต่ำ ชี้ยังไม่มีแรงกดดันให้ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ซีไอที กรุ๊ป อิงค์ล้มเป็นปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศเปาะบางอยู่ตามที่ธปท.ประเมินไว้อยู่แล้ว แต่มั่นใจเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ไตรมาส4 ของปีนี้
นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย( ธปท.) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นผลจากฐานอัตราเงินเฟ้อในปีก่อนอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ธปท.ประเมินไว้อยู่แล้วว่าบางเดือนอัตราเงินเฟ้อเป็นบวกและลบบ้าง จึงไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร ขณะที่ดัชนีการลงทุน(PPI) ยังคงติดลบอยู่
“ในระยะสั้นๆ หรืออีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้าอัตราเงินเฟ้อยังไม่สร้างแรงกดดันจนมีผลให้การดำเนินนโยบายการเงินเปลี่ยนแปลงไปด้วยตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) และเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำยังมีความจำเป็นต่อการเอื้อให้ขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ถ้าภาครัฐยกเลิกมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนลงในช่วงปลายปีนี้และไม่ต่ออายุมาตรการต่อไปจะทำให้อัตราเงินเฟ้อในปีหน้าเพิ่มขึ้นได้ แต่เชื่อว่ายังอยู่ในกรอบการดำเนินนโยบายการเงิน คือ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในช่วง0.5-3%”
ทั้งนี้ แม้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น แต่เชื่อว่าจะไม่เร่งตัวสูงเหมือนช่วงที่ผ่านมา โดยในปีนี้ประเมินว่าราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 75 เหรียญต่อบาร์เรล และปรับสูงขึ้นเล็กน้อยในปีหน้าอยู่ที่ระดับ 80 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่ธปท.คาดการณ์ไว้อยู่
สำหรับกรณีซีไอที กรุ๊ป อิงค์ (CIT Group Inc) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่เป็นผู้ปล่อยกู้ให้แก่กิจการขนาดกลางและขนาดย่อมในสหรัฐเกือบล้านรายประกาศขอเข้าสู่ภาวะล้มละลาย รวมถึงแหล่งข่าวธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ออกมาระบุว่ายังมีสถาบันการเงินอีกหลายแห่งมีสัญณาณจะล้มละลายตามมากอีกนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลกและสหรัฐเป็นปัจจัยที่ยังมีความเปาะบางอยู่และมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะในภาคสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ธปท.จะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะสามารถฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ได้แน่นอน แต่จะเป็นลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะจากรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของธปท.ที่ผ่านมาพบว่า ตัวเลขเศรษฐกิจหลายปรับตัวดีขึ้นมาก
นายสุชาติ สักการโกศล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย( ธปท.) กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนเพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นผลจากฐานอัตราเงินเฟ้อในปีก่อนอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่ธปท.ประเมินไว้อยู่แล้วว่าบางเดือนอัตราเงินเฟ้อเป็นบวกและลบบ้าง จึงไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร ขณะที่ดัชนีการลงทุน(PPI) ยังคงติดลบอยู่
“ในระยะสั้นๆ หรืออีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้าอัตราเงินเฟ้อยังไม่สร้างแรงกดดันจนมีผลให้การดำเนินนโยบายการเงินเปลี่ยนแปลงไปด้วยตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) และเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยต่ำยังมีความจำเป็นต่อการเอื้อให้ขยายตัวทางเศรษฐกิจได้ในระยะต่อไป อย่างไรก็ตาม ถ้าภาครัฐยกเลิกมาตรการบรรเทาค่าครองชีพของประชาชนลงในช่วงปลายปีนี้และไม่ต่ออายุมาตรการต่อไปจะทำให้อัตราเงินเฟ้อในปีหน้าเพิ่มขึ้นได้ แต่เชื่อว่ายังอยู่ในกรอบการดำเนินนโยบายการเงิน คือ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ในช่วง0.5-3%”
ทั้งนี้ แม้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น แต่เชื่อว่าจะไม่เร่งตัวสูงเหมือนช่วงที่ผ่านมา โดยในปีนี้ประเมินว่าราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 75 เหรียญต่อบาร์เรล และปรับสูงขึ้นเล็กน้อยในปีหน้าอยู่ที่ระดับ 80 เหรียญต่อบาร์เรล ซึ่งราคาน้ำมันอยู่ในระดับที่ธปท.คาดการณ์ไว้อยู่
สำหรับกรณีซีไอที กรุ๊ป อิงค์ (CIT Group Inc) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่เป็นผู้ปล่อยกู้ให้แก่กิจการขนาดกลางและขนาดย่อมในสหรัฐเกือบล้านรายประกาศขอเข้าสู่ภาวะล้มละลาย รวมถึงแหล่งข่าวธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ออกมาระบุว่ายังมีสถาบันการเงินอีกหลายแห่งมีสัญณาณจะล้มละลายตามมากอีกนั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจโลกและสหรัฐเป็นปัจจัยที่ยังมีความเปาะบางอยู่และมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะในภาคสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ธปท.จะติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป อย่างไรก็ตามยังเชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะสามารถฟื้นตัวได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ได้แน่นอน แต่จะเป็นลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะจากรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจของธปท.ที่ผ่านมาพบว่า ตัวเลขเศรษฐกิจหลายปรับตัวดีขึ้นมาก
