ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเมื่อวันที่ 2 พ.ย. ได้สั่งระงับการประชุมคณะกรรมการ ก.ตช.เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ โดยอ้างว่าไม่สบาย ปรากฎว่าเมื่อเวลา 09.08 น. วานนี้ (3 พ.ย.) นายสุเทพ ได้เดินทางเข้าทำงานและร่วมประชุม ครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกับกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ที่เขาลือว่าป่วยการเมืองนั้น ตนไม่ได้ป่วยการเมืองแต่ป่วยจริง ๆ ยังเพลียอยู่เลย และตนก็ไม่สบายใจด้วยเพราะฉีดวัคซีนแล้วและด้วยความไม่รู้ก็คิดว่า ป้องกันหวัดได้ พอเป็นหวัดก็กังวลใจว่าจะเป็นไข้หวัด 2009 เกรงจะไปติดคนอื่น จึงปรึกษานายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ได้รับคำแนะนำให้ไปตรวจที่ โรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลบำราษฎรณ์นราดูรที่ทำเรื่องไข้หวัด 2009 โดยเฉพาะ ตนจึงไปตรวจที่โรงพยาบาลบำราษฎร์นราดูรตรวจเพาะเชื้อ พร้อมจ่ายยาให้ตนไปนอนพัก ซึ่งตนเป็นมากจึงมีอาการเพลีย
ระหว่างยังไม่รู้ผลผมจึงไม่ออกไปไหน จนกระทั่งเวลา 15.00น. วันที่ 2 พ.ย. หมอโทรศัพท์ไปบอกว่าโชคดีที่ไม่เป็นหวัด 2009 ผมก็พยายามลุกขึ้นไปร่วมงาน แต่งงานลูกของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องแค่นี้ และในวันนี้ผมก็ยังไม่หายป่วย แต่พอมาทำงานได้ก็มาก่อน
ส่วนที่มองกันว่าอาการป่วยครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการที่นายกรัฐมนตรี ทาบทามให้พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรอง ผบ.ตร.เข้ามาช่วยงานรัฐบาล นายสุเทพกล่าวว่า ถ้าแค่เขาทาบทามพล.ต.อ.ธานีมาเป็นทีมงานแล้วผมป่วย แสดงว่าผมดูแลความมั่นคงไม่ได้แล้วอย่างนั้น ตัวเองไม่มั่นคงแล้ว คนจะดูแลงานทางความมั่นคงได้ตัวเองต้องมั่นคงก่อน ไม่วอกแวกกับเรื่องพรรค์อย่างนี้ ไม่มีปัญหาอะไร ผมรู้จักคุณธานีดี เคยเรียนหนังสือมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกันมาที่อเมริกา และรู้จักกันมาก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะรู้จักคุณธานีเสียอีก ถ้าคุณธานีมาช่วยนายกฯทำงานจริงก็ดีจะได้เป็นกำลัง เวลามีข่าวลืออะไรเกี่ยวกับผม กรุณาถามผมก็แล้วกัน ผมไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ผมตรงไปตรงมา และเป้าหมายผม สำคัญที่สุดคือความมั่นคงปลอดภัยของบ้านเมืองและสถาบัน เพราะฉะนั้นไม่มีใครจะมาทำให้ผมวอกแวกได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกน้อยใจหรือไม่ เพราะมีคนมองว่าท่านดูแลงานด้านความมั่นคงอยู่แล้ว ทำไมนายกรัฐมนตรีต้องดึงพล.ต.อ.ธานีมาช่วยดูงานด้านความมั่นคงอีกแรงหนึ่ง นายสุเทพ กล่าวว่า ก็มันเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อบ้านเมืองมาก ถ้ามีคนมาช่วยกัยเยอะๆ ก็ดี เป็นปัญหาอไร เมื่อถามว่า ทำไม มองว่า พล.ต.อ.ธานีมีศักยภาพ นายสุเทพ กล่าวว่า คงเห็นว่าพล.ต.อ.ธานีเป็น นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รู้และเข้าใจเรื่องของตำรวจดี คิดว่านายกฯคงอยากจะให้มาช่วยงานทางด้านนั้น เมื่อถามว่า ระหว่างการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่กับการตั้งพล.ต.อ.ธานีมาช่วยงานอะไรจะเสร็จก่อนกัน นายสุเทพ กล่าวเพียงว่า ขอไม่ตอบ
ส่วนเป็นเพราะที่ผ่านมาการดูแลงานด้านความมั่นคงของท่าน ผลงานยังไม่เป็นที่พอใจของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ถึงต้องดึงพล.ต.อ.ธานีเข้ามานั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้นมั้ง แต่ว่าจะพอใจหรือไม่ใจต้องกรุณาถามท่านนายกฯเอง ตนประเมินตัวเองไม่ได้ แต่เท่าที่ได้ทำงานมา 8-9 เดือน คิดว่าเราได้ดูแลรักษาบ้านเมืองกันได้อย่างเต็มที่ พี่น้องข้าราชการพลเรือน ตำรวจและทหาร ก็กรุณาให้ความร่วมมือกับตนเป็นอย่างดี ตนทำงานกับทุกฝ่ายได้ ไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเรียกประชุมคณะกรรมการก.ตร.ได้เมื่อใด นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้ตนจะแจ้งไปที่เลขาธิการคณะกรรมการก.ตร.ให้นัดประชุมก.ตร.ในวันที่ 6 พ.ย. ส่วนมีกระแสข่าวว่างัดข้อกับนายกรัฐมนตรี เรื่องการวางตัว ผบช.น. และผบช.ส. นั้นนายสุเทพ กล่าวว่า ท่านนายกฯไม่งัดข้อกับผม ท่านเป็นนายกฯ เป็นผู้บังคับบัญชา และผมไม่บังอาจไปงัดข้อกับท่าน ไม่มีข้อขัดแย้ง ทั้งท่านนายกฯและผมไม่ลงไป แทรกแซง เรื่องการแต่งตั้ง ทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการ แต่ให้นโยบายกว้าง ๆ ว่าเลือกคนมาทำงาน และทำงานให้ได้
ส่วนที่มีข่าวว่าท่านผลักดัน พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ. 8 ไปเป็น ผบช.แต่นายกรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยเพราะถูกตั้งกรรมการสอบสวนในหลายเรื่องนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่วิจารณ์นายตำรวจแต่ละคนมาถึงขนาดนี้ก็มีประวัติกันมาทั้งนั้น ให้ว่าไปตามข้อเท็จจริง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายในหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล เป็นไปตามเหตุผลทางการเมือง โดยไม่พิจารณาถึงผลงาน ความเหมาะสม หรืออาวุโส โดยเฉพาะการที่ ครม.มีมติแต่งตั้ง นายธีรกุล นิยม เอกอัครราชทูตไทยประจำเกาหลีใต้ เป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งนายธีรกุลได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไล่ล่า ไล่บี้ โดยเฉพาะในการดำเนินการ ถอนพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงไม่เหมาะสม
ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจตั้งแต่ระดับรอง ผบ.ตร. ก็ไม่ได้พิจารณาในเรื่องผลงานเป็นที่ตั้ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวยังมีความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างคนในพรรคร่วมรัฐบาลเอง ดังนั้น การประชุม ก.ตร. ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ อาจจะไม่สามารถดำเนินการแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หากมีการแต่งตั้งจริง แสดงว่ารัฐบาลต้องการที่จะให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร.ดำรงตำแหน่งดังกล่าวไปตลอดปี 2553 และจนเกษียณอายุราชการหรือไม่ จะได้เป็นมาตรฐานและบรรทัดฐานในการบริหาร สตช.ต่อไป ไม่จำเป็นต้องมีผู้บังคับบัญชาสูงสุดอย่าง ผบ.ตร.แค่ตั้ง รักษาการฯเท่านั้น
ระหว่างยังไม่รู้ผลผมจึงไม่ออกไปไหน จนกระทั่งเวลา 15.00น. วันที่ 2 พ.ย. หมอโทรศัพท์ไปบอกว่าโชคดีที่ไม่เป็นหวัด 2009 ผมก็พยายามลุกขึ้นไปร่วมงาน แต่งงานลูกของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องแค่นี้ และในวันนี้ผมก็ยังไม่หายป่วย แต่พอมาทำงานได้ก็มาก่อน
ส่วนที่มองกันว่าอาการป่วยครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการที่นายกรัฐมนตรี ทาบทามให้พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรอง ผบ.ตร.เข้ามาช่วยงานรัฐบาล นายสุเทพกล่าวว่า ถ้าแค่เขาทาบทามพล.ต.อ.ธานีมาเป็นทีมงานแล้วผมป่วย แสดงว่าผมดูแลความมั่นคงไม่ได้แล้วอย่างนั้น ตัวเองไม่มั่นคงแล้ว คนจะดูแลงานทางความมั่นคงได้ตัวเองต้องมั่นคงก่อน ไม่วอกแวกกับเรื่องพรรค์อย่างนี้ ไม่มีปัญหาอะไร ผมรู้จักคุณธานีดี เคยเรียนหนังสือมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกันมาที่อเมริกา และรู้จักกันมาก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะรู้จักคุณธานีเสียอีก ถ้าคุณธานีมาช่วยนายกฯทำงานจริงก็ดีจะได้เป็นกำลัง เวลามีข่าวลืออะไรเกี่ยวกับผม กรุณาถามผมก็แล้วกัน ผมไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย ผมตรงไปตรงมา และเป้าหมายผม สำคัญที่สุดคือความมั่นคงปลอดภัยของบ้านเมืองและสถาบัน เพราะฉะนั้นไม่มีใครจะมาทำให้ผมวอกแวกได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกน้อยใจหรือไม่ เพราะมีคนมองว่าท่านดูแลงานด้านความมั่นคงอยู่แล้ว ทำไมนายกรัฐมนตรีต้องดึงพล.ต.อ.ธานีมาช่วยดูงานด้านความมั่นคงอีกแรงหนึ่ง นายสุเทพ กล่าวว่า ก็มันเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อบ้านเมืองมาก ถ้ามีคนมาช่วยกัยเยอะๆ ก็ดี เป็นปัญหาอไร เมื่อถามว่า ทำไม มองว่า พล.ต.อ.ธานีมีศักยภาพ นายสุเทพ กล่าวว่า คงเห็นว่าพล.ต.อ.ธานีเป็น นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รู้และเข้าใจเรื่องของตำรวจดี คิดว่านายกฯคงอยากจะให้มาช่วยงานทางด้านนั้น เมื่อถามว่า ระหว่างการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่กับการตั้งพล.ต.อ.ธานีมาช่วยงานอะไรจะเสร็จก่อนกัน นายสุเทพ กล่าวเพียงว่า ขอไม่ตอบ
ส่วนเป็นเพราะที่ผ่านมาการดูแลงานด้านความมั่นคงของท่าน ผลงานยังไม่เป็นที่พอใจของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ถึงต้องดึงพล.ต.อ.ธานีเข้ามานั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คงไม่เป็นอย่างนั้นมั้ง แต่ว่าจะพอใจหรือไม่ใจต้องกรุณาถามท่านนายกฯเอง ตนประเมินตัวเองไม่ได้ แต่เท่าที่ได้ทำงานมา 8-9 เดือน คิดว่าเราได้ดูแลรักษาบ้านเมืองกันได้อย่างเต็มที่ พี่น้องข้าราชการพลเรือน ตำรวจและทหาร ก็กรุณาให้ความร่วมมือกับตนเป็นอย่างดี ตนทำงานกับทุกฝ่ายได้ ไม่มีปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเรียกประชุมคณะกรรมการก.ตร.ได้เมื่อใด นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้ตนจะแจ้งไปที่เลขาธิการคณะกรรมการก.ตร.ให้นัดประชุมก.ตร.ในวันที่ 6 พ.ย. ส่วนมีกระแสข่าวว่างัดข้อกับนายกรัฐมนตรี เรื่องการวางตัว ผบช.น. และผบช.ส. นั้นนายสุเทพ กล่าวว่า ท่านนายกฯไม่งัดข้อกับผม ท่านเป็นนายกฯ เป็นผู้บังคับบัญชา และผมไม่บังอาจไปงัดข้อกับท่าน ไม่มีข้อขัดแย้ง ทั้งท่านนายกฯและผมไม่ลงไป แทรกแซง เรื่องการแต่งตั้ง ทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการ แต่ให้นโยบายกว้าง ๆ ว่าเลือกคนมาทำงาน และทำงานให้ได้
ส่วนที่มีข่าวว่าท่านผลักดัน พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ. 8 ไปเป็น ผบช.แต่นายกรัฐมนตรีไม่เห็นด้วยเพราะถูกตั้งกรรมการสอบสวนในหลายเรื่องนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่วิจารณ์นายตำรวจแต่ละคนมาถึงขนาดนี้ก็มีประวัติกันมาทั้งนั้น ให้ว่าไปตามข้อเท็จจริง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า การแต่งตั้งโยกย้ายในหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล เป็นไปตามเหตุผลทางการเมือง โดยไม่พิจารณาถึงผลงาน ความเหมาะสม หรืออาวุโส โดยเฉพาะการที่ ครม.มีมติแต่งตั้ง นายธีรกุล นิยม เอกอัครราชทูตไทยประจำเกาหลีใต้ เป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งนายธีรกุลได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการไล่ล่า ไล่บี้ โดยเฉพาะในการดำเนินการ ถอนพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงไม่เหมาะสม
ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจตั้งแต่ระดับรอง ผบ.ตร. ก็ไม่ได้พิจารณาในเรื่องผลงานเป็นที่ตั้ง ซึ่งเรื่องดังกล่าวยังมีความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างคนในพรรคร่วมรัฐบาลเอง ดังนั้น การประชุม ก.ตร. ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ อาจจะไม่สามารถดำเนินการแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวได้
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หากมีการแต่งตั้งจริง แสดงว่ารัฐบาลต้องการที่จะให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร.ดำรงตำแหน่งดังกล่าวไปตลอดปี 2553 และจนเกษียณอายุราชการหรือไม่ จะได้เป็นมาตรฐานและบรรทัดฐานในการบริหาร สตช.ต่อไป ไม่จำเป็นต้องมีผู้บังคับบัญชาสูงสุดอย่าง ผบ.ตร.แค่ตั้ง รักษาการฯเท่านั้น
