“มานิต” ยกตัวอย่างราชบุรี ป้องกันหวัดได้ผลเยี่ยม หลังจ่ายยาระดับคลินิก ลดทั้งป่วยทั้งตาย เตรียมเสนอข้อมูลคณะอนุกรรมการฯ หลังพบผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง ติดหวัด 2009 แต่ไม่มีไข้สูง อาจต้องปรับคำแนะนำเพิ่มเติม หมอมงคล เตรียมเสนอตั้งแผนงานฯ รับมือวิกฤตโรคใหม่ในอนาคต
เมื่อวันที่ 21 กันยายน ที่โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ จ.ราชบุรี นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเสวนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จ.ราชบุรี สู้หวัด 2009 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากองค์การบริหารส่วนตำบล ในเขต จ.ราชบุรี จำนวน 112 แห่ง
นายมานิตกล่าวว่า หลังจากจ.ราชบุรี เคยเป็นจังหวัดที่มีการะบาดสูงและมีอัตราผู้เสียชีวิตจำนวนมาก หลังจากมีโครงการขจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ในระดับคลินิกและติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง พบว่า จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่องจนสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ และยังไม่พบปัญหาการดื้อยาแต่อย่างใด โดยสถิติล่าสุดของจ.ราชบุรี ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค.-21 ก.ย.ได้รับรายงานผู้ป่วยยืนยันผู้ป่วย 408 ราย ผู้เสียชีวิต 9 ราย แต่ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา 6-19 ก.ย. ยังไม่พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ ซึ่งถือว่าสถานการณ์ควบคุมได้แล้ว ทำให้หากมีการระบาดละลอกใหม่ก็ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก
นายมานิตกล่าวต่อว่า ขณะนี้พบข้อมูลว่ามีผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง 3 ราย ที่ จ.ลำปาง ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แต่ไม่มีอาการใดๆ และมีเพียงไข้ต่ำๆ เท่านั้น ซึ่งไม่ได้อยู่ในแนวทางการรักษาที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ ทำให้กำลังจะนำเรื่องดังกล่าวให้ คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาวิชาการและยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งมี ศ.นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ เป็นประธาน ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนแนวทาง คำแนะนำในการให้การรักษาหรือไม่ เพื่อมีการปรับเปลี่ยนแนวทางในการให้ยาแก่ผู้ป่วยต่อไป ทั้งนี้ มาตรการที่ดีที่สุดในช่วงการระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ คือ การดูแลตนเอง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้ระดมกำลังในการให้ความรู้แก่ประชาชนเพื่อให้สามารถรับมือโรคได้
ด้าน นพ.มงคล ณ สงขลา ประธานคณะอนุกรรมการสนับสนุนป้องกันและควบคุมแก้ปัญหาการระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในหลายจังหวัด วัตถุประสงค์หลัก คือ ให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ของประชาชนในการป้องกันดูแลตนเองจากโรคต่างๆ ไม่เฉพาะเรื่องไข้หวัดใหญ่ 2009 เพราะในอนาคตอาจมีวิกฤตจากโรคอื่นอีก ซึ่งหลังจากลงพื้นที่แล้วจะมีการประเมินความรู้และทำให้เกิดการผลักดันแผนงานโครงการเพื่อรับมือกับโรคเป็นแผนระยะยาวในการส่งเสริมสุขภาพ โดยคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นลักษณะของคณะกรรมการระดับชาติ ซึ่งมีตัวแทนจากทุกภาคส่วนสนับสนุน เช่น สสส. สธ. สปสช. สวรส. รวมถึง สวทช. และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เพื่อกำหนดทิศทางในการแก้ปัญหา การวางนโยบายแก้ปัญหาภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นพ.มงคล กล่าวว่า สำหรับการเยี่ยมชมการทำงานของ จ.ราชบุรี ซึ่งได้ผ่านวิกฤตการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ จากการที่มีผู้ป่วยและเสียชีวิตจำนวนมาก พบว่าผู้นำท้องถิ่นมีความสามารถที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างครบวงจรมากขึ้น ทั้งการให้ความรู้กับประชาชน การผลิตเครื่องมือป้องกันตนเอง ทั้งเจลและหน้ากากในชุมชน และการให้ความสำคัญการดูแลสถานที่ที่มีคนจำนวนมากอยู่รวมกัน เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน ทำให้พื้นที่มีความพร้อมรับมือโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น แต่ขณะเดียวกันยังมีความเป็นห่วงว่าในช่วงปิดเทอม จะมีนักเรียนจำนวนหนี่งเดินทางเข้ากทม. เพื่อเรียนพิเศษ ดูคอนเสิร์ต ก่อนปิดเทอมจึงอยากให้ท้องถิ่นกับโรงเรียนประสานความร่วมมือ ให้ความรู้แก่นักเรียนเพื่อไม่ให้เกิดการระบาดขึ้นอีก
