“หมอมงคล” ห่วงคนต่างจังหวัดไข้หวัดใหญ่ 2009 ระบาดช่วงขาขึ้น โรงเรียน-บ้านจุดเสี่ยง เตือน 2-3 เดือนข้างหน้า ระวังระบาดรอบ 2 เชื้อหมุนวนกลับเข้าเมือง คนป่วยมากกว่าเดิม คาดคนไทยป่วยแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน สปสช.กระตุ้นองค์การส่วนปกครองท้องถิ่นนำเงินกองทุนสุขภาพชุมชนออกใช้ป้องกันหวัด 2009 ทันที
วันที่ 27 สิงหาคม ที่เฮอมิเทจ รีสอร์ท จ.นครราชสีมา นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานอนุกรรมการควบคุม ป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1 เอ็น1 (2009) กล่าวภายหลังการประชุมความร่วมมือเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดนครราชสีมา ว่า ขณะนี้มีการประมาณการว่า คนไทยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 แล้วไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคจัดอยู่ในช่วงขาขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของโรคที่จะแพร่กระจายจากเมืองออกสู่ชนบท โดยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุว่า ในพื้นที่หลายๆจังหวัด เช่น เชียงใหม่ นครสวรรค์ ร้อยเอ็ด และ ระนอง มีแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคที่พุ่งสูงขึ้น
นพ.มงคล กล่าวต่อว่า ลักษณะการแออัดของประชากรในต่างจังหวัดแออัดน้อยกว่ากรุงเทพมหานคร และการรวมกลุ่มทำกิจกรรม เช่น คอนเสิร์ต หรือการประชุมที่มีการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ง่ายมีไม่มากนัก เพราะฉะนั้น การแพร่ระบาดในต่างจังหวัดโอกาสที่จะเกิดขึ้นรวดเร็วเหมือนในกรุงเทพมหานครมีน้อย แต่พื้นที่เสี่ยงในการแพร่ระบาดเชื้อของคนต่างจังหวัดมี 2 จุดสำคัญ ได้แก่ โรงเรียน และ บ้าน เนื่องจากนักเรียนจะติดเชื้อจากเพื่อนที่เดินทางไปในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคค่อนข้างรุนแรง จากนั้นนักเรียนก็จะแพร่เชื้อต่อให้กับคนในครอบครัว
“การจะช่วยให้ประชาชนปลอดจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ต้องกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการให้ความรู้ในการส่งเสริมและป้องกันโรคกับประชาชน ทุกพื้นที่ต้องปลุกระดมให้ประชาชนตื่นตัวในการดูแลสุขภาพของตนเอง เพราะประชาชนจะติดเชื้อโรคนี้หรือไม่ อยู่ที่พฤติกรรมส่วนบุคคล ไม่มีใครบังคับให้ใคร ป้องกันตัวเองด้วยการล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่ไปชุมนุมในพื้นที่ที่มีคนจำนวนมากได้ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ต้องเกิดจากตัวของประชาชนเองที่ตระหนักในการดูแลป้องกันตัวเอง” นพ.มงคล กล่าว
นพ.มงคล กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่ากังวลและกลัวมากที่สุด คือ อีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะเป็นช่วงหน้าหนาว อาจจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคนี้ในระลอกที่ 2 แต่จะเป็นการระบาดที่เกิดขึ้นจากภายในประเทศ เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อที่มาจากต่างประเทศผ่านพ้นไปแล้ว การแพร่ระบาดของเชื้อในระลอก 2 จะเกิดในลักษณะหมุนวนกลับจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพมหานคร หรือจากชนบทเข้าเมืองอย่างรวดเร็ว และจำนวนคนป่วยจะมากขึ้น เพราะคนมีการเดินทางติดต่อกันตลอดเวลา
“มีคนบอกว่า การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จะไม่เกิดคลื่นลูกที่ 2 แต่หากพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่อยู่ในช่วงขาขึ้นในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยธรรมชาติของการแพร่ระบาดของโรค เมื่อในพื้นที่ต่างจังหวัดมีจำนวนผู้ป่วยหนาแน่น เชื้อก็จะหมุนหวนกลับเข้ามาเมืองใหม่ อย่าไปคิดว่าที่เกิดในระลอกแรก ทำให้คนในเมืองเกิดภูมิคุ้มกันหมดแล้ว ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันโรคนี้” นพ.มงคล กล่าว
ด้านนพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2552 มีกองทุนสุขภาพชุมชนทั่วประเทศ 3,493 กองทุน โดย สปสช.สนับสนุนงบประมาณให้ 37.50 บาทต่อหัวประชากร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ต้องสนับสนุนงบประมาณสมทบไม่น้อยกว่า 10% เพื่อใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับประชาชนในพื้นที่ เพราะฉะนั้น เมื่อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เกิดการระบาดในพื้นที่ชนบท อปท.ที่มีการจัดตั้งกองทุนนี้แล้วสามารถนำเงินที่มีอยู่ในกองทุนออกมาใช้สำหรับการส่งเสริมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคนี้ได้ทันที และในปีงบประมาณ 2553 สปสช.จะสนับสนุนงบฯเพิ่มเป็น 40 บาทต่อหัวประชากร