xs
xsm
sm
md
lg

กทม.ล้าง รพ.ทำความสะอาดครั้งใหญ่ ป้องกันหวัด 2009 แพร่ระบาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กทม.ล้างทำความสะอาดครั้งใหญ่ รพ.วชิระ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 เปิดเรียนวันจันทร์นี้ (20 ก.ค.) ส่งปรอทวัดไข้คัดกรองนักเรียนโรงเรียนสังกัด กทม.435 แห่ง หากพบเป็นไข้ให้กลับรักษาตัวที่บ้าน ส่วนเด็กปกติเน้นออกกำลังกายป้องกันหวัดใหญ่ 2009 ชี้ อย่าเปรียบเทียบ ร.ร.อื่นไม่ปิด ขณะที่คุณชายลงพื้นที่กวาดล้าง ทำความสะอาดถนนรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พร้อมแจกหน้ากาก-เจลอนามัย

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 18 กรกฎาคม พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานเปิดงาน Big Cleaning Day ที่บริเวณตึกอำนวยการวิทยาลัยแพทยศาสตร์กรุงเทพมหานครและวชิรพยาบาล มีคณะผู้บริหารของโรงพยาบาล นำโดย นพ.ชัยวัน เจริญโชคทวี ผู้อำนวยการวิทยาลัยแพทยศาสตร์ฯ พร้อมข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ประมาณ 100 คน ร่วมกิจกรรม กวาดพื้น ล้างถนน ทั้งภายในอาคารและภายนอกโรงพยาบาล รวมถึงบริเวณใกล้เคียงเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009

พญ.มาลินี กล่าวว่า กิจกรรมทำความสะอาดใหญ่วันนี้ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยทำความสะอาดเครื่องมือ เครื่องใช้ อุปกรณ์ต่างๆ รวมทั้งรถเข็นคนไข้ ซึ่งไม่สามารถทำได้รายวัน มาตรการนี้ มีในทุกโรงพยาบาล แต่ช่วงนี้มีการทำถี่ขึ้น เพื่อป้องกันเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ไม่ให้แพร่กระจายไปมาก  ตลอดจนรักษาผู้ป่วยได้ทันที เมื่อมาพบแพทย์เร็ว รักษาเร็ว และไม่เสียชีวิต กลับบ้านโดยปลอดภัย

พญ.มาลินี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ขณะนี้ โรงพยาบาลวชิระ ยังได้จัดช่องทางพิเศษเพื่อรักษาผู้ที่สงสัยว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง การตรวจรักษา จ่ายยา เพื่อไม่ให้ปะปนกันผู้ป่วยโรคอื่น และในอนาคตจะเปิดชั้น 5 ตึกศัลยกรรม สำหรับเป็นหอผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั้งระบบอยู่ในชั้นเดียวกัน ทั้งนี้ จากสถิติของ รพ.วชิระ ตั้งแต่เปิดบริการช่องทางพิเศษ (9-17 ก.ค.) มีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ฯ 2009 ใช้บริการ 4,000 คน นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 40 คน และผลยืนยันติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 เพียง 4 คน ที่เหลือกลับบ้านได้ทุกคน

พญ.มาลินี ยังกล่าวถึงมาตรการปิดโรงเรียน 435 แห่งสังกัด กทม.ระหว่างวันที่ 15-19 ก.ค.นี้ เพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ในโรงเรียน แม้ว่าโรงเรียนนอกสังกัด หรือจังหวัดอื่นๆ ไม่ปิดเรียน ก็อย่ามาเปรียบเทียบกัน เพราะว่าแต่ละสถานที่ไม่สามารถใช้มาตรการเดียวกันได้ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา โรงเรียนต่างๆ ได้ล้างทำความสะอาดแล้ว

สำหรับการเปิดเรียนในวันจันทร์นี้ (20 ก.ค.) จะส่งเครื่องวัดปรอทจะส่งไปตามโรงเรียนในสังกัด กทม.เพื่อให้ครูใช้วัดอุณหภูมิที่หน้าผากนักเรียนก่อนเข้าห้องเรียน หากพบเป็นไข้ให้กลับบ้านไปรักษาตัว ส่วนเด็กปกติจะเน้นการออกกำลังกายมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009

วันเดียวกัน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นำเจ้าหน้าที่ กทม.ร่วมกวาด-ล้างทำความสะอาดพื้นผิวฟุตปาท บริเวณโดยรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พร้อมแจกเจลล้างมือ หน้ากากอนามัย และคำแนะนำสำหรับประชาชนในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ให้แก่พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่สัญจรไปมาในบริเวณดังกล่าว ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่ตื่นตัวให้ความสนใจในการขอรับเจล-หน้ากากอนามัย รวมทั้งข้อมูลเพื่อนำไปใช้และปฏิบัติดูแลตนเอง

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า หลังจาก กทม.มีมาตรการปิดโรงเรียนในสังกัด กทม.ทำให้มีเวลาได้ทำความสะอาดอาคาร สถานที่และอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเต็มที่ สร้างความสบายใจได้ระดับหนึ่ง และในวันจันทร์นี้ (20 ก.ค.) โรงเรียนจะเปิดการเรียนการสอนตามปกติ หลังจากหยุด 3 วันทำการ และต่อเนื่องวันเสาร์-อาทิตย์อีก 2 วัน รวมเป็นวันหยุดยาว 5 วัน (15-19 ก.ค.) โดยในวันจันทร์นั้น เดิมจะมีการแจกปรอทวัดอุณหภูมิร่างกายไปตามโรงเรียนต่างๆ แห่งละ 40-50 อัน เพื่อให้ครูใช้วัดอุณหภูมิของนักเรียนก่อนเข้าเรียน หากพบว่านักเรียนคนใดมีไข้สูงจะให้กลับบ้านไปรักษาตัว แต่คาดว่าคงไม่ทันเพราะผลิตไม่ทัน

“ส่วนมาตรการที่ กทม.ดำเนินการเวลานี้ คือ เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอาคารสถานที่ต่างๆ ทั่วทั้ง กทม.และอยากให้ประชาชนนำไปขยายผลทำความสะอาดบ้านเรือน และร้านค้าของตนเองด้วย นอกจากนี้ กทม.ยังได้สั่งหน้ากากอนามัยเพิ่มอีก 2 ล้านชิ้น เพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนด้วย แต่ในระหว่างนี้ยังรอการส่งมอบเพราะติดขัดที่การผลิตไม่ทันเช่นเดียวกัน ในด้านตัวเลขของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ใน กทม.นั้น พบว่า มีจำนวน 2,400 คน และเสียชีวิต 12 คน”

ผู้ว่าฯ กทม.ยังกล่าวถึงมาตรการปิดโรงเรียนในสังกัด กทม.จะทำอีกหรือไม่ ว่า หากมีความจำเป็นต้องปิด กทม.ก็พร้อมจะทำเพื่อลดการแพร่กระจายของเชื้อโรค และมาตรการที่ออกมาครั้งนี้เพราะพิจารณาแล้วว่า โรงเรียนในสังกัด กทม.มีถึง 435 แห่ง นักเรียน 340,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มาก ดังนั้น จำเป็นต้องหยุดยั้งการแพร่กระจาย เปรียบดังสุภาษิตไทย “เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย” เพราะลักษณะของโรงเรียนในสังกัด กทม.จะอยู่ติดกับวัดและชุมชน หากแพร่ระบาดออกไปจะกระทบกับคนในชุมชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือหญิงตั้งครรภ์ในชุมชมจะมีความเสี่ยงได้ง่าย
กำลังโหลดความคิดเห็น