อนุกรรมการฯ สอบโกงไทยเข้มแข็ง สธ. แฉ ส.ส. 3-4 จังหวัดภาคอีสานเอี่ยว รวมหัวข้าราชการระดับสูงในกระทรวงฯ ทึ้งงบฯ เอสพี 2 ตั้งอนุกรรมการ 3 ชุด ตรวจสอบรายการครุภัณฑ์ซ้ำอีก ด้าน “คำนูณ”ร่วมวงชำแหละจี้รัฐใช้เงินนอกงบประมาณ ไม่ผ่านสภาตรวจสอบ หวั่นทุจริต เล็งยื่นศาล รธน.สอบ
นพ.วชิระ บถพิบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมพวง ในฐานะคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการไทยเข้มแข็งในความดูแลของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ชุดที่มี นพ.บรรลุ ศิริพาณิช อดีตปลัด สธ.เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กล่าวว่า จากการประชุมเมื่อเร็วๆ นี้ คณะอนุกรรมการฯ ได้รวบรวมหลักฐานเอกสารรวมทั้งปากคำของพยานที่ได้แจ้งเบาะแสจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พยานให้ข้อมูลว่า ได้รับการติดต่อผ่านทางบริษัทแห่งหนึ่ง นำรายการครุภัณฑ์ที่จัดสรรไปเสนอผู้บริหารโรงพยาบาลเสมือนรู้รายการครุภัณฑ์จากข้างในมาก่อน บางแห่งได้รับหนังสืออ้างตัวว่ามาจากผู้ใหญ่ใน สธ.บ้าง มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร(ส.ส.) บ้าง ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้พยายามรวบรวมข้อมูลหลักฐานและหาหลักฐาน ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เอกสารคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและคำบอกเล่าจากพยานบุคคล ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงผู้ใหญ่ในแวดวงราชการ และ ส.ส.ในพื้นที่ โดยได้นำหลักฐานที่เป็นหนังสือคำสั่งบางส่วนให้กับ นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มี นพ.บรรลุเป็นประธานแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะนำเสนอรายงานการตรวจสอบทั้งหมดให้กับคณะกรรมการ ชุดนพ.บรรลุพิจารณา
นพ.วชิระ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ หลังจากได้ตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติมพบว่า มีรายการครุภัณฑ์นอกเหนือจากที่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการครุภัณฑ์ 6 รายการ ที่มี นพ.เสรี หงษ์หยก เป็นประธาน เพิ่มอีกหลายรายการ ซึ่งรายละเอียดครุภัณฑ์ต่างๆ ที่ตรวจพบความผิดปกติเพิ่มเติมจะส่งให้คณะกรรมการฯ ทั้งหมด
“ไม่น่ายากที่จะสาวถึงนักการเมือง เพราะมีนักการเมืองที่เกี่ยวข้องบริษัทขายเครื่องมือแพทย์ไม่มาก โดยเบื้องต้นทราบว่า ข้อมูลที่พบมี 3-4 จังหวัดในภาคอีสาน ที่มีส.ส.เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยต้องติดตามตรวจสอบข้อมูลที่ทยอยส่งเข้ามาในทุกภาค ทั้งนี้ พบว่าบางพื้นมีความผิดในแง่หลักเกณฑ์เกินเลยไปจากที่มี สิ่งสำคัญคือจะต้องสืบหาว่า ใครเป็นผู้เอื้อให้เกิดตรงนี้ หรือใครสั่งการให้มา หรือเอานามบัตรใครต่อใครมาได้อย่างไร”นพ.วชิระกล่าว
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวว่า กรณีมีนักการเมืองในพื้นที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหากเป็นสิ่งก่อสร้างจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หากเป็นครุภัณฑ์จะเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล นอกจากนี้ยังพบว่ามีเรื่องการซื้อที่ดินต่อเนื่องไว้รอสำหรับสร้างอาคารพยาบาลใหม่ ทำให้ที่ดินราคาสูงขึ้น
ด้าน นพ.สถาพร วงษ์เจริญ รองปลัด สธ.และในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ. เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ3 ชุด ได้แก่ คณะอนุกรรมการตรวจสอบความเหมาะสมรายการในโครงการพัฒนาระบบบริการคณะอนุกรรมการตรวจสอบความเหมาะสมรายการในระบบบริการระดับทุติยภูมิหรือโรงพยาบาลชุมชน และคณะอนุกรรมการตรวจสอบความเหมาะสมรายการในโครงการพัฒนาระบบบริการระดับตติยภูมิและศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยทั้ง 3 ชุดต้องนำข้อมูลมาเสนอในการประชุมในวันที่ 10 พ.ย.นี้
วานนี้ (30 ต.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน และคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณวุฒิสภา จัดเสวนาเรื่อง "ชำแหละโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555"
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้อาการน่าเป็นห่วงมาก เพราะฝากชีวิตไว้กับโครงการไทยเข้มแข็ง เพราะเชื่อว่าเป็นจุดขายที่จะเพิ่มคะแนนนิยม แต่ความจริงแล้วโครงการนี้จะทำให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ติดลบ เพราะบทสรุปมีแต่ กู้ โกง และกินเท่านั้น แม้ขณะนี้ยังไม่มีการเบิกจ่าย จึงยังไม่มีการโกง แต่เห็นชัดว่า แค่เริ่มต้นก็อาการน่าเป็นห่วงแล้ว เนื่องจากเริ่มถูกภาคประชาชนที่เข้มแข็งตรวจสอบ ดังนั้น เรื่องนี้จึงถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขเร่งด่วน ก่อนที่จะเกิดการทุจริตขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลควรทำตามกฎหมาย ใช้เงินผ่านงบประมาณตามปกติ และหากภายหลังมีข้อติดขัดจึงค่อยแก้ไข พ.ร.บ.งบประมาณ หรือ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะก็ได้
นพ.วชิระ บถพิบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมพวง ในฐานะคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการไทยเข้มแข็งในความดูแลของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ชุดที่มี นพ.บรรลุ ศิริพาณิช อดีตปลัด สธ.เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กล่าวว่า จากการประชุมเมื่อเร็วๆ นี้ คณะอนุกรรมการฯ ได้รวบรวมหลักฐานเอกสารรวมทั้งปากคำของพยานที่ได้แจ้งเบาะแสจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ พยานให้ข้อมูลว่า ได้รับการติดต่อผ่านทางบริษัทแห่งหนึ่ง นำรายการครุภัณฑ์ที่จัดสรรไปเสนอผู้บริหารโรงพยาบาลเสมือนรู้รายการครุภัณฑ์จากข้างในมาก่อน บางแห่งได้รับหนังสืออ้างตัวว่ามาจากผู้ใหญ่ใน สธ.บ้าง มาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร(ส.ส.) บ้าง ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ได้พยายามรวบรวมข้อมูลหลักฐานและหาหลักฐาน ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เอกสารคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและคำบอกเล่าจากพยานบุคคล ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงผู้ใหญ่ในแวดวงราชการ และ ส.ส.ในพื้นที่ โดยได้นำหลักฐานที่เป็นหนังสือคำสั่งบางส่วนให้กับ นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มี นพ.บรรลุเป็นประธานแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะนำเสนอรายงานการตรวจสอบทั้งหมดให้กับคณะกรรมการ ชุดนพ.บรรลุพิจารณา
นพ.วชิระ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ หลังจากได้ตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติมพบว่า มีรายการครุภัณฑ์นอกเหนือจากที่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการครุภัณฑ์ 6 รายการ ที่มี นพ.เสรี หงษ์หยก เป็นประธาน เพิ่มอีกหลายรายการ ซึ่งรายละเอียดครุภัณฑ์ต่างๆ ที่ตรวจพบความผิดปกติเพิ่มเติมจะส่งให้คณะกรรมการฯ ทั้งหมด
“ไม่น่ายากที่จะสาวถึงนักการเมือง เพราะมีนักการเมืองที่เกี่ยวข้องบริษัทขายเครื่องมือแพทย์ไม่มาก โดยเบื้องต้นทราบว่า ข้อมูลที่พบมี 3-4 จังหวัดในภาคอีสาน ที่มีส.ส.เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย โดยต้องติดตามตรวจสอบข้อมูลที่ทยอยส่งเข้ามาในทุกภาค ทั้งนี้ พบว่าบางพื้นมีความผิดในแง่หลักเกณฑ์เกินเลยไปจากที่มี สิ่งสำคัญคือจะต้องสืบหาว่า ใครเป็นผู้เอื้อให้เกิดตรงนี้ หรือใครสั่งการให้มา หรือเอานามบัตรใครต่อใครมาได้อย่างไร”นพ.วชิระกล่าว
ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวว่า กรณีมีนักการเมืองในพื้นที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหากเป็นสิ่งก่อสร้างจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หากเป็นครุภัณฑ์จะเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล นอกจากนี้ยังพบว่ามีเรื่องการซื้อที่ดินต่อเนื่องไว้รอสำหรับสร้างอาคารพยาบาลใหม่ ทำให้ที่ดินราคาสูงขึ้น
ด้าน นพ.สถาพร วงษ์เจริญ รองปลัด สธ.และในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ. เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการฯ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ3 ชุด ได้แก่ คณะอนุกรรมการตรวจสอบความเหมาะสมรายการในโครงการพัฒนาระบบบริการคณะอนุกรรมการตรวจสอบความเหมาะสมรายการในระบบบริการระดับทุติยภูมิหรือโรงพยาบาลชุมชน และคณะอนุกรรมการตรวจสอบความเหมาะสมรายการในโครงการพัฒนาระบบบริการระดับตติยภูมิและศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง โดยทั้ง 3 ชุดต้องนำข้อมูลมาเสนอในการประชุมในวันที่ 10 พ.ย.นี้
วานนี้ (30 ต.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง การธนาคารและสถาบันการเงิน และคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและติดตามการบริหารงบประมาณวุฒิสภา จัดเสวนาเรื่อง "ชำแหละโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555"
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า รัฐบาลชุดนี้อาการน่าเป็นห่วงมาก เพราะฝากชีวิตไว้กับโครงการไทยเข้มแข็ง เพราะเชื่อว่าเป็นจุดขายที่จะเพิ่มคะแนนนิยม แต่ความจริงแล้วโครงการนี้จะทำให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ติดลบ เพราะบทสรุปมีแต่ กู้ โกง และกินเท่านั้น แม้ขณะนี้ยังไม่มีการเบิกจ่าย จึงยังไม่มีการโกง แต่เห็นชัดว่า แค่เริ่มต้นก็อาการน่าเป็นห่วงแล้ว เนื่องจากเริ่มถูกภาคประชาชนที่เข้มแข็งตรวจสอบ ดังนั้น เรื่องนี้จึงถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่รัฐบาลจะต้องแก้ไขเร่งด่วน ก่อนที่จะเกิดการทุจริตขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลควรทำตามกฎหมาย ใช้เงินผ่านงบประมาณตามปกติ และหากภายหลังมีข้อติดขัดจึงค่อยแก้ไข พ.ร.บ.งบประมาณ หรือ พ.ร.บ.หนี้สาธารณะก็ได้
