เชื่อสิ...วันนี้สังคมไทยต่างรอคอยความหวังลมๆ แล้งๆ ว่า สักวันหนึ่งเมืองไทยจะมีคนเก่ง คนดี จริงจัง - เด็ดขาด เข้ามาสะสางปัญหาชาติบ้านเมือง ที่พวกคนห่าจัญไรทำลายทำร้ายไว้จนเละตุ้มเป๊ะไปหมดแล้ว
ปัญหาของประเทศที่ฉุดรั้งความเจริญในทุกๆ ด้านของเรา ไล่กันตั้งแต่ปัญหาที่สังคมไทยสั่งสมความล้มเหลวในนโยบายปฏิบัติมาหลายปีดีดัก การคาราคาซังกับสังคมอุปถัมภ์ลูบหน้าปะจมูก ความไร้ระเบียบ ไม่เคารพกติกา และล้มเหลวไม่เป็นท่า จากการบริหาราชการแผ่นดินของนักการเมืองไทยตะกละตะกลาม และข้าราชการฉ้อฉลเลียแข้งเลียขากับคนทำธุรกิจไร้ศีลธรรม – บิดเบือนปลิ้นปล้อน-ใต้โต๊ะ
เป็นปัญหาที่มาจากมาตรฐานของ “คน” ตกต่ำทั้งคุณภาพและศีลธรรม
ขณะที่ศูนย์ถ่วงล้อของพลเมืองไทยไม่มั่นคง อีกด้านหนึ่ง...สื่อมวลชนส่วนหนึ่งกลับเป็นยาพิษ ขาดความเข้มแข็งในวิชาชีพ เห็นแก่ตัวมัวเมากับพวกพ้อง ใช้อำนาจหน้าที่ใฝ่หาประโยชน์ส่วนตน ยอมดิ้นรนเพื่อให้ตกเป็นขี้ข้านักการเมือง และประจบประแจงนักธุรกิจเงินถุงเงินถัง
เมื่อสื่อมวลชนไม่ทำหน้าที่ คนชั่วช้าสารเลวก็พุ่งเข้าชน “สมบัติชาติ” และแย่งกันกินไม่ต่างจากหมู-หมาที่ไล่กัดพวกเดียวกันเพื่อ “ชามข้าว”
หลายปีมานี้สังคมไทยได้แต่เฝ้ามองตากันปริบๆ บางคนถือว่าธุระไม่ใช่ แต่บางคนไม่ยินยอมพร้อมใจ
ไอ้พวกที่เฉยก็เงียบเป็นเป่าสาก ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไอ้พวกที่สู้ก็สู้กันเข้าไป มีแรงก็ยืนหยัด หมดแรงก็เกียร์ถอย แต่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยเมืองไทยก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
บ่นเรื่องนี้มายืดยาว เพราะเจ็บใจ 2 เรื่อง หนึ่งคือ มาบตาพุด และอีกหนึ่งคือ การรถไฟฯ
เรื่องแรก...ยังยืดเยื้อ ฝ่ายรัฐและเอกชนบิดเบือนเจตนารมณ์ของพี่น้องกลุ่มคนรักระยองที่ออกมาต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมในบ้านเกิดเมืองนอน
ส่วนเรื่องหลัง...อีรุงตุงนัง ไม่จบสิ้น เพราะนักการเมืองเลวๆ หวังจะปล้นการรถไฟฯ ไปให้เอกชนที่รอกินน้ำลายหก หากไม่มีสหภาพรถไฟป่านนี้ มันล่อกันนัวแล้วพี่น้อง แต่ยังดีที่เจรจากันลงตัวเบื้องต้นเดินรถไฟแล้วใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ว่ากันที่เรื่องมาบตาพุดก่อน...ต้องเข้าใจว่า “สุทธิ อัชฌาศัย” ไม่ใช่ออกมาสู้เพื่อ จ.ระยองสะอาดปราศจากสารพิษจากโรงงานนรก เมื่อเขามาเป็นพันธมิตรฯ หรือว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ แต่คนคนนี้และพี่น้องระยองร่วมอุดมการณ์ต่อสู้ และสู้ สู้มานานกว่า 10 ปีแล้ว
ระยะแรกๆ สุทธิและผองเพื่อนถูกกล่าวหาว่า จุดชนวนการประท้วงโรงงานปล่อยสารพิษ เพราะต้องการรีดไถเงิน
แต่หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์สุทธิและเพื่อน
วันนี้เขาพาพี่น้องเดินเท้ามาถึง “ทำเนียบรัฐบาล” เพื่อย้ำกับประชาชนและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่า การต่อต้านไม่ใช่ขัดขวาง แต่ต้องการให้รัฐสนับสนุนโรงงานสะอาด มากกว่าแหล่งปล่อยสารพิษ และที่ตั้งใจที่สุดคือ เขาจะถามนายกฯ อภิสิทธิ์ ว่า “จะห่วงตัวเลขจีดีพีมากกว่าชีวิตคนไทยหรือ”
ข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทรวงสาธารณสุข คนระยองเป็นมะเร็งหลายแบบพุ่งสูงขึ้นทุกปี...จะให้เขานั่งงอมืองอเท้าหรือลุกขึ้นสู้...คิดเอาเอง
เหมือนกัน....งานนี้พวกรัฐบาลกล่าวหาว่า เบื้องหลังสุทธิมีพรรคการเมืองใหม่ชักใย...เวลาพิสูจน์ทั้งเขาและเรา
ประเด็นถัดมาคือเรื่องรถไฟ เรื่องนี้ใหญ่ และยืดเยื้อยาวนานเหมือนมหากาพย์แห่งการทรยศคดโกง
ประเด็นสำคัญถูกจุดชนวนจากรถไฟสายตรัง-กรุงเทพฯ ที่ตกรางจนเจ็บและตาย ณ บริเวณสถานีเขาเต่าเมื่อ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา คนขับถูกไล่ออกแต่ผู้บริหารนั่งหน้าตาเฉย
สหภาพรถไฟอดรนทนไม่ไหวที่เห็นผู้บริหารหน้าด้าน ไม่รับผิดชอบ จึงออกฤทธิ์-ออกแถลงการณ์เป็นภาษาคนรถไฟว่าจะ “ตรวจอุปกรณ์เข้ม” เพื่อป้องกันอุบัติเหตุอันเกิดจากอุปกรณ์เก่า-หมดอายุ แต่แปลเป็นภาษาทั่วไปว่า “หยุดรถโว้ย!!!”
ผลคือ...สหภาพรถไฟถูกถล่มด้วยข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายจากผู้บริหารและสื่อ ว่า ทิ้งขว้างประชาชนที่สถานีละแม แต่แท้ที่จริงก็ปรากฏในเวลาต่อมาว่า “นายยุทธนา ทัพเจริญ” ผู้ว่าการรถไฟฯ ออกมารับผิดชอบที่ด่วนตัดสินใจสั่งหยุดเดินรถไฟด้วยตัวเอง กว่าเรื่องจะกระจ่าง สหภาพฯ ก็เละเป็นผุยผง
ท่ามกลางความโกลาหลรัฐบาลตัดสินใจยัดไส้มติแปรรูปการรถไฟฯ เรียบร้อย โดยจะคลอดบริษัทออกมาอย่างน้อย 4 แห่ง คือ บริษัทเดินรถโดยสาร บริษัทขนส่งสินค้า บริษัทแอร์พอร์ท ลิงค์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์รถไฟ…และกล่าวหาว่า พรรคการเมืองใหม่อยู่เบื้องหลัง...วัยรุ่นเรียกว่า อะไรๆ ก็กรู
อิ๊บอ๋ายตายอ่าเลี้ยว... รัฐบาลอ้างว่าการรถไฟฯ ไม่ได้ปรับปรุงมานาน สมควรแปรรูปเพื่อลดการขาดทุน 7 หมื่นกว่าล้านบาท และจะช่วยพัฒนาให้การรถไฟฯ ดีขึ้น
สหภาพรถไฟได้ยินดังนั้นก็เดือด เพราะทรัพย์สินการรถไฟฯ มีมากมายเหลือคณานับ โดยเฉพาะที่ดินกว่า 2 แสนไร่ทั่วประเทศ และมีราคามหาศาลถึงเกือบ 4 หมื่นไร่ มติอย่างนี้ก็หวานปากเสี่ยหนู อู้ฟู่ชั่วลูกชั่วหลานบานตะเกียง
ขณะที่ “อมรินทร์ คอมันตร์” นักธุรกิจระหว่างประเทศผู้ต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมากว่า 10 ปี ออกโรงเตือนรัฐบาลประชาธิปัตย์ว่า ถ้าขืนไม่หยุดแปรรูปรถไฟ จะต้องมีเรื่องกัน
“ผมจะขัดขวางจนถึงที่สุด หากรัฐบาลไม่ซื่อสัตย์กับการแก้ปัญหาการรถไฟฯ”
เรื่องที่ดินการรถไฟฯ นี่ก็แปลก ที่ดินมูลค่ามหาศาล ตารางการเดินรถ และขนถ่านสินค้าแน่นเอี๊ยด แต่เหล่านี้ทำรายได้ให้รถไฟเพียงปีละพันกว่าล้านเท่านั้น ที่เหลือไปไหน ถ้าไม่ตกในกระเป๋า “ไอ้ชาติชั่ว” เหลือบรถไฟที่มุบมิบๆ มาหลายสิบปี
รถไฟไทยเกิดพร้อมๆ กับญี่ปุ่น แต่วันนี้ล้าหลังจนเวียดนามแซงหน้าไปแล้ว ถ้ารัฐบาลจริงใจ ต้องแก้ไขตรงจุด ขุดที่ดินมาสะสาง เอาประโยชน์ออกมากางเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่มุดใต้โต๊ะคุยกับเอกชน...โน่น...ห้างใหญ่โน่น ในที่สุดก็เสร็จนักการเมืองกับเอกชนจนได้
พูดถึงนักการเมือง...ถ้าแปรรูปการรถไฟฯ เมื่อไร สหภาพฯ บอกว่า ที่ดินของพ่อใครก็ไม่รู้จะหลุดจากคดีก็เพราะการนี้นี่ละ
ถ้าพูดถึงนักการเมืองแล้วไม่พูดถึง “พระยาละแวก” คงอกแตกตาย... เพราะความจนและคดี ทำให้เฒ่าร้อยเล่ห์กะลาวนกลายมาเป็นคนทรยศชาติได้ เหตุที่เงินส่วนใหญ่ฝากไว้กับสาวนักค้าอาวุธคนดัง หวังให้ฟอกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พอฟองสบู่แตกก็แหลกสลาย เงินที่โกงชาติไปจมหายในกองอิฐหินปูนทราย น้ำหมากกระจายต้องขายตัวให้ดูไบ 2 รอบ รอบแรก 600 ล้านบาท ส่วนรอบหลังก่อนตลาดวายขายถูกสนนราคา 200 ล้านบาทขาดตัว
ส่วน ท.ทหาร ที่นั่ง “รถบัสไปหานะเธอ” ได้ค่าเซ้งดาวบนบ่าคนละ 3 ล้านบาท บวกเงินเดือนอีกคนละ 2 แสนบาท กระดี่ได้น้ำยังดีใจน้อยกว่า ท.ทหาร ทรยศพระราชากลุ่มนี้เลย
ล่าสุด ท.ทหารอีกคนโดนถอดยศสีกากี ริบเครื่องราชฯ นั่งตาปริบๆ ปรับทุกข์กับพี่ปลากรอบอยู่บ้านพักชานกรุงพนมเปญ โดยมีหน่วยรักษาความปลอดภัยรายล้อมแน่นขนัด ด้วยกลัว “พ่อกำนัน” จะย้อนมายิงให้ดิ้นตายก่อนได้กลับมาง้อเมีย…อีเมียก็ดีใจหายวันนี้สู้ตายกับผัว ขนเงินผ่านกาสิโนชายแดนแจกแหลกพร้อมแหกค่ายแล้ววุ้ย
ส่วนกาสิโนใหญ่ที่ชายแดนช่องตาเฒ่าให้น้องชายที่หมายปอง “ดอกฟ้า” เร่งมือจัดการ หวังใช้เป็นฐานฟอกเงินการเมือง และผ่องจ่ายให้ลูกน้องเตรียม “โค่นบัลลังก์” ก่อนสิ้นปี ส่วนพิธีวิวาห์ก็ให้ “เหาะ” เอาไปพลางๆ ก่อน เสียแต่ว่าหลบกระสุนเมียให้ทันก็แล้วกัน
แม่ดอกฟ้ายาหยีคนนี้ก็แสนประหลาด คนดีๆ มีไม่เอา มาเอาคนเปลี่ยนตับที่จับนักโทษมาปล้นเอาซึ่งๆ หน้า พอได้มาก็ใช้บริการปรับเปลี่ยนด้วยบัตร 30 บาทรักษาทุกโรคจนถึงบัดนี้มีเงินแต่ไม่เคยจ่ายค่ายารักษาตับเลย รวยแต่เหนียว เล่นหุ้นแต่ชอบปั่น ตรงๆ ไม่ชอบเอาแต่คดโกง ไม่มีที่ไหนในโลกดูได้จากคนโคตรนี้
แต่ทีกับแม่ยอดยาหยีกำลังเห่อ พ่อเล่นสั่งตัดผ้าถุง ผ้านุ่ง เป็นว่าเล่น ไม่ว่ากี่พัน กี่หมื่นทุ่มสุดตัวกลัวไม่สวยซึ้งตรึงใจ แถมพานั่งรถตู้เต๊ะจุ๊ยเป็นคุณนายออกงานไปแนะนำตัวทั่วพารา ส่วนเมียแก่ก็ให้กลับบ้านเก่าไปเล่นชิงช้าสวรรค์คนเดียวที่เกาะอังกฤษไป๊
ตัดขาดแต่ไม่ตัดรอน เมียแก่เลยร้อนใจนอนร้องไห้สาปแช่งผัวชั่วไม่เว้นทิวาราตรี ขอให้ไอ้ผัวตัวดีโดนตุ๊กแกกินตับเสียให้เข็ดหลาบ..โฮโฮ มีพี่ผัวหน้าเหลี่ยมไม่พอ ยังมีซ้อน้อยสี่เหลี่ยมอีก..ชิงชัง.
ปัญหาของประเทศที่ฉุดรั้งความเจริญในทุกๆ ด้านของเรา ไล่กันตั้งแต่ปัญหาที่สังคมไทยสั่งสมความล้มเหลวในนโยบายปฏิบัติมาหลายปีดีดัก การคาราคาซังกับสังคมอุปถัมภ์ลูบหน้าปะจมูก ความไร้ระเบียบ ไม่เคารพกติกา และล้มเหลวไม่เป็นท่า จากการบริหาราชการแผ่นดินของนักการเมืองไทยตะกละตะกลาม และข้าราชการฉ้อฉลเลียแข้งเลียขากับคนทำธุรกิจไร้ศีลธรรม – บิดเบือนปลิ้นปล้อน-ใต้โต๊ะ
เป็นปัญหาที่มาจากมาตรฐานของ “คน” ตกต่ำทั้งคุณภาพและศีลธรรม
ขณะที่ศูนย์ถ่วงล้อของพลเมืองไทยไม่มั่นคง อีกด้านหนึ่ง...สื่อมวลชนส่วนหนึ่งกลับเป็นยาพิษ ขาดความเข้มแข็งในวิชาชีพ เห็นแก่ตัวมัวเมากับพวกพ้อง ใช้อำนาจหน้าที่ใฝ่หาประโยชน์ส่วนตน ยอมดิ้นรนเพื่อให้ตกเป็นขี้ข้านักการเมือง และประจบประแจงนักธุรกิจเงินถุงเงินถัง
เมื่อสื่อมวลชนไม่ทำหน้าที่ คนชั่วช้าสารเลวก็พุ่งเข้าชน “สมบัติชาติ” และแย่งกันกินไม่ต่างจากหมู-หมาที่ไล่กัดพวกเดียวกันเพื่อ “ชามข้าว”
หลายปีมานี้สังคมไทยได้แต่เฝ้ามองตากันปริบๆ บางคนถือว่าธุระไม่ใช่ แต่บางคนไม่ยินยอมพร้อมใจ
ไอ้พวกที่เฉยก็เงียบเป็นเป่าสาก ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไอ้พวกที่สู้ก็สู้กันเข้าไป มีแรงก็ยืนหยัด หมดแรงก็เกียร์ถอย แต่ผ่านมาหลายยุคหลายสมัยเมืองไทยก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
บ่นเรื่องนี้มายืดยาว เพราะเจ็บใจ 2 เรื่อง หนึ่งคือ มาบตาพุด และอีกหนึ่งคือ การรถไฟฯ
เรื่องแรก...ยังยืดเยื้อ ฝ่ายรัฐและเอกชนบิดเบือนเจตนารมณ์ของพี่น้องกลุ่มคนรักระยองที่ออกมาต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมในบ้านเกิดเมืองนอน
ส่วนเรื่องหลัง...อีรุงตุงนัง ไม่จบสิ้น เพราะนักการเมืองเลวๆ หวังจะปล้นการรถไฟฯ ไปให้เอกชนที่รอกินน้ำลายหก หากไม่มีสหภาพรถไฟป่านนี้ มันล่อกันนัวแล้วพี่น้อง แต่ยังดีที่เจรจากันลงตัวเบื้องต้นเดินรถไฟแล้วใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ว่ากันที่เรื่องมาบตาพุดก่อน...ต้องเข้าใจว่า “สุทธิ อัชฌาศัย” ไม่ใช่ออกมาสู้เพื่อ จ.ระยองสะอาดปราศจากสารพิษจากโรงงานนรก เมื่อเขามาเป็นพันธมิตรฯ หรือว่าที่กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ แต่คนคนนี้และพี่น้องระยองร่วมอุดมการณ์ต่อสู้ และสู้ สู้มานานกว่า 10 ปีแล้ว
ระยะแรกๆ สุทธิและผองเพื่อนถูกกล่าวหาว่า จุดชนวนการประท้วงโรงงานปล่อยสารพิษ เพราะต้องการรีดไถเงิน
แต่หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์สุทธิและเพื่อน
วันนี้เขาพาพี่น้องเดินเท้ามาถึง “ทำเนียบรัฐบาล” เพื่อย้ำกับประชาชนและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายว่า การต่อต้านไม่ใช่ขัดขวาง แต่ต้องการให้รัฐสนับสนุนโรงงานสะอาด มากกว่าแหล่งปล่อยสารพิษ และที่ตั้งใจที่สุดคือ เขาจะถามนายกฯ อภิสิทธิ์ ว่า “จะห่วงตัวเลขจีดีพีมากกว่าชีวิตคนไทยหรือ”
ข้อมูลเพิ่มเติมจากกระทรวงสาธารณสุข คนระยองเป็นมะเร็งหลายแบบพุ่งสูงขึ้นทุกปี...จะให้เขานั่งงอมืองอเท้าหรือลุกขึ้นสู้...คิดเอาเอง
เหมือนกัน....งานนี้พวกรัฐบาลกล่าวหาว่า เบื้องหลังสุทธิมีพรรคการเมืองใหม่ชักใย...เวลาพิสูจน์ทั้งเขาและเรา
ประเด็นถัดมาคือเรื่องรถไฟ เรื่องนี้ใหญ่ และยืดเยื้อยาวนานเหมือนมหากาพย์แห่งการทรยศคดโกง
ประเด็นสำคัญถูกจุดชนวนจากรถไฟสายตรัง-กรุงเทพฯ ที่ตกรางจนเจ็บและตาย ณ บริเวณสถานีเขาเต่าเมื่อ 5 ตุลาคม ที่ผ่านมา คนขับถูกไล่ออกแต่ผู้บริหารนั่งหน้าตาเฉย
สหภาพรถไฟอดรนทนไม่ไหวที่เห็นผู้บริหารหน้าด้าน ไม่รับผิดชอบ จึงออกฤทธิ์-ออกแถลงการณ์เป็นภาษาคนรถไฟว่าจะ “ตรวจอุปกรณ์เข้ม” เพื่อป้องกันอุบัติเหตุอันเกิดจากอุปกรณ์เก่า-หมดอายุ แต่แปลเป็นภาษาทั่วไปว่า “หยุดรถโว้ย!!!”
ผลคือ...สหภาพรถไฟถูกถล่มด้วยข้อมูลบิดเบือนใส่ร้ายจากผู้บริหารและสื่อ ว่า ทิ้งขว้างประชาชนที่สถานีละแม แต่แท้ที่จริงก็ปรากฏในเวลาต่อมาว่า “นายยุทธนา ทัพเจริญ” ผู้ว่าการรถไฟฯ ออกมารับผิดชอบที่ด่วนตัดสินใจสั่งหยุดเดินรถไฟด้วยตัวเอง กว่าเรื่องจะกระจ่าง สหภาพฯ ก็เละเป็นผุยผง
ท่ามกลางความโกลาหลรัฐบาลตัดสินใจยัดไส้มติแปรรูปการรถไฟฯ เรียบร้อย โดยจะคลอดบริษัทออกมาอย่างน้อย 4 แห่ง คือ บริษัทเดินรถโดยสาร บริษัทขนส่งสินค้า บริษัทแอร์พอร์ท ลิงค์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์รถไฟ…และกล่าวหาว่า พรรคการเมืองใหม่อยู่เบื้องหลัง...วัยรุ่นเรียกว่า อะไรๆ ก็กรู
อิ๊บอ๋ายตายอ่าเลี้ยว... รัฐบาลอ้างว่าการรถไฟฯ ไม่ได้ปรับปรุงมานาน สมควรแปรรูปเพื่อลดการขาดทุน 7 หมื่นกว่าล้านบาท และจะช่วยพัฒนาให้การรถไฟฯ ดีขึ้น
สหภาพรถไฟได้ยินดังนั้นก็เดือด เพราะทรัพย์สินการรถไฟฯ มีมากมายเหลือคณานับ โดยเฉพาะที่ดินกว่า 2 แสนไร่ทั่วประเทศ และมีราคามหาศาลถึงเกือบ 4 หมื่นไร่ มติอย่างนี้ก็หวานปากเสี่ยหนู อู้ฟู่ชั่วลูกชั่วหลานบานตะเกียง
ขณะที่ “อมรินทร์ คอมันตร์” นักธุรกิจระหว่างประเทศผู้ต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจมากว่า 10 ปี ออกโรงเตือนรัฐบาลประชาธิปัตย์ว่า ถ้าขืนไม่หยุดแปรรูปรถไฟ จะต้องมีเรื่องกัน
“ผมจะขัดขวางจนถึงที่สุด หากรัฐบาลไม่ซื่อสัตย์กับการแก้ปัญหาการรถไฟฯ”
เรื่องที่ดินการรถไฟฯ นี่ก็แปลก ที่ดินมูลค่ามหาศาล ตารางการเดินรถ และขนถ่านสินค้าแน่นเอี๊ยด แต่เหล่านี้ทำรายได้ให้รถไฟเพียงปีละพันกว่าล้านเท่านั้น ที่เหลือไปไหน ถ้าไม่ตกในกระเป๋า “ไอ้ชาติชั่ว” เหลือบรถไฟที่มุบมิบๆ มาหลายสิบปี
รถไฟไทยเกิดพร้อมๆ กับญี่ปุ่น แต่วันนี้ล้าหลังจนเวียดนามแซงหน้าไปแล้ว ถ้ารัฐบาลจริงใจ ต้องแก้ไขตรงจุด ขุดที่ดินมาสะสาง เอาประโยชน์ออกมากางเพื่อส่วนรวม ไม่ใช่มุดใต้โต๊ะคุยกับเอกชน...โน่น...ห้างใหญ่โน่น ในที่สุดก็เสร็จนักการเมืองกับเอกชนจนได้
พูดถึงนักการเมือง...ถ้าแปรรูปการรถไฟฯ เมื่อไร สหภาพฯ บอกว่า ที่ดินของพ่อใครก็ไม่รู้จะหลุดจากคดีก็เพราะการนี้นี่ละ
ถ้าพูดถึงนักการเมืองแล้วไม่พูดถึง “พระยาละแวก” คงอกแตกตาย... เพราะความจนและคดี ทำให้เฒ่าร้อยเล่ห์กะลาวนกลายมาเป็นคนทรยศชาติได้ เหตุที่เงินส่วนใหญ่ฝากไว้กับสาวนักค้าอาวุธคนดัง หวังให้ฟอกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พอฟองสบู่แตกก็แหลกสลาย เงินที่โกงชาติไปจมหายในกองอิฐหินปูนทราย น้ำหมากกระจายต้องขายตัวให้ดูไบ 2 รอบ รอบแรก 600 ล้านบาท ส่วนรอบหลังก่อนตลาดวายขายถูกสนนราคา 200 ล้านบาทขาดตัว
ส่วน ท.ทหาร ที่นั่ง “รถบัสไปหานะเธอ” ได้ค่าเซ้งดาวบนบ่าคนละ 3 ล้านบาท บวกเงินเดือนอีกคนละ 2 แสนบาท กระดี่ได้น้ำยังดีใจน้อยกว่า ท.ทหาร ทรยศพระราชากลุ่มนี้เลย
ล่าสุด ท.ทหารอีกคนโดนถอดยศสีกากี ริบเครื่องราชฯ นั่งตาปริบๆ ปรับทุกข์กับพี่ปลากรอบอยู่บ้านพักชานกรุงพนมเปญ โดยมีหน่วยรักษาความปลอดภัยรายล้อมแน่นขนัด ด้วยกลัว “พ่อกำนัน” จะย้อนมายิงให้ดิ้นตายก่อนได้กลับมาง้อเมีย…อีเมียก็ดีใจหายวันนี้สู้ตายกับผัว ขนเงินผ่านกาสิโนชายแดนแจกแหลกพร้อมแหกค่ายแล้ววุ้ย
ส่วนกาสิโนใหญ่ที่ชายแดนช่องตาเฒ่าให้น้องชายที่หมายปอง “ดอกฟ้า” เร่งมือจัดการ หวังใช้เป็นฐานฟอกเงินการเมือง และผ่องจ่ายให้ลูกน้องเตรียม “โค่นบัลลังก์” ก่อนสิ้นปี ส่วนพิธีวิวาห์ก็ให้ “เหาะ” เอาไปพลางๆ ก่อน เสียแต่ว่าหลบกระสุนเมียให้ทันก็แล้วกัน
แม่ดอกฟ้ายาหยีคนนี้ก็แสนประหลาด คนดีๆ มีไม่เอา มาเอาคนเปลี่ยนตับที่จับนักโทษมาปล้นเอาซึ่งๆ หน้า พอได้มาก็ใช้บริการปรับเปลี่ยนด้วยบัตร 30 บาทรักษาทุกโรคจนถึงบัดนี้มีเงินแต่ไม่เคยจ่ายค่ายารักษาตับเลย รวยแต่เหนียว เล่นหุ้นแต่ชอบปั่น ตรงๆ ไม่ชอบเอาแต่คดโกง ไม่มีที่ไหนในโลกดูได้จากคนโคตรนี้
แต่ทีกับแม่ยอดยาหยีกำลังเห่อ พ่อเล่นสั่งตัดผ้าถุง ผ้านุ่ง เป็นว่าเล่น ไม่ว่ากี่พัน กี่หมื่นทุ่มสุดตัวกลัวไม่สวยซึ้งตรึงใจ แถมพานั่งรถตู้เต๊ะจุ๊ยเป็นคุณนายออกงานไปแนะนำตัวทั่วพารา ส่วนเมียแก่ก็ให้กลับบ้านเก่าไปเล่นชิงช้าสวรรค์คนเดียวที่เกาะอังกฤษไป๊
ตัดขาดแต่ไม่ตัดรอน เมียแก่เลยร้อนใจนอนร้องไห้สาปแช่งผัวชั่วไม่เว้นทิวาราตรี ขอให้ไอ้ผัวตัวดีโดนตุ๊กแกกินตับเสียให้เข็ดหลาบ..โฮโฮ มีพี่ผัวหน้าเหลี่ยมไม่พอ ยังมีซ้อน้อยสี่เหลี่ยมอีก..ชิงชัง.