สัมภาษณ์พิเศษ
เรื่องโดย...ออรีสา อนันทะวัน
ภาพโดย...พลภัทร วรรณดี
“การให้สัมภาษณ์คราวนั้นทำให้ผมแน่ใจว่า ทักษิณไม่เคารพ ไม่สักการะพระมหากษัตริย์เหมือนพวกเรา”
นั่นคือบทสรุปจากปากคำของ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร ภายหลังที่อ่านพบบทสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในหนังสือพิมพ์ ไฟแนนเชียลไทมส์ ฉบับวันที่ 20 เมษายน 2552 และประกาศแน่วแน่นับแต่นั้นมาว่าจะไม่ใช่คำว่า “พ.ต.ท.” นำหน้าชื่อของ “ทักษิณ”
วันนี้ พล.ต.อ.วสิษฐ จะมาตีแผ่ขบวนการล้มเจ้าอย่างลึกสุดใจ
-ท่านตรวจสอบการหมิ่นสถาบันมานานแค่ไหน
ตั้งแต่สมัยทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหมดอำนาจไป เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมาอย่างผิดสังเกตเลย เท่าที่ตรวจสอบมีเยอะเลย ทุกวันนี้ก็ยังมี
-แปลกใจหรือไม่ว่าทำไมยังมีอยู่ ทั้งยังไม่มีการแก้ไขหรือจัดการให้หมดไป
ผมออกจะเห็นใจเจ้าหน้าที่เพราะจัดการไม่ได้ง่ายๆ เวลานี้อิเล็กทรอนิกส์เร็วเหลือเกิน ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าใครจะไปกำจัดมันได้อย่างสิ้นซาก แต่สิ่งที่พวกเราควรทำคือ ใครก็ตามที่เปิดแล้วอย่ากระจาย อย่าแพร่ต่อ อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถหยุดคนที่เจตนาจะแพร่มีไหมได้ นั่นคือปัญหา อย่างคลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่ออกมาวันก่อน ที่แก้คำพูดนายกรัฐมนตรี พอจับได้ขึ้นมาบอกคนอื่นส่งมาให้
-คิดว่า การที่ พ.ต.ท. ทักษิณ เคลื่อนไหวต้องการส่งสัญญาณไปถึงใคร
มันออกจะชัดอยู่แล้วว่าเขาต้องการอะไร ก่อนอื่นอยากเท้าความถึงเรื่องทักษิณ กับพระมหากษัตริย์ ถ้าไม่ใช่เพราะการให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ ไฟแนนเชียลไทมส์ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2552 ผมคงยังไม่ปักใจอะไร ผมเพียงแต่มองเห็นว่ามันมีสิ่งบอกเหตุว่าทักษิณไม่เคารพและไม่จงรักภัคดีต่อพระมหากษัตริย์ แต่การให้สัมภาษณ์คราวนั้นทำให้ผมแน่ใจว่า ทักษิณไม่เคารพ ไม่สักการะพระมหากษัตริย์เหมือนพวกเรา
ผมไม่ได้อ่านจากข่าวแปล พอรู้ว่าให้สัมภาษณ์ก็เลยเปิดเองในเว็บไซต์ไฟแนนเชียลไทมส์ออนไลน์ เมื่อเห็นเนื้อข่าวที่เป็นภาษาอังกฤษ ผมเขียนเรื่องนี้ถอดออกมาจากภาษาอังกฤษ มีผู้สื่อข่าว 2 คน สัมภาษณ์ทักษิณพร้อมกัน คนหนึ่งเป็นผู้หญิงชื่อเซรีนา ทาร์ลิงก์ ให้สัมภาษณ์ที่ลอนดอน อีกคนหนึ่งเป็นผู้ชายคือนายรอบิน วิกเกลสเวอร์ธในนครดูไบ
ทักษิณให้สัมภาษณ์ว่า พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และองคมนตรีอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ระบุว่าเป็นใคร เข้าเฝ้าฯ พระเจ้าอยู่หัวก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และกราบบังคมทูลว่าจะกำจัดทักษิณถวายเพราะทักษิณไม่จงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว
ในเรื่องที่ให้สัมภาษณ์นั้น ทักษิณระบุว่า พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) เป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
เอาแค่นี้ผมก็ทราบแล้วว่า ถ้าคนที่เคยเป็นถึงนายกรัฐมนตรีแล้วให้สัมภาษณ์แบบนี้ จะให้แปลว่าอย่างไร เชื่อพล.อ. พัลลภ ใช่ไหม ถึงได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอย่างนี้ แล้วใช้วิจารณญาณหรือเปล่า เพราะพล.อ. พัลลภก็ต้องรู้เรื่องการเฝ้าฯ มาจากคนอื่น คำถามคือแล้วใครเป็นคนมาเล่าให้ฟัง และคนอื่นที่มาเล่าให้ฟังจะเป็นใครไม่ได้นอกจากองคมนตรี 3 คน หรือเจ้าหน้าที่ที่โดยหน้าที่จะต้องเฝ้าฯ อยู่ในที่ประทับ แต่ว่าทักษิณ ยอมเชื่อได้ยังไงว่าเป็นเรื่องจริง ทำไมไม่พิจารณาเหมือนอย่างคนที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีว่าเกิดขึ้นได้ไหม
ผมเองเคยทำงานถวายพระเจ้าอยู่หัว และจนถึงวันนี้ผมยังไม่เคยหยุดศึกษาพระราชกรณียกิจ ไม่ว่าทรงจะทำอะไรเมื่อไหร่ ข่าวในพระราชสำนักออกต้องดู ถ้าเสด็จฯออกจากพระตำหนักอย่างวันเฉลิมพระชนมพรรษา ถ้าเข้าเฝ้าฯได้ผมก็เข้าเฝ้าฯ ผมยืนยันว่าในหลวงของเราไม่เคยปฏิบัติพระองค์เกินรัฐธรรมนูญ
ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีที่ท่านทรงตั้ง แล้วอยู่ๆ ประธานองคมนตรีบอกว่าจะกำจัดทักษิณถวาย พระองค์ก็คงจะต้องย้อนถามว่าฉันตั้งไม่ใช่หรือทักษิณนี่ แล้วเรื่องอะไรจะมากำจัด พระองค์จะไม่ทำตรงนี้อย่างแน่นอน สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้ และพล.อ. พัลลภปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้พูด แล้วทักษิณก็ไม่เคยปฏิเสธว่าไม่เคยให้สัมภาษณ์ ผมเลยปักใจว่าให้ร้ายพระมหากษัตริย์เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะล้มการปกครองระบบที่มีกษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ แล้วไม่อาจนึกเป็นอื่นไปได้นอกจากทักษิณมีส่วน
-เรื่องการโจมตีองคมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการทำเพื่อให้กระทบสถาบันใช่หรือไม่
ก็ต้องคิดกันเอาเอง เพราะว่าเมื่อทรงตั้งองคมนตรีตามพระราชอัธยาศัย การโจมตีองคมนตรีก็เท่ากับเป็นเชิงแนะว่าทรงตั้งผิด ก็ดูเอาก็แล้วกันว่าเป้าอยู่ที่ไหน
-ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปรากฏการณ์แบบนี้มาก่อน คือมีการโจมตีกันอย่างรุนแรงและไม่เกรงกลัวอะไร
ความจริงเมื่อตอนยังดีกันอยู่ก็เห็นวิ่งเข้าไปหาท่านทั้งนั้น
-การที่พ.ต.ท.ทักษิณหยิบยกเรื่องพระมหากษัตริย์ขึ้นมา เพื่อต้องการดึงมวลชนหรือว่าต้องการโจมตีเพื่อหวังผล
ผมต้องดูเอาจากการที่เจตนา เมื่อตัวเองให้สัมภาษณ์ดังที่กล่าวมา ก็ตีความเป็นอื่นไม่ได้ ว่าตัวเองนั่นแหละที่ตั้งใจที่จะทำให้สถาบันเสื่อม ขึ้นต้นด้วยตัวเอง ถ้าไม่ให้สัมภาษณ์ อาจจะไม่มีอะไรชัดเจน ถูกแจ้งความดำเนินคดี และผมถูกสอบเป็นพยานไปแล้ว
- ขบวนหมิ่นสถาบันจะจบลงพร้อม พ.ต.ท.ทักษิณหยุดเคลื่อนไหวหรือไม่
คิดว่าเรื่องละเมิดจ้วงจาบพระมหากษัตริย์ ทักษิณไม่หยุดก็ได้ แต่ว่าจะไม่มีคนฟังทักษิณมากขึ้นๆ เพราะคนไทยไม่ได้โง่ คนไทยอาจจะหลงเชื่อทักษิณ อาจจะมีจำนวนหนึ่ง แต่คนไทยเกือบประเทศเขารู้ว่า พระมหากษัตริย์มีความสำคัญมากเพียงไร และพระมหากษัตริย์ทรงทำอะไรให้บ้านเมืองบ้าง พระราชินี ราชวงศ์ทำอะไร เขารู้ เขาเข้าใจ ดังนั้นขบวนการจ้วงจาบคงมีไปเรื่อยๆ เพราะไม่รู้จะสกัดหรือระงับยับยั้งยังไง แต่ผมคิดว่าคงสร่างซาไปโดยสภาพของมันเอง คนคงรู้และเข้าใจมากขึ้น ความพรักพร้อมของคนที่เคารพพระมหากษัตริย์มีให้ดูแล้ว ส่วนพวกที่หลงเชื่อหรือพวกที่จงใจจะทำลายคงทำได้แค่นี้ คงไปสกัดเขาไม่ได้ เขาเชื่ออย่างนั้น
-มีความพยายามของคนบางกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหว โจมตีสถาบันอย่างต่อเนื่อง
ผมเห็นว่าเป็นคนเลว ผมคิดว่าคนไทยส่วนมากยังตระหนักดีว่าการที่เมืองไทยอยู่มาได้ทุกวันนี้เพราะพระมหากษัตริย์ เมืองไทยเราปกครองด้วยระบอบนี้มานานเหลือเกิน ถ้าจะเอาความจริงก่อนสุโขทัยด้วย แต่เฉพาะจากสุโขทัยมาร่วม 790 ปี แน่นอนว่าเมื่อก่อนเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระเจ้าแผ่นดินมีอำนาจเต็มที่บังคับบัญชาใครได้เพราะเป็นกฎหมายในพระองค์เอง แต่ว่าสิ่งที่เราจะปฏิเสธไม่ได้แม้จะปกครองด้วยระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ คือความต่อเนื่องของเมืองไทย อยู่มาทุกวันนี้ได้เพราะพระมหากษัตริย์ ผมไม่ได้พูดถึงพระองค์หนึ่งองค์ใดแต่พูดถึงสถาบันแม้ว่าราชวงศ์จะเปลี่ยนแปลง
อย่างสมัยกรุงศรีอยุธยาเรามีหลายราชวงศ์ บางราชวงศ์เวลาเปลี่ยนก็เปลี่ยนรุนแรง มีการฆ่ากัน แต่สิ่งที่คนไทยยังไม่เคยขาดเลยคือความรู้สึกที่ว่ามีประมุขเป็นพระมหากษัตริย์มาเรื่อยจนปัจจุบัน ในสมัยรัตนโกสินทร์ที่กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงเราก็จะเห็นว่าการเมืองขึ้นๆ ลงๆ ลุ่มๆ ดอนๆ มีรัฐธรรมนูญแล้วก็ยังอุตสาห์มีคนมาฉีกรัฐธรรมนูญ มีรัฐประหารครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อพวกคุณฉีกไปแล้วจะทำยังไงได้ ก็ต้องเขียนใหม่ แล้วทหารก็ขึ้นไปปกครองบ้านเมือง ก็เห็นอยู่แล้วฝีมือปกครองบ้านเมืองของทหารเป็นอย่างไร แต่ว่าเวลามีวิกฤตการณ์พวกนี้ก็ได้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี่แหละที่ท่านทรงเป็นกรรมการให้ แต่การทรงเป็นกรรมการของพระเจ้าอยู่หัวท่านไม่เคยออกนอกรัฐธรรมนูญเลย
ที่ต้องยอมรับคือว่า ถ้าไม่มีพระพระมหากษัตริย์รัชกาลก่อนๆ นี้ รวมถึงองค์ปัจจุบัน เราจะไม่เห็นเมืองไทยอย่างในขณะนี้ เมืองไทยตกมาให้เป็นขนมหวานให้บรรดานักการเมือง เราอยู่กันด้วยความสุขความสงบ มีปัญหาบ้างเราก็แก้ได้ การปกครองระบอบประชาธิปไตยพระมหากษัตริย์ทรงมีส่วนอย่างยิ่งในการให้โอกาสการเมืองให้พัฒนาประชาธิปไตย ถ้าประชาธิปไตยไม่พัฒนาอย่าไปโทษพระมหากษัตริย์ โทษนักการเมือง โทษคนอื่นที่มีหน้าที่
-มีนักวิชาการบางกลุ่ม แนวร่วมประชาชนคนรักทักษิณที่ออกมาต่อต้านสถาบัน คนกลุ่มนี้เป็นอันตรายต่อประเทศหรือไม่
ผมเชื่อว่าคำที่ใช้ต่อต้าน ไม่รู้ว่าต่อต้านอะไร เพราะเหตุว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ทรงอยู่ในฐานะที่จะไปต่อต้าน จะไปต่อต้านโครงการหลวงหรือ เวลานี้ที่พยามบิดเบือนคือเรื่องเดียวคือองคมนตรี ทำนองว่าองคมนตรีเป็นอุปสรรค หากต่อต้านพระมหากษัตริย์ทำไปไม่มีใครเชื่อ และจะแพ้ภัยตัวในที่สุด
-คิดว่าสิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณทำอยู่นี้ เขามีความสุขหรือไม่ เหมือนเป็นโรคจิตรึเปล่า
ความจริง เขาก็พูดว่าเขาสบายดี แต่ถ้าเป็นผมที่พลัดที่นาคาที่อยู่คงไม่สบาย อย่างทักษิณอยู่เชียงใหม่ ใกล้พี่น้องเพื่อนฝูง แต่ต้องตระเวนอยู่ต่างประเทศและไม่รู้อยู่ไหน แต่คิดว่าภาษาที่บ้านนั้นคงไม่เหมือนที่บ้านเรา จะให้สบายผมคิดว่าคงไม่สบาย แต่เขาบอกว่าเองว่าเป็นหมูอ้วน
ส่วนเรื่องอาการทางจิต อันนั้นตั้งข้อสังเกตไปแล้วว่าเหมือนคนไม่สบาย เพราะว่าพูดเปลี่ยนไปมา พูดเหมือนตัวเองเชื่อด้วย ถ้าเชื่อเรื่องที่เมื่อวานตัวเองไม่เชื่อ แล้ววันนี้มาเชื่อ ผมเลยไม่รู้ว่าจะสรุปยังไง
-ในสายตาของ พล.ต.อ.วสิฐ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนยังไง มีจุดประสงค์อะไรต่อการเคลื่อนไหว หรือเพื่อต้องการกลับมามีอำนาจ
คงไม่ต้องสงสัยแล้ว เขาต้องการกลับมาแบบไร้ราคี ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ ข้อหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องความประพฤติมิชอบของทักษิณ ผมว่ามีทางเดียวเท่านั้นคือต้องพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างนั้นจริงๆ รึเปล่า แต่จะเห็นว่าเจ้าตัวตัดโอกาส ในการโฟนอินทุกครั้ง ผมไม่เคยเห็นทักษิณแสดงท่าทีว่าจะแสดงความบริสุทธิ์ของข้อหาตัวเองในเรื่องเหล่านั้น ทักษิณจะกล่าวหารวมๆ ในที่สุดก็จะพุ่งไปที่ศาลว่าพิพากษาไม่เป็นธรรม ผมเองเห็นว่าคดีที่ทักษิณโดนจำคุก 2 ปี สมมติศาลเอียงกระเท่เร่เลย ศาลไม่เป็นธรรมศาลตั้งใจที่จะเล่นงานให้ตายจริงๆ แล้วศาลปล่อยภรรยาทักษิณไปทำไม
-ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าทำไมพ.ต.ท.ทักษิณยังมีอิทธิพล และกุมใจคนรากหญ้าได้
อ๋อที่ทำได้เพราะเหตุว่า ต้องยอมรับโครงการที่เกิดขึ้นสมัยทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี มีประโยชน์หลายโครงการและบรรดาผู้ที่เขาเรียกว่า คนรากหญ้า ซึ่งผมไม่ชอบคำนี้ เพราะเมื่อก่อนเราเรียกว่าคนรากหญ้าเป็นกระดูกสันหลังของบ้านเมืองแต่เดี๋ยวนี้ลงไปเป็นรากแล้วเป็นหญ้าด้วย แต่เราใช้คำนี้ไปพลางๆ ก่อนก็ได้ คนระดับนั้นได้ประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของทักษิณ ผมเองยังตื่นเต้นไปตามด้วยว่าเขาคิดอะไรออกมากมาย อย่างโครงการ 30 บาทรักษาทุกโครง รวมถึงโครงการหาเงินไปให้ชาวนาขอยืม แม้ว่าโครงการพวกนี้มันกระทบใจผู้ที่ได้รับประโยชน์ก็จริง แต่ผมรู้สึกว่าผู้ที่ได้รับประโยชน์ ลืมนึกไปว่าลงท้ายมันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเหตุว่าคนยากไร้ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องคว้าผลประโยชน์ที่ได้ก่อน แต่ไม่มีใครศึกษาให้พี่น้องชาวนาเข้าว่าโครงการอย่างที่ดำเนินไปแค่ไหน เกิดกระทบอย่างไรในระยะยาว
หนี้เกษตรกร ลงท้ายใครเป็นคนคืนให้รัฐ เรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรค ถ้าคุยกับทางโรงพยาบาลดูก็จะรู้ว่ามีปัญหาไม่ใช่ไม่มี โครงการอย่างนี้ไม่ใช่ทำ 3-4 วันจบ ควรต้องทำในระยะยืดยาว
ในขณะที่ทักษิณเอาใจชาวบ้านอยู่อย่างนี้ ทักษิณกับพวกได้อะไรบ้าง ปรากฏว่าทักษิณกับพวกร่ำรวยขึ้นมามหาศาลในเวลาประเดี๋ยวประด๋าว แล้วสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น ซึ่งคงไม่ต้องลงรายละเอียดเพราะเวลานี้มันชัดเจนว่าเรื่องอะไรบ้าง แม้กระทั่งสิ่งที่เราคิดว่าเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ตัวผมเองตื่นเต้นมากที่เกิดดาวเทียมไทยคมดวงแรกของประเทศ สมเด็จพระสังฆราชทรงไปเจิมให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตร แต่จู่ๆ นายกไปขายให้สิงคโปร์ ผมคิดว่าเป็นการตบหน้าคนไทยทั้งประเทศ เพราะเหตุว่าเอาสิ่งที่เราภูมิใจ เอาสมบัติของชาติไปขายให้คนต่างชาติ
-เหตุทที่ปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณมีอำนาจอยู่เพราะเงินหรือว่าคนที่อยู่รอบข้างอยากกลับมามีอำนาจ
ผมว่าทั้งสองอย่าง เพระว่าคนที่กำลัง เย้วๆ อยู่ก็เคยมีลิ้มรสอำนาจไม่ใช่ไม่เคย ถ้ามีน้ำเลี้ยงก็อยู่ต่อไปได้ สมมุติว่าทักษิณลองหยุดโฟนอิน และหยุดจ่ายเงิน ผมว่าอีก 2-3 วันสถานการณ์เปลี่ยน ผมเชื่อว่าปัจจัยหนึ่งขึ้นอยู่กับทักษิณ ถ้าไม่มีการจ่ายเงิน ก็คงไม่เกิดการชุมนุม
-หากพ.ต.ท.ทักษิณ ยังเคลื่อนอย่างนี้ ไม่ว่าจะโฟนอิน ทวิตเตอร์ โทรทัศน์ ในระยะยาวจะเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย
ถ้าทักษิณไม่เลิกก็จะเป็นอย่างนี้ต่อไป คนไทยจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว
-ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่หยุด คิดว่าทำอย่างไรเพื่อช่วยลดความขัดแย้ง
ผมนึกไม่ออก เพราะว่าไม่รู้ว่าจะมีใครพูดกับทักษิณให้เข้าใจว่ามันไม่ใช่วิธีที่ทำได้ การกลับมาบริสุทธิ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีคดี คืนทรัพย์สิน มันทำไม่ได้ จนกว่าทักษิณ จะพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ผิดอย่างไร โอกาสก็มีอยู่คือศาล แต่ทักษิณกลับหนีไปเสียก่อน ความจริงตอนถูกจำคุก 2 ปี ก็มีโอกาสที่จะอุทธรณ์ก็มีอยู่ แต่ตัวก็ทิ้งโอกาสไปเสีย คดีอื่นที่ยังรอการพิสูจน์อยู่ ตกลงจะลบล้างไปหมดใช่ไหม โดยเหตุผลมันทำไม่ได้ ผมยังนึกไม่ออกว่าจะทำยังไง หากไม่เลิกจะทำอย่างนี้ ยื่นเงื่อนไขทำนองนี้ มันก็จะยืดเยื้อไปเรื่อยๆ ที่เราทำได้ และผมทำได้คือต้องคอยบอกให้รู้ว่าความจริงเป็นยังไง ให้คนที่อ่านรู้ว่าความจริงเป็นอย่างนี้ เวลานี้เราต้องต่อสู้กับความโกหกมดเท็จด้วยการเอาความจริง สัจจะเท่านั้นเอง เพราะอาวุธเราคืออย่างนี้
- ในฐานะท่านเป็นนักเขียนนิยายมายาวนานหากจะท่านจะเขียนหนังสือสักเล่มเกี่ยวกับพ.ต.ท.ทักษิณ จะตั้งชื่อว่าอะไร
(พล.ต.อ.วสิษฐนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบว่า) ยังไม่ได้คิดจะเขียน ความจริงชีวิตทักษิณเอามาใช้เป็นพื้นฐานในการเขียนนิยายได้ดีๆ เล่มหนึ่ง เป็นกรณีตัวอย่างที่สามารถทำนิยายได้ แต่ว่าผมเพิ่งจบนวนิยายเรื่องพรหมแดน ยังเหนื่อยอยู่ และยังไม่ได้คิด
-ตอนนี้ท่านยังคงยืนยันที่จะไม่ใช้ยศ พ.ต.ท.นำหน้าทักษิณ
ไม่ครับ สังเกตผมไม่ใช้ยศนำหน้าชื่อ ทักษิณ เพราะเหตุว่าเขาไม่สมควรที่จะใช้ยศนำหน้าชื่อต่อไปแล้ว ผู้เกี่ยวข้องจะนั่งดูอะไรอยู่ ในเมื่อเห็นชัดๆว่าหนีโทษทางอาญา ขณะนี้ยังสร้างความเดือดร้อนบ้านเมืองโฟนอินเข้ามา ออกโทรทัศน์ วิทยุ
-ทางฝ่ายเสื้อแดงมักจะหยิบยกคำว่าหนึ่งมาโจมตีบ่อยคืออำมาตย์ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้
(พล.อ. วสิษฐ หัวเราะในลำคอ แล้วบอกว่า) เมืองไทยมีระบอบอำมาตย์มาช้านาน ทักษิณก็เป็นอำมาตย์ เป็นมหาอำมาตย์ด้วยซ้ำไปเพราะเป็นนายกรัฐมนตรี คำว่าอำมาตย์มันเป็นประวัติศาสตร์ แต่ว่าผมจำไม่ได้ว่ามีฝรั่งคนไหนมาขึ้นต้นพูดว่าบ้านเมืองของเรา ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่มีบทบาท กลายเป็นอุปสรรคในการพัฒนาประชาธิปไตยหรือการเมือง ผมไม่ปฏิเสธเพราะเห็นว่าทุกยุคทุกสมัย ที่ผ่านมาที่มีการทำรัฐประการ แล้วรัฐบาลเผด็จการทหารขึ้นมานั่งเก้าอี้ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มีส่วนมากที่สุดในการให้การปกครองเดินไปข้างหน้าได้ มีหลักอยู่แห่งเดียวเท่านั้นคือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่
อำมาตยาธิปไตยมีส่วนแน่นอนในการปกครองบ้านเมือง หลายครั้งหลายหนที่ผมเชื่อด้วยว่านักการเมืองที่ขึ้นมากับข้าราชการที่ขึ้นมาสมคบกันที่จะหาผลประโยชน์จากบ้านเมือง แต่ถ้าจะบอกว่าอำมาตย์คือผู้แทนของระบอบราชาธิปไตย เพราะฉะนั้นต้องทำลายต้องกำจัด ผมคิดว่ารวบรัดเกินไป คิดว่าต้องดูที่มาก่อนว่าที่มาเป็นยังไง
ขอยกตัวอย่างในประเทศฝรั่งเศสสมัยหนึ่งเปลี่ยนการปกครอง เปลี่ยนรัฐบาลบ่อยมาก เขาภูมิใจเหลือเกินที่อยู่มาแล้วชาวบ้านไม่มีมีปัญหาเพราะข้าราชการประจำเป็นหลัก นั่นคืออำมาตย์ที่เป็นประโยชน์ อำมาตย์คือข้าราชการที่ตกค้างมาจากระบอบเดิมเท่านั้น เพราะฉะนั้นคิดว่าเป็นการเติมสำนวนและพยายามที่จะปั้นเพื่อให้มีเป้าโจมตี ถามว่าอำมาตย์ที่พูดลงท้ายใครกัน ในที่สุดจะเห็นว่าทั้งเสื้อแดง และตัวทักษิณ ต่างพุ่งเป้าไปข้างบนทุกที ไม่ถึงพระเจ้าอยู่หัว แต่ถึงองคมนตรีและยังไม่หยุดที่จะเรียกร้องให้ออก มีการด่าองคมนตรี ส่วนองคมนตรีอยู่ในฐานะที่ตอบโต้ยาก พอออกมาพูดหน่อย เดี๋ยวก็วิ่งไปฟ้อง ลุกขึ้นด่าบ้าง ความจริงองคมนตรีพูดยากอยู่แล้วเพราะมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของพระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นองคมนตรีคนไหนก็ต้องอมสากทั้งนั้น คือไม่อยากพูด
-ในฐานะที่ท่านรับราชการมานาน คิดว่ากฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ควรจะยกเลิกหรือไม่
สำหรับเมืองไทย ยังยกเลิกไม่ได้ ขนาดไม่เลิกยังขนาดนี้ เราไม่ใช่ประเทศเดียวที่ใช้กฎหมายนี้ ประเทศอื่นที่ปกครองระบอบราชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญเขาก็มีกฎหมายทำนองเดียวกัน
-ให้คำแนะนำรัฐบาล ถ้าจะจัดการ 2 ปัญหา คือความวุ่นวายของพ.ต.ท.ทักษิณ กับขบวนการหมิ่นสถาบันจะทำยังไงให้ประชาชนเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น เพราะยังมีคนที่เชื่ออย่างนั้นอยู่และไม่สนใจเหตุผลใดๆ
รัฐบาลชุดนี้ความลำบากอยู่ที่เป็นรัฐบาลผสม มีหลายพรรคก็ต้องหลายความเห็นเป็นธรรมดาก็ต้องอนุโลมกันไป แต่จะเห็นว่านายอภิสิทธิ์เป็นคนดีมีความตั้งใจดีกับบ้านเมือง ผมอาจจะมีอคติเพราะรู้ด้วยว่า มาจากครอบครัวดี ไม่มีความเสื่อมเสีย ตั้งแต่นั่งเก้าอี้มาอภิสิทธิ์ เขาสามารถรักษาอารมณ์ได้ไม่น่าเกลียดเหมือนอย่างผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ผ่านมาหลายคน ที่น่าเห็นใจคือเรื่องรัฐบาลผสมจะเอาเสียงข้างมากเหมือนพรรคไทยรักไทยสมัยหนึ่งไม่ได้ แล้วก็ไม่เชื่อด้วยว่าพรรคประชาธิปัตย์จะมีเงินมีทองมากเหมือนไทยรักไทย เพราะฉะนั้นมันอาจจะเป็นอุปสรรค
ส่วนเรื่องของสถาบัน รัฐบาลพยายามทำเท่าที่ทำได้ การใช้กฎหมายบางทีมันอาจจะไม่ทันใจเรานักเพราะเมื่อมีความผิดเกิดขึ้นมีการจับกุมดำเนินคดี ก็ต้องอาศัยพยานหลักฐานวัตถุบุคคล คิดว่าเราจะไปเร่งรัดอะไรไม่ได้ ยิ่งใช้เครื่องมือทางเทคนิคมากๆ การพิสูจน์ทางเทคนิคยิ่งต้องใช้เวลามากขึ้นด้วย ขนาดคลิปเสียงนายกฯ ทั้งที่เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเป็นหารตัดต่อเสียง ยังมีการโต้แย้งว่าไม่ใช่ พยายามตะแบงเพื่อให้เห็นว่าเป็นฝีมือรัฐบาลทำเอง เรากำลังเผชิญกับนักการเมืองหัวดื้อ ถือดีและดูถูกประชาชนด้วย
-ในอดีตท่านเคยเป็นนายตำรวจราชสำนักประจำ และเป็นผู้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไว้วางพระราชหฤทัย ท่านนำพระราชโอวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ในการทำงานของนายตำรวจอย่างไรบ้าง
ผมได้รับพระราชทานมาเท่าไหร่ก็ใช้ไปนั้นเลย เยอะด้วย ความจริงสิ่งที่พระราชทานมานั้นผมก็ใช้มากับตัวเองมาโดยตลอดจนถึงทุกวันนี้ คือความซื่อสัตย์สุจริต ความไม่เห็นแก่ตัว ผมคิดว่าคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดที่พระราชทานมา ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวนะแต่รวมถึงทุกคนด้วยที่เข้าไปใกล้กับเบื้องพระยุคลบาท ที่ทรงเตือนแล้วเตือนอีกว่า ทำงานอย่างหวังว่าจะเอาบำเหน็จ คืออย่านึกว่าถ้าทำงานไปเท่านี้จะได้บำเหน็จมาเท่านี้ เพราะ ข้าราชการ ส่วนมากตั้งใจทำงาน สิ้นปีมา ได้บำเหน็จน้อยหรือว่าไม่ได้
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสอนให้ผมรู้สึกครั้งแรกว่า ความสำเร็จของงานนั้นเองให้ถือเป็นบำเหน็จไม่จำเป็นว่าจะต้องได้เท่านั้นเท่านี้
อย่างผมแม้จะเข้าไปอยู่ในวังก็ไม่ได้บำเหน็จนะ เพราะก่อนที่จะเข้าไปนายก็เขม่น ที่จริงถ้าไม่ใช่เพราะบารมีปกเกล้าฯ ผมอาจจะถูกรังแกมากกว่านั้นก็ได้ ผมถูกตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ไม่สุข และได้เขียนหนังสือการทำงานของตำรวจ มันไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ผมมานั่งวิพากษ์ตำรวจเด็กๆ เพราะยศพันตำรวจตรีผมได้เป็นบรรณาธิการนสพ. ตำรวจแล้ว นายผมจะเห็นผมสามารถขีดเขียน แต่สิ่งที่สมาชิกนสพ. ตำรวจสมัยโน้นรู้คือว่าหน้าหลังที่ผมเขียน ชื่อคอลัมน์พูดจาภาษาตำรวจ ผมวิพากษ์ ตำรวจตลอดตั้งแต่เป็น พันตำรวจตรีจนถึงพลตำรวจเอง
-สถานการณ์ตำรวจตอนนี้ ในความเห็นท่านคิดว่านายกฯ จะแก้ปัญหายังไง
ผมคงไม่รู้ว่านายกฯจะแก้ปัญหายังไง
- ถ้าหากจะให้แนะนำต้องแนะยังไง
ผมอยากแนะนำคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) มากกว่า เพราะ ก.ต.ช แตกแยกด้วยเหตุว่า มีฝ่ายหนึ่งอ้างว่ามีอิทธิพลเบื้องนอกเข้ามา อยากให้ก.ต.ช ใคร่ครวญให้ดีว่าอิทธิพลเบื้องนอกที่มีจริงหรือโกหก หากตัดสินใจอิทธิพลเบื้องนอกขึ้นมา ผลได้ผลเสียที่เกิดกับบ้านเมืองจะเป็นเช่นไร ผมอยากพูดแค่นี้
-ในใจท่านคิดว่าคนที่จะมารับตำแหน่ง ผบ.ตร. ควรมีลักษณะนิสัยอย่างไร ในใจท่าน
ความวิกฤติที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จึงทำให้คุณสมบัติแรกคือไม่ตามใจนักการเมือง ถ้าอยู่ในตำแหน่ง ใครมาขออะไรได้ อย่ามาเป็นผบ.ตร.ดีกว่า ต้องบอกได้ว่าไม่ได้ ตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมายไม่ว่าตำรวจจะเล็กหรือใหญ่ ต้องยึดกฎหมายมาก่อนในการทำงาน
-ในรายชื่อที่ปรากฏในขณะนี้มีคนที่ถูกใจสักคนหรือไม่
ไม่ได้ผมพูดไม่ได้ เพราะจะพูดด้วยมีอคติ เพราะเหตุว่ามีชื่อปรากฏอย่างนี้บางคนก็เคยอยู่กับผม เพราะฉะนั้นอย่าพูดดีกว่า
-คิดว่าจะถูกใจท่านหรือไม่
ผมไม่คิดก่อน ผมอายุมากพอที่จะไม่คิดอะไรก่อน
-ก็ขึ้นอยู่กับนายกฯด้วยใช่หรือไม่
ในกรณี ก.ต.ช นายกฯ เป็นประธาน เพราะฉะนั้นเมื่อนายกฯ อยากให้ใครเป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็เสนอชื่อมา อยู่ที่ประชุมที่จะตัดสิน กฎหมายเขียนไว้ชัดเจน นายกฯทำได้แค่นี้ การที่ตำแหน่ง ผบ.ตร. มีความหมายมากมายเหลือเกิน เพราะการเมืองทำให้เป็นเช่นนี้ ดังนั้น อย่าเอาตำรวจไปผูกกับการเมือง อย่าง ผบ.ตร. ลองดูสมมติวันข้างหน้าเปลี่ยนฐานะ ผบ.ตร. อย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เอาอำนาจต่างๆที่อยู่มากองไว้ตรงกลางแล้วส่งไปถึงกองบัญชาการต่างๆ จริงๆ ไม่ใช่หลอกๆ ตำแหน่ง ผบ.ตร.จะไร้ความหมายทันที
เมื่อตอนที่ผมเป็นประธานคณะกรรมการผมเสนอไว้ คณะกรรมการชุดผม ผมไม่ได้ทำคนเดียว รวมเป็นคณะกรรมการใหญ่ทำ เป็น100 คน ความจริงควรกลายเป็นกฎหมาย มาก่อนที่จะหมดอายุรัฐบาลสุรยุทธ์ ไม่ทันไปล่มที่สภา
-อยากฝากอะไรถึง ผบ.ตร. คนใหม่ หรือตำรวจรุ่นน้องบางคนที่กำลังเคลื่อนไหวอะไรอยู่บางประการ
คนที่กำลังเคลื่อนในขณะนี้คงไม่ใช่น้องๆ ตำรวจของผม ขอฝากให้ยึดกฎหมาย เมื่อเปลี่ยนรัฐธรรมนูญเป็นฉบับ 2540 ผมบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นคือความตื่นตัว สิทธิเสรีภาพประชาชน แล้วตำรวจจะตกเป็นจำเลยมากขึ้น แล้วกฎหมายเท่านั้นที่จะทำให้เรารอด คือกฎหมายแตกลูกออกมาจะเป็นระเบียบข้อบังคับ คำสั่ง ยึดตรงนี้เป็นหลัก ถ้าเป็นจำเลยก็หลุดได้ ขอให้พิสูจน์ว่าที่ทำไปทั้งหมดสอดคล้องตามกฎหมายรึเปล่า ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องไปนั่งนับลูกกรง
-นายตำรวจ ในสมัยนั้นกับในสมัยนี้ปฏิบัติงานแตกต่างกันยังไงบ้าง
ผมคิดว่าการปฏิบัติงานส่วนใหญ่นั้นตำรวจที่ยังดี ยังนึกถึงหัวอกของชาวบ้าน อยากเป็นตำรวจจริงๆ เยอะกว่าพวกตำรวจประเภทหนึ่งที่อาศัยตำแหน่งหาประโยชน์ตัวเอง รังแกชาวบ้าน มันน้อยกว่า แต่พวกมีน้อยดังกว่าพวกที่มีมาก ตำรวจส่วนใหญ่ที่นั่งเงียบไม่ใช่ไม่รู้ไม่เห็นอะไร แต่เพราะเหตุว่าตำแหน่งบังคับ หน้าที่บังคับและเจียมเนื้อเจียมตัว คนพวกนี้มีเยอะ
-อยากจะแก้ไขอะไรในระบบโครงสร้างตำรวจอย่างเร่งด่วน
คิดว่าโครงสร้าง พูดไปเหมือนชวนฝัน เพราะเพิ่งเขียนเสร็จ ผมอยากให้มองลงดูตำรวจชั้นผู้น้อย โดยเฉพาะมันมีอะไรประหลาดๆ ในขณะที่ตำรวจสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับตำรวจจบปริญญาตรี รับการอบรมแล้วแต่งตั้งเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ทำไมรับอีกพวกเพื่อเป็นสิบตำรวจตรี ผมหาคำตอบไม่ได้ ขณะนี้เรามีนายตำรวจชั้นประทวน เรียกโดยเจตนาเป็นคำเก่าที่เคยใช้โบราณ ยศนายดาบตำรวจลงไปร่วม 2 แสนคน ได้ปริญญาตรีกันเยอะเป็นหมื่น จบปริญญาโทก็มี กำลังทำปริญญาเอก ทำไมไม่ทำคนพวกนี้เป็น ตำรวจสัญญาบัตรให้หมด คณะกรรมการพัฒนาโครงสร้างตำรวจ ผมยังเป็นอยู่นะเพราะยังไม่ได้ยุบเลย เราเสนอให้ตำรวจชั้นประทวนให้เป็นตำรวจสัญญาบัตรให้หมด แนะทางออกเสนอทำปริญญา ให้การศึกษากับเขา ทำไมไม่จัดสายงานใหม่ขึ้นรับพวกนี้แทนที่จะมีสายสอบสวนปราบปราม
กับอีกสายหนึ่งให้รับผู้ที่บอกว่าไม่ได้เรียนทางกฎหมายปราบปราม ไม่ได้เรียนนิติศาสตร์มา เราเสนอให้ด้วยเสร็จว่าให้บริการประชาชน เป็นสัญญาบัตรหมดแต่ยังโบกรถกลางถนน ต่างกันนะครับ เวลาเราดูสัญญาบัตรโบกรถ กับชั้นประทวนติดบั้งมาโบกรถต่างกันมั้ย เมื่อเป็นสัญญาบัตรปั้บตามกฎหมายเขาเป็นเอกเทศ ไม่ขึ้นกับโรงพัก เป็นอิสระ เราเสนอทางออกให้มด เสนอจนกระทั่งว่า ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง แม้แต่เงินเดือนก็ใช้เท่าที่มีอยู่ได้ ไม่ต้องหาเงินที่อื่นมาโปะอีก ถ้าทำอย่างนี้เราจะได้ตำรวจสัญญาบัตรเพิ่มเกือบ 2 แสนคนไม่ต้องไปรับเพิ่ม ใช้เงินเท่าเดิม แต่ต้องปรับสายงานตำแหน่ง
-คิดว่าจะเห็นได้หรือไม่
ไม่ครับ ผมบอกแล้วว่า อายุขนาดผม ผมรู้จักควบคุมสังขาร ไม่คิดไปก่อนพูดแล้วก็แล้วกัน
-ส่วนตัวคิดว่า การเมืองไทยยุคนี้เปลี่ยนแปลงจากยุคก่อนหน้านี้หรือไม่
ถ้าพูดอย่างเป็นธรรมผมไม่ควรบอกว่าแย่กว่าเดิม แต่ผมไม่เห็นว่ามันเจริญสักที การเมืองบ้านเราดูไม่พัฒนา ส่วนที่ยังเสื่อมมันเยอะ ทั้งๆ ที่เราก้าวหน้าไปทางวัตถุเยอะ แต่ว่าในทางจิตใจเราดูเหมือนว่าจะตกต่ำ ความเจริญในบ้านเมืองทุกวันนี้มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ไม่ช่วยให้คนดีขึ้น ผมกลับรู้สึกว่าสอนให้คนเห็นแก่ตัวตะกรุยตะกรามเห็นแก่ได้มากขึ้น รวมทั้งนักการเมืองด้วย