xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดสินค้านักเดินทางรุ่งเวิลด์ฯมุ่งร้านกี๊ฟท์-แทรเวล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “เวิลด์ คอนเน็ค” เชื่อศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยรุ่งสุดในแถบเซาท์อีสเอเชีย ทุ่ม’[ 10% ของยอดขาย บุกตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับนักเดินทางเต็มกำลัง พร้อมผุดโรงงานผลิตอะแดปเตอร์ในไทยปีหน้า มั่นใจรายได้ปี 2553 แตะ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้น 2 เท่าตัว หลังทำตลาดในไทยมาแล้ว 1 ปี

นายวิลเลี่ยม เดอ ซูซา กรรมการผู้จัดการ บริษัท Word Connect AG ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับนักเดินทาง ภายใต้แบรนด์ Swiss Travel Products และ Skross จากประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า เวิลด์ คอนเน็ค เปิดดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2002 จำหน่ายสินค้าสำหรับนักเดินทาง ประเภท กระเป๋าเดินทาง, adaptor, Usb และอุปกรณ์สำหรับการชาร์ท รวมไปถึงกระเป๋าใส่โน๊ตบุ๊ก ปัจจุบันมีสินค้าเข้าไปจำหน่ายมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ปีที่ผ่านมามียอดขายกว่า 25 ล้านเหรียญ มาจาก 4 ช่องทางหลัก คือ 1. กิ๊ฟ แอนด์ พรีเมี่ยม 40% 2. ทราเวล ดีลเลอร์ 30% 3. โออีเอ็ม 25% และ 4. ช่องทางอื่นๆ 5%
สำหรับการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยนั้น ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา จะจำหน่ายผ่าน บริษัท SiS Distribution (Public) จำกัด ซึ่งเป็นดิสทริบิวเตอร์ขายให้ เน้นช่องทางในกลุ่มไอทีเป็นหลัก อย่างไรก็ตามบริษัทได้เล็งเห็นศักยภาพของประเทศไทยว่า มีโอกาสในการดำเนินธุรกิจดีกว่าในหลายๆประเทศในแถบเซาท์อีสเอเชีย จากตัวเลขทางเศรษฐกิจปีนี้ มีการเติบโตที่ 3% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 5% ขณะที่สิงคโปร์อยู่ที่ 2% เท่านั้น
ดังนั้นในปีหน้า ทางบริษัทจะเข้ามาทำตลาดในไทยด้วยตัวเอง โดยจะทุ่มงบกว่า 10% ของยอดขายที่ตั้งเป้าไว้ เพื่อใช้ในการสร้างแบรนด์ และเน้นเรื่องการทำตลาดเป็นหลัก โดยยังคงให้ SiS ดูแลในเรื่องการขายให้เหมือนเดิม นอกจากนี้ ปีหน้าบริษัทฯจะมีการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งจะเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานในไทยด้วย ส่งผลให้ปีหน้าบริษัทจะมีการย้ายฐานการผลิตผลิตภัณฑ์อะแดปเตอร์รุ่นที่ 3 มาอยู่ที่ไทย แล้วส่งขายไปทั่วโลกด้วย จากเดิมในปัจจุบัน มีฐานการผลิตที่สวิสเซอร์แลนด์ และจีน
สำหรับแผนการตลาดนั้น จะมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักเดินทางเป็นหลัก จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเมืองไทยปีละกว่า 30 ล้านคน ผ่านช่องทางทราเวล ดีลเลอร์ อย่างสายการบิน, โรงแรม, แอร์พอร์ต และช่องทาง กิ๊ฟ แอนด์ พรีเมี่ยม เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้ยอดขายในปี 2553 จะเติบโตขึ้นจากปีนี้ถึง 2 เท่าตัว หรือมีรายได้ประมาณ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ
กำลังโหลดความคิดเห็น