ASTVผู้จัดการรายวัน - วิกฤตรถไฟไม่จบง่ายๆ แม้ซ่อมหัวรถจักรเสร็จแล้ว 12 คัน วิ่งลงใต้ได้แค่หาดใหญ่ เหตุไม่มีคนขับ “ยุทธนา” ปากดีชี้นายกฯ มีอำนาจลงโทษทั้งพนักงานและผู้บริหาร แต่ตัวยังเกาะเก้าอี้แน่น "มาร์ค” ย้ำจุดยืนรัฐบาล รักษามาตรฐานการบริการประชาชน เมินข้อเสนอทางสหภาพฯ พ่อค้าได้ทีขู่ขึ้นค่าขนส่ง
รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (26 ต.ค.) รถไฟยังเปิดเดินรถไม่ครบ 100% โดยเฉพาะรถท้องถิ่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมเป็นเวลา 11 วันแล้ว โดยนายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวยอมรับว่า การเดินรถไฟภาคใต้ ตั้งแต่สถานีหาดใหญ่ลงไปยังไม่สามารถให้บริการได้ทุกเส้นทาง ซึ่งได้มอบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เจรจากับแกนนำสหภาพร.ฟ.ท.ในภาคใต้เพื่อให้พนักงานขับรถกลับมาทำงาน เนื่องจากขณะนี้หัวรถจักรทั้ง 12 หัวที่นำกลับมาซ่อมที่มักกะสันนั้นแล้วเสร็จ และอยู่ในสภาพที่พร้อมให้บริการได้ ส่วนกรณีที่พนักงานกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ได้จักหัวรถจักรหุ้มเกราะกันกระสุนจำนวน 3 หัว ไว้เตรียมพร้อมให้บริการในพื้นที่
ร.ฟ.ท.ได้ส่งนักเรียนวิศวกรรมรถไฟ จำนวน 72 คนลงไปในพื้นที่ภาคใต้แล้วเพื่อทดแทนพนักงานช่างเครื่องและพนักงานขับรถจำนวน 65 คนที่ไม่ทำงาน โดยอ้างว่าเกิดความไม่สบายใจในเรื่องของความไม่ปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งขบวนรถไฟสายใต้ทั้งหมด 24 ขบวน สามารถให้บริการสิ้นสุดได้เพียงสถานีหาดใหญ่ ประกอบด้วย รถไฟสายยาวจากกรุงเทพฯ 10 ขบวน และสายระหว่างจังหวัด หรือท้องถิ่น 14 ขบวน ซึ่งจากการหยุดเดินรถไฟตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.- 25 ต.ค. 2552 พบว่า ร.ฟ.ท.ได้รับความเสียหายทั้งหมดมูลค่า 41.58 ล้านบาท แบ่งเป็น อัตราค่าโดยสารที่สูญเสียไปจำนวน 29.2 ล้านบาท และค่าขนส่งสินค้า 12.38 ล้านบาท
“ยืนยันว่า อุปกรณ์ทุกอย่างมีความพร้อมสมบูรณ์และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งตำรวจและทหารก็พร้อมให้ความร่วมมือในการรักษาความปลอดภัยพนักงานขับรถอย่างเต็มที่ ดังนั้น จึงไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่ขึ้นปฏิบัติงาน โดย ร.ฟ.ท. จะยึดตามหมายศาลและถือว่าขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาและโทษสูงสุดถึงขั้นไล่ออก ”นายยุทธนากล่าว
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับพนักงาน ร.ฟ.ท. ที่หยุดเดินรถ และผู้ว่าการฯ หากมีความผิดเกี่ยวข้องนั้นนายยุทธนา กล่าวว่า สุดแล้วแต่นายกรัฐมนตรีจะพิจารณา แต่ยืนยันว่าได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว นอกจากนี้ยืนยันว่ากรณีที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และเครือข่ายภาคประชาชน 16องค์กรให้การสนับสนุนการชุมนุมของสหภาพ ร.ฟ.ท. และเตรียมออกมาเคลื่อนไหวโดยการชุมนุมใหญ่นั้น ไม่รู้สึกหนักใจเพราะต่างฝ่ายต่างยืนคนละด้าน และฝ่ายบริหารก็มีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (26 ต.ค.) สร.รฟท. ได้หารือร่วมกับสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ 43 แห่ง เพื่อกำหนดท่าที่ร่วมกัน กรณีฝ่ายบริหารปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อพนักงานที่หยุดงาน รวมทั้งยื่นข้อเสนอเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาการรถไฟอย่างจริงจัง
**"มาร์ค” ย้ำจุดยืนรัฐบาลเมินสหภาพ
ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการแก้ปัญหารถไฟว่า ตอนนี้กำลังเจรจา เดี๋ยวจะกลับไปสอบถามทางสหภาพฯ กำลังเจรจา ในส่วนของการเดินรถในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังมีปัญหาอยู่จะแก้ไขอย่างไร ส่วนที่ทางสหภาพรถไฟฯ อยากให้เข้าไปแก้ปัญหา ก็ได้บอกผ่านไปหลายครั้งว่า พร้อมที่จะรับข้อเสนออย่างเป็นทางการว่าสิ่งที่ทางสหภาพฯ ห่วงใยเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ต้องให้บริการประชาชนตามปกติก่อน คือสิ่งที่อยากให้เข้าใจตรงกันทำงานร่วมกันได้
ต่อข้อถามว่าข้อเสนอของทางสหภาพฯ ยังยืนยันคำเดิมคือ ต้องการไม่ให้เอาผิดกับพนักงานที่หยุดเดินรถฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจว่าถ้ามีเรื่องการกระทำความผิด ก็ต้องมีความรับผิดชอบ มิฉะนั้นแล้วเราไม่สามารถรักษามาตรฐานในเรื่องการให้บริการประชาชน รวมถึงเรื่องความปลอดภัยได้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดำเนินการไป แต่ถ้าคิดว่าไม่เป็นธรรม อันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง สามารถร้องขอความเป็นธรรม และนำข้อมูลมาได้ แต่ถ้าทุกอย่างเดินหน้า ก็ต้องยอมรับสิ่งที่เป็นผลของการกระทำ
เมื่อถามว่า ทางผู้ว่าการรถไฟฯ ออกมายอมรับว่า ผู้บริหารสั่งให้หยุดรถ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าหากสหภาพฯ หรือใครที่ยื่นข้อมูลเข้ามา เราจะตรวจสอบทั้งหมด ไม่ได้บอกว่าจะทำกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ขณะนี้ต้องให้บริการประชาชน ถ้ามีปัญหาทางเทคนิคด้านความปลอดภัยจริง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามว่า เท่ากับว่าจะพิจารณาข้อบกพร่องของฝ่ายบริหารด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกฝ่าย
ส่วน การพิจารณาตรงนี้จะยุติปัญหาได้หรือไม่ เนื่องจากประชาชนเดือดร้อนมาเป็นระยะเวลา 10วัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงก็แก้ไขปัญหามาโดยลำดับ ตอนนี้เหลือบางพื้นที่เท่านั้นเอง
**พ่อค้าได้ทีเล็งปรับค่าขนส่ง
นายทองอยู่ คงขันธ์ นายกสมาคมขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออก กล่าวว่า การที่รถไฟหยุดให้บริการนั้น ผู้ประกอบการไม่เห็นด้วยเพราะทำให้เกิดความเสียหายแก่ภาคการขนส่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้ขบวนรถขนส่งสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าลาดกระบังไปยังมาเลเซียไม่สามารถดำเนินการได้ ในแต่ละวันจะมีประมาณ 1,500 ตู้คอนเทนเนอร์ คิดเป็นมูลค่า 30 ล้านบาท แล้ว และยังมีผลประทบทำให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น 100% จากประมาณ 650 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ตู้หรือประมาณ 20,000 บาทต่อตู้ เพราะต้องใช้รถบรรทุกแทน ทำให้อาจมีแนวโน้มให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นได้
“ขณะนี้รถไฟเปิดเดินรถแล้วประมาณ 80-90% ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งทำให้ขนส่งสินค้าไปยังประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ไม่ได้ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มของวัตถุดิบและส่วนประกอบในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งขาเข้าและออก เบื้องต้นขณะนี้ เฉพาะมูลค่าความเสียหายในด้านการขนส่งในกลุ่มดังกล่าวไปภาคใต้ไม่ต่ำแล้วกว่า 0 ล้านบาท แต่ถ้ารวมทั้งหมด ความเสียหาย ไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมกับมูลค่าความเสียหายที่ภาคเอกชนอาจจะเรียกร้องให้ ร.ฟ.ท.ชดใช้ให้อีกด้วย”
นายทองอยู่กล่าวว่าในฐานะที่เป็นผู้ใช้บริการ มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลและหน่วยงานที่กำกับดูแล ร.ฟ.ท. โดยเฉพาะประธานกรรมการ ร.ฟ.ท. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต้องเด็ดขาดและเร่งดำเนินการคือรัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องของบทบาทของสร.รฟท.ว่าห้ามนำบริการสาธารณะที่สร้างโดยภาษีประชาชนมาเป็นเครื่องมือต่อรองกับรัฐบาลหรือกับผู้บริหารกิจการ และต้องยอมรับสภาพขาดทุนแล้วตั้งบริษัทใหม่โดยมติครม.ให้ ร.ฟ.ท.ถือหุ้น 100% พร้อมตั้งเงื่อนไขว่าต้องไม่มีสหภาพฯเข้ามาเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด นอกจากนี้เพื่อแก้ไขปัญหาขาดทุนและสร้างรายได้ให้ร.ฟ.ท.ควรที่จะนำที่ดินมาพัฒนาให้เกิดเป็นมูลค่า
“รถไฟเป็นระบบขนส่งที่ดีและมีโอกาสในการพัฒนาด้านธุรกิจแต่ทำลายตัวเอง ลดความเชื่อมั่นลง ที่ห็นได้ชัด คือ การเปิดบริการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ตเรลลิงค์) ไม่ได้ตามแผนแน่เพราะจนถึงขณะนี้คนขับรถยังไม่มี นอกจากนี้รถไฟจะต้องให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยซึ่งจำเป็นต้องซ่อมแซมอุปกรณ์ หัวจักรให้อยู่ในสภาพที่ดี แต่ไม่ควรเอามาเป็นข้ออ้างในการหยุดเดินรถเพราะทำให้ประชาชนเดือนร้อน“ นายทองอยู่กล่าว
**ส.ว.แนะต้องมองมิติฝ่ายบริหาร
นายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ได้หารือต่อที่ประชุมวุฒฺสภา ถึงปัญหาสหภาพการรถไฟแห่งประเทศไทยหยุดงาน ว่า เรื่องนี้น่าจะให้ความเป็นธรรมกับสหภาพฯด้วย เพราะไม่มีสหภาพฯแห่งใดมุงทำลายองค์กรตนเอง แต่ข่าวที่ออกมาทั้งหมดทำให้ สหภาพฯมีภาพลบมาตลอดจากการเสนอข่าวของสื่อที่ไม่ให้ความชัดเจน และฝ่ายบริหารที่มักออกมาให้ข้อมูลทางลบ ตนตระหนักถึงความสูญเสีย และประโยชน์ของประชาชน แต่สหภาพฯไม่เคยอ้างผลประโยชน์ของตนเองในการหยุดงาน แต่อ้างถึงผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัย ฉะนั้นต้องมองในแง่ผู้บริหารงานด้วย เพื่อความเป็นธรรม ไม่เช่นนั้น สหภาพฯ จะกลายเป็นจำเลย โดยที่สังคมไม่มองปัญหาให้ครบทุกมิติ.
รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ (26 ต.ค.) รถไฟยังเปิดเดินรถไม่ครบ 100% โดยเฉพาะรถท้องถิ่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมเป็นเวลา 11 วันแล้ว โดยนายยุทธนา ทัพเจริญ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวยอมรับว่า การเดินรถไฟภาคใต้ ตั้งแต่สถานีหาดใหญ่ลงไปยังไม่สามารถให้บริการได้ทุกเส้นทาง ซึ่งได้มอบให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เจรจากับแกนนำสหภาพร.ฟ.ท.ในภาคใต้เพื่อให้พนักงานขับรถกลับมาทำงาน เนื่องจากขณะนี้หัวรถจักรทั้ง 12 หัวที่นำกลับมาซ่อมที่มักกะสันนั้นแล้วเสร็จ และอยู่ในสภาพที่พร้อมให้บริการได้ ส่วนกรณีที่พนักงานกังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ได้จักหัวรถจักรหุ้มเกราะกันกระสุนจำนวน 3 หัว ไว้เตรียมพร้อมให้บริการในพื้นที่
ร.ฟ.ท.ได้ส่งนักเรียนวิศวกรรมรถไฟ จำนวน 72 คนลงไปในพื้นที่ภาคใต้แล้วเพื่อทดแทนพนักงานช่างเครื่องและพนักงานขับรถจำนวน 65 คนที่ไม่ทำงาน โดยอ้างว่าเกิดความไม่สบายใจในเรื่องของความไม่ปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งขบวนรถไฟสายใต้ทั้งหมด 24 ขบวน สามารถให้บริการสิ้นสุดได้เพียงสถานีหาดใหญ่ ประกอบด้วย รถไฟสายยาวจากกรุงเทพฯ 10 ขบวน และสายระหว่างจังหวัด หรือท้องถิ่น 14 ขบวน ซึ่งจากการหยุดเดินรถไฟตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.- 25 ต.ค. 2552 พบว่า ร.ฟ.ท.ได้รับความเสียหายทั้งหมดมูลค่า 41.58 ล้านบาท แบ่งเป็น อัตราค่าโดยสารที่สูญเสียไปจำนวน 29.2 ล้านบาท และค่าขนส่งสินค้า 12.38 ล้านบาท
“ยืนยันว่า อุปกรณ์ทุกอย่างมีความพร้อมสมบูรณ์และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งตำรวจและทหารก็พร้อมให้ความร่วมมือในการรักษาความปลอดภัยพนักงานขับรถอย่างเต็มที่ ดังนั้น จึงไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่ขึ้นปฏิบัติงาน โดย ร.ฟ.ท. จะยึดตามหมายศาลและถือว่าขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาและโทษสูงสุดถึงขั้นไล่ออก ”นายยุทธนากล่าว
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับพนักงาน ร.ฟ.ท. ที่หยุดเดินรถ และผู้ว่าการฯ หากมีความผิดเกี่ยวข้องนั้นนายยุทธนา กล่าวว่า สุดแล้วแต่นายกรัฐมนตรีจะพิจารณา แต่ยืนยันว่าได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว นอกจากนี้ยืนยันว่ากรณีที่สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และเครือข่ายภาคประชาชน 16องค์กรให้การสนับสนุนการชุมนุมของสหภาพ ร.ฟ.ท. และเตรียมออกมาเคลื่อนไหวโดยการชุมนุมใหญ่นั้น ไม่รู้สึกหนักใจเพราะต่างฝ่ายต่างยืนคนละด้าน และฝ่ายบริหารก็มีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนและบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม วานนี้ (26 ต.ค.) สร.รฟท. ได้หารือร่วมกับสมาพันธ์รัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ 43 แห่ง เพื่อกำหนดท่าที่ร่วมกัน กรณีฝ่ายบริหารปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อพนักงานที่หยุดงาน รวมทั้งยื่นข้อเสนอเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาการรถไฟอย่างจริงจัง
**"มาร์ค” ย้ำจุดยืนรัฐบาลเมินสหภาพ
ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการแก้ปัญหารถไฟว่า ตอนนี้กำลังเจรจา เดี๋ยวจะกลับไปสอบถามทางสหภาพฯ กำลังเจรจา ในส่วนของการเดินรถในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังมีปัญหาอยู่จะแก้ไขอย่างไร ส่วนที่ทางสหภาพรถไฟฯ อยากให้เข้าไปแก้ปัญหา ก็ได้บอกผ่านไปหลายครั้งว่า พร้อมที่จะรับข้อเสนออย่างเป็นทางการว่าสิ่งที่ทางสหภาพฯ ห่วงใยเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ต้องให้บริการประชาชนตามปกติก่อน คือสิ่งที่อยากให้เข้าใจตรงกันทำงานร่วมกันได้
ต่อข้อถามว่าข้อเสนอของทางสหภาพฯ ยังยืนยันคำเดิมคือ ต้องการไม่ให้เอาผิดกับพนักงานที่หยุดเดินรถฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องเข้าใจว่าถ้ามีเรื่องการกระทำความผิด ก็ต้องมีความรับผิดชอบ มิฉะนั้นแล้วเราไม่สามารถรักษามาตรฐานในเรื่องการให้บริการประชาชน รวมถึงเรื่องความปลอดภัยได้ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดำเนินการไป แต่ถ้าคิดว่าไม่เป็นธรรม อันนั้นก็อีกเรื่องหนึ่ง สามารถร้องขอความเป็นธรรม และนำข้อมูลมาได้ แต่ถ้าทุกอย่างเดินหน้า ก็ต้องยอมรับสิ่งที่เป็นผลของการกระทำ
เมื่อถามว่า ทางผู้ว่าการรถไฟฯ ออกมายอมรับว่า ผู้บริหารสั่งให้หยุดรถ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าหากสหภาพฯ หรือใครที่ยื่นข้อมูลเข้ามา เราจะตรวจสอบทั้งหมด ไม่ได้บอกว่าจะทำกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ขณะนี้ต้องให้บริการประชาชน ถ้ามีปัญหาทางเทคนิคด้านความปลอดภัยจริง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อถามว่า เท่ากับว่าจะพิจารณาข้อบกพร่องของฝ่ายบริหารด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทุกฝ่าย
ส่วน การพิจารณาตรงนี้จะยุติปัญหาได้หรือไม่ เนื่องจากประชาชนเดือดร้อนมาเป็นระยะเวลา 10วัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงก็แก้ไขปัญหามาโดยลำดับ ตอนนี้เหลือบางพื้นที่เท่านั้นเอง
**พ่อค้าได้ทีเล็งปรับค่าขนส่ง
นายทองอยู่ คงขันธ์ นายกสมาคมขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออก กล่าวว่า การที่รถไฟหยุดให้บริการนั้น ผู้ประกอบการไม่เห็นด้วยเพราะทำให้เกิดความเสียหายแก่ภาคการขนส่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้ขบวนรถขนส่งสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าลาดกระบังไปยังมาเลเซียไม่สามารถดำเนินการได้ ในแต่ละวันจะมีประมาณ 1,500 ตู้คอนเทนเนอร์ คิดเป็นมูลค่า 30 ล้านบาท แล้ว และยังมีผลประทบทำให้ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น 100% จากประมาณ 650 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ตู้หรือประมาณ 20,000 บาทต่อตู้ เพราะต้องใช้รถบรรทุกแทน ทำให้อาจมีแนวโน้มให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นได้
“ขณะนี้รถไฟเปิดเดินรถแล้วประมาณ 80-90% ยกเว้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งทำให้ขนส่งสินค้าไปยังประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ไม่ได้ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มของวัตถุดิบและส่วนประกอบในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งขาเข้าและออก เบื้องต้นขณะนี้ เฉพาะมูลค่าความเสียหายในด้านการขนส่งในกลุ่มดังกล่าวไปภาคใต้ไม่ต่ำแล้วกว่า 0 ล้านบาท แต่ถ้ารวมทั้งหมด ความเสียหาย ไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมกับมูลค่าความเสียหายที่ภาคเอกชนอาจจะเรียกร้องให้ ร.ฟ.ท.ชดใช้ให้อีกด้วย”
นายทองอยู่กล่าวว่าในฐานะที่เป็นผู้ใช้บริการ มีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลและหน่วยงานที่กำกับดูแล ร.ฟ.ท. โดยเฉพาะประธานกรรมการ ร.ฟ.ท. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต้องเด็ดขาดและเร่งดำเนินการคือรัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในเรื่องของบทบาทของสร.รฟท.ว่าห้ามนำบริการสาธารณะที่สร้างโดยภาษีประชาชนมาเป็นเครื่องมือต่อรองกับรัฐบาลหรือกับผู้บริหารกิจการ และต้องยอมรับสภาพขาดทุนแล้วตั้งบริษัทใหม่โดยมติครม.ให้ ร.ฟ.ท.ถือหุ้น 100% พร้อมตั้งเงื่อนไขว่าต้องไม่มีสหภาพฯเข้ามาเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด นอกจากนี้เพื่อแก้ไขปัญหาขาดทุนและสร้างรายได้ให้ร.ฟ.ท.ควรที่จะนำที่ดินมาพัฒนาให้เกิดเป็นมูลค่า
“รถไฟเป็นระบบขนส่งที่ดีและมีโอกาสในการพัฒนาด้านธุรกิจแต่ทำลายตัวเอง ลดความเชื่อมั่นลง ที่ห็นได้ชัด คือ การเปิดบริการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (แอร์พอร์ตเรลลิงค์) ไม่ได้ตามแผนแน่เพราะจนถึงขณะนี้คนขับรถยังไม่มี นอกจากนี้รถไฟจะต้องให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยซึ่งจำเป็นต้องซ่อมแซมอุปกรณ์ หัวจักรให้อยู่ในสภาพที่ดี แต่ไม่ควรเอามาเป็นข้ออ้างในการหยุดเดินรถเพราะทำให้ประชาชนเดือนร้อน“ นายทองอยู่กล่าว
**ส.ว.แนะต้องมองมิติฝ่ายบริหาร
นายประสงค์ นุรักษ์ ส.ว.สรรหา ได้หารือต่อที่ประชุมวุฒฺสภา ถึงปัญหาสหภาพการรถไฟแห่งประเทศไทยหยุดงาน ว่า เรื่องนี้น่าจะให้ความเป็นธรรมกับสหภาพฯด้วย เพราะไม่มีสหภาพฯแห่งใดมุงทำลายองค์กรตนเอง แต่ข่าวที่ออกมาทั้งหมดทำให้ สหภาพฯมีภาพลบมาตลอดจากการเสนอข่าวของสื่อที่ไม่ให้ความชัดเจน และฝ่ายบริหารที่มักออกมาให้ข้อมูลทางลบ ตนตระหนักถึงความสูญเสีย และประโยชน์ของประชาชน แต่สหภาพฯไม่เคยอ้างผลประโยชน์ของตนเองในการหยุดงาน แต่อ้างถึงผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัย ฉะนั้นต้องมองในแง่ผู้บริหารงานด้วย เพื่อความเป็นธรรม ไม่เช่นนั้น สหภาพฯ จะกลายเป็นจำเลย โดยที่สังคมไม่มองปัญหาให้ครบทุกมิติ.
