xs
xsm
sm
md
lg

ทริสให้เครดิตหุ้นกู้ใหม่RCLระดับBBB

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ทริสเรทติ้ง ให้เครดิตหุ้นกู้ใหม่ อาร์ ซี แอล ระดับ BBB คงอันดับองค์กร BBB+ แนวโน้ม Negative สะท้อนความแข็งแกร่งการเป็นผู้ประกอบการขนส่งทางเรือระดับภูมิภาค อาจถูกลดทอนหากไม่สามารถทำกำไรและสร้างความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่องได้ และหากทำสำเร็จอาจถูกปรับเป็น Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาทของ บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) (RCL) ที่ระดับ BBB พร้อมยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ BBB+ ด้วยแนวโน้ม Negative หรือ ลบ เพื่อนำเงินที่ได้ขากการออกหุ้นกู้ชำระคืนตั๋วสัญญาใช้เงิน 1,600 ล้านบาทที่จะครบกำหนด ม.ค.53 ส่วนที่เหลือใช้เป็นทุนดำเนินงาน อันดับเครดิตสะท้อนถึงคณะผู้บริหารมีความสามารถและสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดผู้ประกอบการขนส่งทางเรือระดับภูมิภาค จากความได้เปรียบเรื่องขนาดของกองเรือ ความถี่ในการให้บริการ และอายุเฉลี่ยของกองเรือที่ยังต่ำ

อย่างไรก็ตาม ถูกลดทอนบางส่วนจากความไม่แน่นอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนแนวโน้มราคาน้ำมันสูงขึ้น และอุปทานส่วนเกินของเรือที่มีจำนวนมาก คาดจะกดดันความสามารถการสร้างกำไรและสภาพคล่องบริษัทระยะสั้นและปานกลาง

แนวโน้มอันดับเครดิต Negative หรือ ลบ สะท้อนผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าประมาณการ จากการฟื้นตัวของ อุตสาหกรรมขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ที่ชะลอตัว และเผชิญความท้าทายในการปรับปรุงผลกำไรให้ดีขึ้นช่วงอุปสงค์ลดต่ำมีจำนวนเรือใหม่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันพุ่ง ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลง หากไม่สามารถทำกำไรและสร้างความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่องได้ แต่อาจถูกปรับเป็น Stable หรือ คงที่ หากประสบความสำเร็จในการลดต้นทุนและกำไรอยู่ในระดับที่น่าพอใจและสามารถสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งเพื่อใช้ในการจ่ายคืนหนี้และลงทุนขยายธุรกิจ

ทริสเรทติ้งรายงานว่า RCL เงินบาทแข็งค่าขึ้นและอัตราค่าระวางที่ลดลง ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทลดลงมาก รวมทั้งต้นทุนค่าน้ำมันที่สูงขึ้น ตลอดและผลขาดทุนจากการทำสัญญาประกันการซื้อน้ำมัน ขณะปริมาณการขนส่งสินค้าและอัตราค่าระวางที่ลดลง ทำให้บริษัทมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานต่อรายได้ที่ระดับ -13.9% ส่วนอัตราส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนครึ่้งแรกปี 52 เพิ่มขึ้นเป็น 44.9% เพราะการกู้ยืมระยะยาวเพิ่มขึ้นเพื่อใช้ซื้อเรือใหม่ ขณะอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่าย (หลังปรับค่าเช่าดำเนินงาน) ลดเหลือ 0.1 เท่าช่วงครึ่งแรกปี 52 จากการที่วงเงินสินเชื่อของบริษัทมีเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับผลประกอบการทางการเงินและหนี้สิน อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ( EBITDA ) และอัตราดังกล่าวต่อดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทจึงเกินกว่าระดับที่กำหนดมาตั้งแต่สิ้นเดือนมี.ค.52 อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับการผ่อนปรนที่จะไม่ต้องดำรงอัตราส่วนดังกล่าวจากเจ้าหนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.52 ไปจนถึงวันที่ 31 มี.ค.54
กำลังโหลดความคิดเห็น