xs
xsm
sm
md
lg

จะปฏิรูปกิจการรถไฟอย่างไร?

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

เมื่อไม่ต้องการและไม่ยินยอมให้มีการแปรรูปการรถไฟแห่งประเทศไทยในลักษณะฉ้อฉลปล้นชาติแล้ว จะยินดียอมรับสภาพของกิจการรถไฟและผลขาดทุนมหาศาลต่อไปหรือ? ก็ต้องตอบว่าไม่ต้องการและไม่ยินยอมเช่นเดียวกัน

กิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทยต้องปฏิรูปแน่นอนเพราะปล่อยให้เป็นแหล่งทำมาหากินของขบวนการโกงชาติโกงแผ่นดินเหมือนที่ผ่านๆ มาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เฉพาะการนำเงินภาษีของประชาชนร่วม 70,000 ล้านบาท และอีกประมาณ 20,000 ล้านบาทเพื่อเป็นเงินชดเชยการเกษียณก็หนักหนาสาหัสและไม่เป็นธรรมแก่ประชาชนมากพออยู่แล้ว

จะปฏิรูปการรถไฟแห่งประเทศไทยกันอย่างไร? นี่คือปัญหาใหญ่ที่วางอยู่เฉพาะหน้า ทั้งของรัฐบาลและของประชาชนชาวไทยทั้งปวง

เราต้องปฏิรูปการรถไฟแห่งประเทศไทยให้เป็นหลักของการคมนาคมทางบก แทนที่จะให้ใช้รถยนต์เป็นหลักในการคมนาคมทางบกเหมือนที่ผ่านๆ มา 50 กว่าปีแล้ว เพราะเท่าที่เป็นอยู่นี้ก็ได้นำความหายนะมาสู่ประเทศชาติ กระทั่งกำลังก้าวไปสู่ความเป็นทาสกันทั้งประเทศ ซึ่งจะต้องรีบเร่งหยุดมันให้ทันท่วงที

เพราะรายจ่ายสูงสุดของประเทศไทยในวันนี้คือค่านำเข้าน้ำมันซึ่งมีจำนวนมากกว่ามูลค่าส่งออกผลิตผลทางการเกษตรทั้งประเทศจำนวนมาก หากเป็นกิจการหรือเป็นเรื่องของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งก็ต้องกล่าวได้ว่ามีแต่เจ๊งกับเจ๊ง

และในจำนวนรายจ่ายที่สูงที่สุดนี้ ปรากฏว่าเป็นรายจ่ายค่าน้ำมันที่ใช้กับการขนส่งทางรถยนต์ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าหายนะของประเทศมีต้นเหตุมาจากการใช้รถยนต์เป็นหลักในการขนส่งทางบก ยังไม่รวมถึงผลที่เกิดขึ้นที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องก่อหนี้ยืมสินเพื่อซื้อรถยนต์ จนเป็นหนี้กันตลอดชีวิต

เหตุการณ์แบบนี้พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงชี้ให้เห็นมานานแล้ว และทรงคิดอ่านป้องกันคนไทยลูกหลานของพระองค์ท่านไว้แล้ว โดยมีพระบรมราโชบายกำหนดให้ใช้รถไฟเป็นหลักในการคมนาคมทางบก และได้ทำอย่างเป็นล่ำเป็นสันตลอดรัชกาล

แต่ไอ้ลูกหลานจัญไรบางกลุ่มได้ล้มพระบรมราโชบายของพระองค์ท่านเสีย ตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 1 แล้วผลักดันให้รถยนต์เป็นหลักในการคมนาคมทางบก จนบ้านเมืองฉิบหายวายวอดดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้

ดังนั้นจึงต้องล้มเลิกยุทธศาสตร์รถยนต์ของพวกนักเรียนนอกหัวขี้ข้า แล้วหันกลับไปอัญเชิญเอาพระบรมราโชบายของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 นี้มาทำกันอย่างจริงจัง คือขับเคลื่อนให้รถไฟเป็นหลักของการคมนาคมทางบกโดยเร็วที่สุดก่อนที่จะสายเกินการและเกินแก้ และต้องถือว่าเป็นวาระสำคัญแห่งชาติที่ต้องเอาจริงเอาจังและทำให้สำเร็จจงได้

ขั้นตอนในการปฏิรูปเป็นอย่างไรกันเล่า?

ขั้นแรก
รัฐบาลต้องกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ปรับยุทธศาสตร์การคมนาคมใหม่ให้ใช้รถไฟเป็นหลักของการคมนาคมทางบก หยุดรายจ่ายค่าพลังงานไม่ให้เพิ่มขึ้นและค่อยๆ จำกัดให้ลดลงเป็นลำดับๆ ไป เพื่อการนี้ต้องทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทยปลอดจากการครอบงำแทรกแซงของขบวนการโกงชาติของเหล่าเหลือบการเมืองทั้งหลาย และใช้ผู้บริหารมืออาชีพที่ปรีชาสามารถและเป็นคนดีเข้ามาขับเคลื่อนยุทธศาสตร์รถไฟ โดยให้ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับของนายกรัฐมนตรีคอยติดตามกำกับดูแล

ขั้นที่สอง จำแนกกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทยออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนการบริหารราง สถานี และไฟสัญญาณ ส่วนธุรกิจการเดินรถ และส่วนบริหารจัดการทรัพย์สินรถไฟ แต่ละส่วนล้วนต้องจัดหาคนดีมีฝีมือเข้ามาเป็นคณะกรรมการบริหาร ให้มีอำนาจหน้าที่ที่เหมาะสมแก่ภารกิจ

ส่วนการบริหารราง สถานี และไฟสัญญาณ ให้ปรับระบบรางเป็นระบบมาตรฐาน หรือสแตนดาร์ตเกตทั่วประเทศ ปรับสถานีขนาดใหญ่ให้เป็นศูนย์การพาณิชย์ของพื้นที่ด้วย และก่อสร้างระบบรางให้ทั่วถึงทั้งประเทศ ทุกภาค รวมทั้งรถไฟสายวงแหวน

ให้แยกสถานีขนส่งคนกับการขนส่งสินค้า และสถานีจอดรถท่องเที่ยวหรือรถโรงแรมไว้เป็นการต่างหาก ทุกสถานีขนส่งสินค้าต้องจัดให้มีคลังสินค้า ระบบการขนส่งสินค้า ที่เป็นแบบตู้คอนเทนเนอร์ ถือหลัก 2-4 ตู้คอนเทนเนอร์รถไฟ เท่ากับ 1 ตู้คอนเทนเนอร์เรือ และมีเครื่องมือการขนยกที่ทันสมัย

ในส่วนนี้รัฐจะลงทุนเอง หรือจะใช้การระดมเงินกู้จากประชาชน หรือจะให้ต่างชาติมาลงทุนก็ทำได้ทั้งนั้นไม่เป็นปัญหาใดๆ

ส่วนการเดินรถ ต้องยอมรับให้มีการแข่งขันการเดินรถโดยเสรี เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนทำการเดินรถได้ด้วย โดยทั้งส่วนการเดินรถและส่วนที่ให้เอกชนเดินรถต้องจ่ายค่าเช่าราง หรือค่าใช้รางให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยในอัตราเท่ากัน ยิ่งมีการเดินรถมากเท่าใด ยิ่งเป็นการเพิ่มพูนรายได้ให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยมากเท่านั้น

จะต้องเพิ่มประเภทการเดินรถให้ครบถ้วน คือ มีทั้งการเดินรถโดยสาร มีทั้งการเดินรถขนส่งสินค้าเกษตร การเดินรถขนส่งสินค้าอุตสาหกรรม การเดินรถท่องเที่ยว และการเดินรถโรงแรม ตามแบบอย่างที่กรมรถไฟปักกิ่งประเทศจีนเขาทำสำเร็จมาแล้ว

การเดินรถแต่ละประเภท ส่วนการเดินรถจะเดินเองทุกประเภทก็ได้ และต้องเปิดให้ภาคเอกชนเช่าราง เช่าที่จอด ในการเดินรถทุกประเภทอย่างเสมอภาคกัน

ส่วนบริหารจัดการทรัพย์สิน ซึ่งมีสองชนิด คือที่ดินสองข้างทางรถไฟ กับที่ดินส่วนที่มีไว้สำหรับหาประโยชน์บำรุงเลี้ยงรถไฟ ตามพระบรมราโชบายของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 จะต้องบริหารจัดการให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยคณะผู้บริหารมืออาชีพและเป็นคนดี

ที่ดินสองข้างทางรถไฟให้บริหารจัดการแบบเดียวกับที่กระทรวงป่าไม้ของจีนบริหารจัดการปลูกต้นไม้สองข้างทาง คือปลูกไม้ใหญ่สำหรับใช้เนื้อไม้ในอนาคต ปลูกไม้ผลสำหรับเป็นรายได้ของท้องถิ่น ซึ่งให้เอกชนหรือท้องถิ่นเป็นผู้ปลูกแล้วแบ่งรายได้ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือบางที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ปลูกไม้ดอก ไม้สวยงามเพื่อให้เกิดการส่งเสริมและเป็นทรัพยากรท่องเที่ยวของชาติเพิ่มขึ้น พื้นที่ใดมีขนาดกว้างใหญ่และอยู่ในถิ่นเจริญ ก็ให้ทำแผนใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุด ไม่ปล่อยให้ทิ้งร้างเหมือนอย่างที่เป็นอยู่

ที่ดินส่วนที่หาประโยชน์นั้นมีสองชนิด คือ

ชนิดแรก
เป็นที่สำหรับพัฒนาเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีราคาและมูลค่ามหาศาล ดังตัวอย่างเช่นที่ดินจตุจักรหรือลาดพร้าว แค่ไม่กี่ไร่ก็สามารถก่อให้เกิดรายได้หลายหมื่นล้านบาท หากจัดการได้ดีทั้ง 50,000 ไร่ ผลประโยชน์รายได้ส่วนนี้ก็พอเพียงที่จะทำให้คนไทยโดยสารรถไฟฟรีทั่วประเทศ หรือสามารถชำระหนี้การลงทุนให้หมดหนี้ได้โดยไวที่สุด

ชนิดที่สอง เป็นที่ดินที่เป็นแหล่งทรัพยากร ไม่ว่าแร่ธาตุหรือหินสำหรับใช้ทำรางรถไฟ ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ทรงสำรวจและจัดวางไว้ให้เสร็จสิ้นแล้ว ต้องนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการรถไฟแห่งประเทศไทยอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เอาไปให้เอกชนเช่าแล้วถูกโกงถูกยึดไปดังที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถ้าทำเช่นนี้หินสำหรับทำรางรถไฟก็เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว ไม่ต้องซื้อหาให้สิ้นเปลืองและเพิ่มการลงทุน และยังมีทรัพยากรที่เกี่ยวเนื่องอีกมากหลาย อันจะพึงได้ประโยชน์แก่การรถไฟแห่งประเทศไทยมหาศาลด้วย

การแบ่งส่วนบริหารจัดการการรถไฟแห่งประเทศไทยดังกล่าวคือการปฏิรูปการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นคนละเรื่องกับการแยกสลายโอนกิจการและทรัพย์สินออกไปให้บริษัทซึ่งมีอนาคตคือการเพิ่มทุนและนำหุ้นออกขายในตลาดหุ้นเหมือนกับ ปตท.

การปฏิรูปการรถไฟแห่งประเทศไทยตามยุทธศาสตร์รถไฟดังพรรณนามานี้คือทางเอกสายเดียวที่จะพิทักษ์รักษาและฟื้นฟูบูรณะกิจการรถไฟอันเป็นพระราชมรดกให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูและเป็นส่วนหนึ่งในการกอบกู้บ้านเมืองให้พ้นจากวิกฤตและหายนะจากการจ่ายค่าพลังงานน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งได้ด้วย

ยุทธศาสตร์รถไฟจะเชื่อมและยึดโยงผืนแผ่นดินแห่งมาตุภูมิของเราให้เป็นหนึ่งเดียว อาณาประชาราษฎรสามารถเข้าถึงบริการอย่างถ้วนทั่ว ในอัตราค่าโดยสารและบริการที่ถูกและเป็นธรรม นี่คือยุทธศาสตร์หนึ่งในการฟื้นฟูประเทศชาติของเรา

รถไฟไปถึงไหน ความเจริญรุ่งเรืองย่อมไปถึงนั่น ความรุ่งเรืองไปถึงไหน ความสงบสุขย่อมไปถึงนั่น ขอผองเราจงมาร่วมกันสืบสานพระบรมราโชบายแห่งพระปิยมหาราชเจ้าให้อำนวยประโยชน์สุขแก่เพื่อนผองพี่น้องไทยและลูกหลานในอนาคตเถิด.
กำลังโหลดความคิดเห็น