xs
xsm
sm
md
lg

รัฐทุ่มพัฒนาด่านสะเดาพันล้าน-ปัดฝุ่น “มอเตอร์เวย์” หนุนค้าชายแดน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ประธานหอฯสงขลาเผย หลังรอมานานล่าสุด รัฐบาลให้ความสนใจทุ่มงบขยายและพัฒนาด่านสะเดารวมมูลค่า 970 ล้านบาทแล้ว โดยในปีนี้อนุมัติ 100 ล้าน ดำเนินการช่วงแรก เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวและการค้าชายแดนที่เพิ่มสูงขึ้น ด้าน สนข.ปัดฝุ่นโครงการมอเตอร์เวย์ เชื่อมด่านสะเดา-หาดใหญ่ ระยะทาง 55 กม. ที่มีการศึกษามานานกว่า 10 ปี คาด ใน 5 ปีจะมีรถตู้คอนเทนเนอร์วิ่งเข้าออกชายแดนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านตู้ และจะเป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่เชื่อมต่อแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล ที่รองกับการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกจะนะ-ปากปารา เพื่อขนส่งสินค้าข้ามทวีปในอนาคต

จากความร่วมมือของสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ หรือ IMT-GT ระหว่าง 3 ประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ได้ครอบคลุมทั่วภาคใต้แล้ว และยังมีความร่วมมือในกรอบอาเซียนที่ระบุว่า แต่ละประเทศต้องเร่งพัฒนาเส้นทางคมนาคมเพื่อเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพัฒนาบริเวณชายแดน

ดร.สุรชัย จิตภักดีบดินทร์ ประธานหอการค้าจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ล่าสุดรัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณ 100 ล้านบาท ในการขยายด่านสะเดาชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยเป็นโครงการต่อเนื่องมูลค่าทั้งหมด 970 ล้านบาท ด้วยเป็นประตูหลักในด้านเศรษฐกิจค้าชายแดนของ จ.สงขลา ที่มีมูลค่านำเข้าส่งออกแต่ละปี 230,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัญหาที่สะสมมานาน คือ ด่านสะเดามีความคับแคบ แออัด โดยเฉพาะภายหลังจากที่ไม่มีสายการบินต่างชาติเข้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ ทำให้กลายเป็นเส้นทางหลักของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมา จ.สงขลา แต่ต้องรอแถวเป็นเวลานับชั่วโมงโดยเฉพาะช่วงวันหยุดและเทศกาลท่องเที่ยว แม้แต่การขนส่งสินค้าผ่านรถคอนเทนเนอร์ก็กระทบไปด้วย โดยเฉพาะของสดที่ต้องส่งวันต่อวัน

“ปัญหาการขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ผ่านด่านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะผ่านการตรวจสอบจุดนี้ได้กินเวลา 5-6 ชั่วโมง ทำให้ของสดได้รับความเสียหาย เป็นเพราะทั้งการค้าและการท่องเที่ยวได้ขยายตัวเร็วกว่าการเตรียมสถานที่นั่นเอง คณะพัฒนาการค้าชายแดนจึงได้มีการประชุมแก้ปัญหาดังกล่าว และเห็นควรจะต้องขยายด่านเสียที และเพิ่งจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลชุดนี้” ดร.สุรชัย กล่าว

ทั้งนี้ จากข้อมูลด่านศุลกากรสะเดา ระบุว่า สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย ได้แก่ ยางพารา ผลิตภัณฑ์จากยางพารา เช่น ถุงมือ เครื่องจักร ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ ไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ผลิตภัณฑ์ยาง ยานพาหนะ

สถิติการนำเข้าส่งออกปี 2552 ระหว่างเดือนตุลาคม 2551-กรกฎาคม 2552 พบว่า สินค้าส่งออกสูงสุด 5 อันดับได้แก่ ยางธรรมชาติ มูลค่า 18,598.15 ล้านบาท ส่วนประกอบและอุปกรณ์เครื่องจักร มูลค่า 11,866.64 ล้านบาท เครื่องประมวลข้อมูลอัตโนมัติ (คอมพิวเตอร์ PC Notebook PDA เป็นต้น) มูลค่า 6,585.11 ล้านบาท มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า มูลค่า 6,009.80 ล้านบาท และสื่อบันทึกข้อมูลที่ยังไม่ได้บันทึก (ซีดี เทปสมาร์ทการ์ด เป็นต้น) มูลค่า 5,008.26 ล้านบาท

ดร.สุรชัย กล่าวต่อด้วยว่า นอกจากการขยายด่าน ซึ่งทำให้การเข้าออกผู้โดยสารและสินค้ามีความคล่องตัวแล้ว สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ยังได้รื้อแผนโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์เเชื่อมด่านสะเดา-หาดใหญ่ ระยะทาง 55 กิโลเมตร เพื่อรองรับการจราจรที่แออัดในเส้นทางสายหลักกาญจนวานิชอีกด้วย ซึ่งจะทำให้ใช้เวลาเดินทางได้รวดเร็วขึ้น และรองรับการเติบโตของการค้าชายแดน ที่มีการประมาณการว่าภายใน 5 ปีจะมีตู้คอนเทนเนอร์ผ่านเข้า-ออกชายแดนไม่น้อยกว่า 1 ล้านตู้ และเป็นเส้นทางเครือข่ายที่รองรับโครงการแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล เส้นทาง 5A อีกด้วย

สำหรับโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ เคยมีการศึกษาเมื่อกว่า 10 ปีก่อน โดยกระทรวงคมนาคมเสนอให้มีการศึกษาเส้นทางมอเตอร์เวย์วิ่งเลียบทางรถไฟ โดยว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ที่ไม่สามารถเดินหน้าได้เนื่องคณะผู้ทำการศึกษาระบุว่ายังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องก่อสร้าง ทว่าการขยายตัวของการคมนาคมจากชายแดนสู่ตัวเมืองหาดใหญ่เติบโตมากกว่าที่มีการคาดการณ์ ทำให้เกิดปัญหาการแออัด เพราะมีเส้นทางหลักคือถนนกาญจนวานิชเท่านั้น นั่นเป็นที่มาของการต้องฟื้นโครงการดังกล่าวขึ้นอีกครั้ง

ปัจจุบันนี้เส้นทางของการขนส่ง มี 3 เส้นทาง เส้นทางมอเตอร์เวย์ ที่ สนข.ได้ทำการศึกษาครั้งนี้ ได้เปลี่ยนจากเดิมเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป แต่ที่มีความเป็นไปได้สูงคือเส้นทางตัดใหม่ที่ผ่านบริเวณนิคมอุตสาหกรรมฉลุง ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ แต่จะเชื่อมเส้นทางเดิมที่เคยศึกษาและเป็นทางแยก ซึ่งมีการเสนอให้สร้างอุโมงค์มุดเลี่ยงทางแยกดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ดร.สุรชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า การพัฒนาภาคใต้ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศนั้นยังมีความล่าช้าอยู่มาก ทั้งที่มีการศึกษาเส้นทางเชื่อมต่อไปยังส่วนต่างๆ ของประเทศเพื่อลดต้นทุนด้านลอจิสติกส์ขนส่งสินค้าสู่ต่างประเทศ แต่พบว่าความคืบหน้าน้อยมาก และหลายโครงการถูกเก็บไว้หลังจากทำการศึกษาเสร็จแล้ว เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

รวมถึงโครงการแลนด์บริดจ์ สงขลา-สตูล ที่มีท่าเรือน้ำลึกจะนะ-ท่าเรือน้ำลึกปากบาราเป็นจุดขึ้นลงสินค้า ที่จะพลิกเส้นทางการค้าข้ามทวีปแห่งใหม่ ทดแทนการอ้อมช่องแคบมะละกาในอนาคต ซึ่งหอการค้าจังหวัดสงขลาจะเร่งติดตามและผลักดันให้เดินหน้า ไม่ว่าการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น