ASTVผู้จัดการรายวัน-บอร์ด ทอท.เตรียมสั่งยกเลิกประมูลบริหารที่จอดรถสุวรรณภูมิหลังถูกร้องเรียนทุจริตฮั้วประมูล “ปิยะพันธ์”ถกบอร์ด 29 ต.ค.นี้ ยอมรับไม่โปร่งใส หลังถูกร้องเรียนฮั้วประมูล ดันราคาสูงกว่างบมาก ชี้บอร์ดหลับตาอนุมัติงบเพิ่มทันทีไม่ได้ต้องทบทวนโครงการใหม่หมด ขณะที่ยืนยันรถเข็นกระเป๋าต้องเป็น3 ยี่ห้อชั้นนำของโลกไม่รับของเทียมจากจีนแฉบิ๊กสุวรรณภูมิร้อนตัวสั่งย้ายคนทำข้อมูลรั่ว จับตาความโปร่งใสประมูลรถเข็นกระเป๋า ชี้ใช้กรรมการชุดเดียวกับที่จอดรถ
จากกรณีที่มีบริษัทเอกชนซึ่งร่วมยื่นประมูลโครงการจ้างบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถ พร้อมติดตั้งระบบและอุปกรณ์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยื่นร้องเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ,สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) , อธิบดีกรมบัญชีกลางว่ามีการดำเนินการประมูลเข้าข่ายลักษณะฮั้วประมูลโครงการการดำเนินการของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการประมูลเข้าข่ายการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ยื่นประมูลบางราย และวงเงินประมูลออกมาสูงกว่างบประมาณที่ทอท.กำหนดไว้ที่ 150 ล้านบาทถึง 70 ล้านบาท
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จำกัด หรือทอท.เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้เข้าร่วมประมูลจ้างบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถ พร้อมติดตั้งระบบและอุปกรณ์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้วโดยจะมีการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการทอท.ในวันที่ 29 ต.ค. นี้ ซึ่งเบื้องต้นจากพิจารณาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้ง การร้องเรียน ผลการประมูลที่วงเงินสูงกว่างบประมาณมาก เห็นว่า ควรจะมีการยกเลิกและเปิดประมูลใหม่
“สาเหตุที่จะให้มีการยกเลิกและเปิดประมูลใหม่นั้น มาจากหลายปัจจัย ทั้งประเด็นที่ถูกร้องเรียนว่ามีการฮั้วประมูล โดยเฉพาะ เรื่องวงเงินหลังประมูลออกมาสูงกว่างบประมาณค่อนข้างมาก ซึ่งเมื่อดูข้อมูลทั้งหมดบอร์ดก็คงอนุมัติเพิ่มกรอบงบประมาณให้ไม่ได้ ทอท.ต้องไปทบทวนโครงการใหม่ เพราะถ้าวงเงินสูงกว่าที่ประมาณการณ์ไว้เหตุใดจึงไม่กำหนดให้ใกล้เคียงตั้งแต่แรก แสดงว่าการคิดราคากลางค่อนข้างไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ประมูลไปแล้วค่อยมาเสนอเพิ่มทีหลัง เป็นเรื่องไม่เหมาะสมและอาจถูกมองว่าไม่โปร่งใส”นายปิยะพันธ์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า งานจ้างบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถ พร้อมติดตั้งระบบและอุปกรณ์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีกรอบงบประมาณ 150 ล้านบาท อายุสัญญา 5 ปีโดย ทอท.ประกาศประมูลในเดือนมิ.ย.2552 และกำหนดให้ยื่นซองประมูล วันที่ 15 ก.ค. 2552 และเลื่อนเป็นวันที่ 23 ก.ย. 2552 มีผู้ยื่น 3 รายคือ บริษัท วี.อาร์.เจ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (เป็นบริษัทในเครือ คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป ), บริษัท เจนก้องไกล จำกัด และ บริษัท แสตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด, กลุ่มกิจการร่วมทำงาน เอพี เพทเธ็ล เทคโนโลยี( ซึ่งมีบริษัท ASIA PARK จำกัด ร่วมอยู่ด้วย) โดยแจ้งว่า บริษัท เจนก้องไกล จำกัด และ บริษัท แสตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด ตกเทคนิคไม่ต้องเปิดซองราคา อีก 2 รายที่เหลือได้รบการเปิดราคา
ซึ่งแหล่งข่าวจากบริษัท เจนก้องไกล จำกัด กล่าวว่า ผู้ประกอบธุรกิจบริหารที่จอดรถเห็นว่า กรอบวงเงิน 150 ล้านบาท มีความเหมาะสม สามารถดำเนินการได้โดยยังมีกำไรประมาณ 30 ล้านบาท และมีข้อมูลวงในว่า กลุ่ม บริษัท เจนก้องไกล จำกัด และ บริษัท แสตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด ยื่นเสนอราคาต่ำที่สุดซึ่งอยู่ในกรอบวงเงิน 150 ล้านบาท ขณะที่มีข้อมูลว่า บริษัท วี.อาร์.เจ.เสนอประมาณ 228 ล้านบาท บริษัท ASIA PARK จำกัด เสนอ 217 ล้านบาท แต่มีการเจรจาและแก้ราคาภายหลังเป็น 237 ล้านบาท เพื่อให้สูงกว่าวี.อาร์.เจ.เนื่องจาก วี.อาร์.เจ.ไม่ยอมลดราคาลงจากที่เสนอไปครั้งแรก โดยจะมีการเสนอบอร์ดทอท.เพื่อขออนุมัติงบประมาณเพิ่ม
จึงเป็นที่มาของการร้องเรียนซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า ราคากลาง 150 ล้านบาทเหมาะสมแล้วแต่มีการเพิ่มให้เกิดส่วนต่างอีก 70 ล้านบาทนั้นใครมีส่วนได้ส่วนเสีย , ราคาที่กลุ่ม ASIA PARK เสนอครั้งแรก 217 ล้านบาทถือเป็นผู้ชนะ หากบริษัท เจนก้องไกลซึ่งเสนอต่ำกว่าตกเทคนิค ทำไมต้องแก้เป็น 237 ล้านบาท และทำไมถึงสามารถแก้ราคาได้มีการแก้ไขกันจริงหรือไม่ , คณะกรรมการให้มีการแก้ไขเอกสารและรับรองว่าใช้ได้ แต่แล้วให้บริษัทนั้นตกเทคนิคภายหลังด้วยเหตุผลที่ไม่ถูกต้อง เป็นการหลอกลวงและกลั่นแกล้งบริษัทหรือไม่ ,ผู้ประกอบการธุรกิจทุกรายรู้ราคากลางแต่มีการเสนอราคาที่สูงกว่าราคากลางมากกว่า 50% เข้าข่ายฮั้วประมูลหรือไม่ และ ผู้บริหารระดับสูงของทอท.พบปะกับบริษัทผู้เข้าร่วมประมูลในระหว่างที่มีการประกวดราคา
**บิ๊กสุวรรณภูมิร้อนตัวย้ายคนปล่อยข้อมูลรั่ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ราคาที่ออกมาสูงกว่ากรอบงบประมาณกว่า 50% ทำให้ฝ่ายพัสดุของทอท.กังวลและเสนอให้ยกเลิกประมูล เนื่องจากตามหลักการประมูลราคาสูงกว่ากรอบได้ประมาณ 10 % และยังสามารถต่อรองได้อีก แต่คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการประมูลจะใช้วิธีเสนอบอร์ดขอเพิ่มกรอบงบประมาณแทน ซึ่งทำให้มีข้อครหาว่าโครงการนี้มีผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยหลังมีการร้องเรียนไปที่ ป.ป.ช.และ สตง. มีการวิจารณ์ว่า ฝ่ายบริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีคำสั่งโยกย้ายบุคคลหลายตำแหน่ง รวมทั้งมีการยุบหน่วยงานมวลชนสัมพันธ์ซึ่งมีหน้าที่ในการประสานทำความเข้าใจกับชาวบ้านรอบสนามบินสุวรรณภูมิที่ได้รับผลกระทบด้านเสียง ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่สำคัญ
รายงานข่าวแจ้งว่า การประมูลโครงการต่างๆ ของสนามบินสุวรรณภูมิจะมีการวิ่งเต้นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคิงเพาเวอร์ที่เข้ามาเป็นผู้ประกอบการในหลายโครงการ และการประมูลรถเข็นกระเป๋าใหม่ขณะนี้ก็เป็นที่จับตามองอย่างมาก โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า คณะกรรมการประกวดราคาเป็นชุดเดียวกับการประกวดราคาบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถ ซึ่งถูกร้องเรียนทุจริตฮั้วประมูลเอื้อให้กลุ่มคิงเพาเวอร์
**ยันไม่รับรถเข็นกระเป๋าเลียนแบบจากจีน
นอกจากนี้นายปิยะพันธ์กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดทอท.ในวันที่ 29 ต.ค.นี้จะมีการเสนอผลการคัดเลือกเอกชนรายใหม่เข้ามาดำเนินการจัดหาและให้บริการรถเข็นกระเป๋า ภายในสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งบอร์ดทอท.ได้ให้ความเห็นชอบแนวทางการคัดเลือกด้วยวิธีพิเศษ โดยเชิญผู้ผลิตรถเข็นกระเป๋า 3 อันดับแรกของโลก คือ WANZAL , EXPRESSO , SMART CARTE เพื่อให้เข้ามายื่นข้อเสนอเพื่อให้สามารถทยอยนำรถเข็นกระเป๋าใหม่ให้บริการได้ทันช่วงปีใหม่จำนวนครึ่งหนึ่งก่อน
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า จะมีการเสนอรถเข็นกระเป๋าที่ผลิตในโรงงานประเทศจีนโดยอ้างคุณสมบัติเดียวกับที่กำหนดในทีโออาร์นั้น นายปิยะพันธ์กล่าวยืนยันว่า รถเข็นกระเป๋าของสนามบินสุวรรณภูมิจะต้องเป็น 1 ใน 3 ยี่ห้อชั้นนำของโลกที่ทอท.เชิญให้เข้าร่วมประมูล
ส่วนการที่จะมีการผลิตในประเทศจีนหากได้รับลิขสิทธิ์จากบริษัทแม่อย่างถูกต้องก็ไม่มีปัญหาเพราะบริษัทแม่คงไม่ปล่อยให้มีรถเข็นกระเป๋าที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐานออกมาแน่นอน แต่หากเป็นการทำเลียนแบบโดยไม่ได้รับรองจากบริษัทแม่คงไม่ได้
ทั้งนี้บอร์ดทอท.ได้มีมติเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 52 อนุมัติให้ทอท.ประมูลจัดหารถเข็นกระเป๋าด้วยวิธีพิเศษภายใต้กรอบวงเงินดำเนินการประมาณ 500 ล้านบาท (ไม่รวมVAT) และให้สามารถทยอยส่งมอบรถเข็นกระเป๋าใหม่ได้ครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 4,500 คันก่อนสิ้นปี 2552 เพื่อรองรับการให้บริการช่วงฤดูท่องเที่ยว (High Season) โดยทีโออาร์กำหนดคุณสมบัติรถเข็นกระเป๋าต้องมีรูปแบบทันสมัย น้ำหนักเบา ใช้วัสดุที่คงทนถาวร ต้องมีลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรของผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมและการตรวจนับรถเข็นกระเป๋าชนิดอิเลกทรอนิกส์ (RFID) สำหรับรถเข็นขนาดกลางทุกคัน และต้องเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน โดยมีจำนวน 9,034 คัน ระยะเวลาจ้าง 7 ปีเท่ากับสัญญาเดิม
จากกรณีที่มีบริษัทเอกชนซึ่งร่วมยื่นประมูลโครงการจ้างบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถ พร้อมติดตั้งระบบและอุปกรณ์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยื่นร้องเรียนไปยัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ,สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) , อธิบดีกรมบัญชีกลางว่ามีการดำเนินการประมูลเข้าข่ายลักษณะฮั้วประมูลโครงการการดำเนินการของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการประมูลเข้าข่ายการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ยื่นประมูลบางราย และวงเงินประมูลออกมาสูงกว่างบประมาณที่ทอท.กำหนดไว้ที่ 150 ล้านบาทถึง 70 ล้านบาท
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จำกัด หรือทอท.เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากผู้เข้าร่วมประมูลจ้างบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถ พร้อมติดตั้งระบบและอุปกรณ์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้วโดยจะมีการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการทอท.ในวันที่ 29 ต.ค. นี้ ซึ่งเบื้องต้นจากพิจารณาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้ง การร้องเรียน ผลการประมูลที่วงเงินสูงกว่างบประมาณมาก เห็นว่า ควรจะมีการยกเลิกและเปิดประมูลใหม่
“สาเหตุที่จะให้มีการยกเลิกและเปิดประมูลใหม่นั้น มาจากหลายปัจจัย ทั้งประเด็นที่ถูกร้องเรียนว่ามีการฮั้วประมูล โดยเฉพาะ เรื่องวงเงินหลังประมูลออกมาสูงกว่างบประมาณค่อนข้างมาก ซึ่งเมื่อดูข้อมูลทั้งหมดบอร์ดก็คงอนุมัติเพิ่มกรอบงบประมาณให้ไม่ได้ ทอท.ต้องไปทบทวนโครงการใหม่ เพราะถ้าวงเงินสูงกว่าที่ประมาณการณ์ไว้เหตุใดจึงไม่กำหนดให้ใกล้เคียงตั้งแต่แรก แสดงว่าการคิดราคากลางค่อนข้างไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ประมูลไปแล้วค่อยมาเสนอเพิ่มทีหลัง เป็นเรื่องไม่เหมาะสมและอาจถูกมองว่าไม่โปร่งใส”นายปิยะพันธ์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า งานจ้างบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถ พร้อมติดตั้งระบบและอุปกรณ์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีกรอบงบประมาณ 150 ล้านบาท อายุสัญญา 5 ปีโดย ทอท.ประกาศประมูลในเดือนมิ.ย.2552 และกำหนดให้ยื่นซองประมูล วันที่ 15 ก.ค. 2552 และเลื่อนเป็นวันที่ 23 ก.ย. 2552 มีผู้ยื่น 3 รายคือ บริษัท วี.อาร์.เจ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (เป็นบริษัทในเครือ คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลกรุ๊ป ), บริษัท เจนก้องไกล จำกัด และ บริษัท แสตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด, กลุ่มกิจการร่วมทำงาน เอพี เพทเธ็ล เทคโนโลยี( ซึ่งมีบริษัท ASIA PARK จำกัด ร่วมอยู่ด้วย) โดยแจ้งว่า บริษัท เจนก้องไกล จำกัด และ บริษัท แสตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด ตกเทคนิคไม่ต้องเปิดซองราคา อีก 2 รายที่เหลือได้รบการเปิดราคา
ซึ่งแหล่งข่าวจากบริษัท เจนก้องไกล จำกัด กล่าวว่า ผู้ประกอบธุรกิจบริหารที่จอดรถเห็นว่า กรอบวงเงิน 150 ล้านบาท มีความเหมาะสม สามารถดำเนินการได้โดยยังมีกำไรประมาณ 30 ล้านบาท และมีข้อมูลวงในว่า กลุ่ม บริษัท เจนก้องไกล จำกัด และ บริษัท แสตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด ยื่นเสนอราคาต่ำที่สุดซึ่งอยู่ในกรอบวงเงิน 150 ล้านบาท ขณะที่มีข้อมูลว่า บริษัท วี.อาร์.เจ.เสนอประมาณ 228 ล้านบาท บริษัท ASIA PARK จำกัด เสนอ 217 ล้านบาท แต่มีการเจรจาและแก้ราคาภายหลังเป็น 237 ล้านบาท เพื่อให้สูงกว่าวี.อาร์.เจ.เนื่องจาก วี.อาร์.เจ.ไม่ยอมลดราคาลงจากที่เสนอไปครั้งแรก โดยจะมีการเสนอบอร์ดทอท.เพื่อขออนุมัติงบประมาณเพิ่ม
จึงเป็นที่มาของการร้องเรียนซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่า ราคากลาง 150 ล้านบาทเหมาะสมแล้วแต่มีการเพิ่มให้เกิดส่วนต่างอีก 70 ล้านบาทนั้นใครมีส่วนได้ส่วนเสีย , ราคาที่กลุ่ม ASIA PARK เสนอครั้งแรก 217 ล้านบาทถือเป็นผู้ชนะ หากบริษัท เจนก้องไกลซึ่งเสนอต่ำกว่าตกเทคนิค ทำไมต้องแก้เป็น 237 ล้านบาท และทำไมถึงสามารถแก้ราคาได้มีการแก้ไขกันจริงหรือไม่ , คณะกรรมการให้มีการแก้ไขเอกสารและรับรองว่าใช้ได้ แต่แล้วให้บริษัทนั้นตกเทคนิคภายหลังด้วยเหตุผลที่ไม่ถูกต้อง เป็นการหลอกลวงและกลั่นแกล้งบริษัทหรือไม่ ,ผู้ประกอบการธุรกิจทุกรายรู้ราคากลางแต่มีการเสนอราคาที่สูงกว่าราคากลางมากกว่า 50% เข้าข่ายฮั้วประมูลหรือไม่ และ ผู้บริหารระดับสูงของทอท.พบปะกับบริษัทผู้เข้าร่วมประมูลในระหว่างที่มีการประกวดราคา
**บิ๊กสุวรรณภูมิร้อนตัวย้ายคนปล่อยข้อมูลรั่ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ราคาที่ออกมาสูงกว่ากรอบงบประมาณกว่า 50% ทำให้ฝ่ายพัสดุของทอท.กังวลและเสนอให้ยกเลิกประมูล เนื่องจากตามหลักการประมูลราคาสูงกว่ากรอบได้ประมาณ 10 % และยังสามารถต่อรองได้อีก แต่คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการประมูลจะใช้วิธีเสนอบอร์ดขอเพิ่มกรอบงบประมาณแทน ซึ่งทำให้มีข้อครหาว่าโครงการนี้มีผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยหลังมีการร้องเรียนไปที่ ป.ป.ช.และ สตง. มีการวิจารณ์ว่า ฝ่ายบริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้มีคำสั่งโยกย้ายบุคคลหลายตำแหน่ง รวมทั้งมีการยุบหน่วยงานมวลชนสัมพันธ์ซึ่งมีหน้าที่ในการประสานทำความเข้าใจกับชาวบ้านรอบสนามบินสุวรรณภูมิที่ได้รับผลกระทบด้านเสียง ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่สำคัญ
รายงานข่าวแจ้งว่า การประมูลโครงการต่างๆ ของสนามบินสุวรรณภูมิจะมีการวิ่งเต้นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคิงเพาเวอร์ที่เข้ามาเป็นผู้ประกอบการในหลายโครงการ และการประมูลรถเข็นกระเป๋าใหม่ขณะนี้ก็เป็นที่จับตามองอย่างมาก โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า คณะกรรมการประกวดราคาเป็นชุดเดียวกับการประกวดราคาบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถ ซึ่งถูกร้องเรียนทุจริตฮั้วประมูลเอื้อให้กลุ่มคิงเพาเวอร์
**ยันไม่รับรถเข็นกระเป๋าเลียนแบบจากจีน
นอกจากนี้นายปิยะพันธ์กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดทอท.ในวันที่ 29 ต.ค.นี้จะมีการเสนอผลการคัดเลือกเอกชนรายใหม่เข้ามาดำเนินการจัดหาและให้บริการรถเข็นกระเป๋า ภายในสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งบอร์ดทอท.ได้ให้ความเห็นชอบแนวทางการคัดเลือกด้วยวิธีพิเศษ โดยเชิญผู้ผลิตรถเข็นกระเป๋า 3 อันดับแรกของโลก คือ WANZAL , EXPRESSO , SMART CARTE เพื่อให้เข้ามายื่นข้อเสนอเพื่อให้สามารถทยอยนำรถเข็นกระเป๋าใหม่ให้บริการได้ทันช่วงปีใหม่จำนวนครึ่งหนึ่งก่อน
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า จะมีการเสนอรถเข็นกระเป๋าที่ผลิตในโรงงานประเทศจีนโดยอ้างคุณสมบัติเดียวกับที่กำหนดในทีโออาร์นั้น นายปิยะพันธ์กล่าวยืนยันว่า รถเข็นกระเป๋าของสนามบินสุวรรณภูมิจะต้องเป็น 1 ใน 3 ยี่ห้อชั้นนำของโลกที่ทอท.เชิญให้เข้าร่วมประมูล
ส่วนการที่จะมีการผลิตในประเทศจีนหากได้รับลิขสิทธิ์จากบริษัทแม่อย่างถูกต้องก็ไม่มีปัญหาเพราะบริษัทแม่คงไม่ปล่อยให้มีรถเข็นกระเป๋าที่คุณภาพไม่ได้มาตรฐานออกมาแน่นอน แต่หากเป็นการทำเลียนแบบโดยไม่ได้รับรองจากบริษัทแม่คงไม่ได้
ทั้งนี้บอร์ดทอท.ได้มีมติเมื่อวันที่ 24 ก.ย. 52 อนุมัติให้ทอท.ประมูลจัดหารถเข็นกระเป๋าด้วยวิธีพิเศษภายใต้กรอบวงเงินดำเนินการประมาณ 500 ล้านบาท (ไม่รวมVAT) และให้สามารถทยอยส่งมอบรถเข็นกระเป๋าใหม่ได้ครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 4,500 คันก่อนสิ้นปี 2552 เพื่อรองรับการให้บริการช่วงฤดูท่องเที่ยว (High Season) โดยทีโออาร์กำหนดคุณสมบัติรถเข็นกระเป๋าต้องมีรูปแบบทันสมัย น้ำหนักเบา ใช้วัสดุที่คงทนถาวร ต้องมีลิขสิทธิ์หรือสิทธิบัตรของผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมและการตรวจนับรถเข็นกระเป๋าชนิดอิเลกทรอนิกส์ (RFID) สำหรับรถเข็นขนาดกลางทุกคัน และต้องเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน โดยมีจำนวน 9,034 คัน ระยะเวลาจ้าง 7 ปีเท่ากับสัญญาเดิม
