xs
xsm
sm
md
lg

เอกชนร้องสอบ ทอท.ฮั้วประมูลจอดรถสุวรรณภูมิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- เอกชนร้อง ป.ป.ช.-ส.ต.ง. สอบ ทอท. ฮั้วประมูลบริหารลานจอดรถสุวรรณภูมิ หลังใช้วิชามารกลั่นแกล้งบริษัทเสนอราคาต่ำตกเทคนิค แถมยัดไส้ขอบอร์ดเพิ่มวงเงินให้อีก 70 ล้านบาท จากเดิมตั้งไว้แค่ 150 ล้าน อ้างเอกชนเสนอราคามาสูง เผยกลุ่มคิงเพาเวอร์เข้าวินแน่ เหตุเสนอราคาได้ต่ำสุด จับตาประมูลรถเข็นกระเป๋าส่อล๊อกสเป็กอีก ด้านคนทอท.สุดทน ร่อนใบปลิวแฉบิ๊กทอท. ตั้งแก้งค์งาบค่าจอดรถ

รายงานข่าวกระทรวงคมนาคม แจ้งว่า บริษัทเอกชนที่เข้าร่วมยื่นประมูลโครงการจ้างบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถ พร้อมติดตั้งระบบและอุปกรณ์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ยื่นร้องเรียนการทุจริตฮั้วประมูลโครงการไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) อธิบดีกรมบัญชีกลาง นายโสภน ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. โดยระบุว่า ทอท.ได้ประกาศประมูลจ้างบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถ พร้อมติดตั้งระบบและอุปกรณ์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประมาณเดือนมิ.ย.2552 และกำหนดให้ยื่นซองประมูล วันที่ 15 ก.ค.2552 แต่มีการเลื่อนกำหนดยื่นซองประมูล เลื่อนเปิดซองราคาออกไป รวมทั้งยังมีการดำเนินการของผู้บริหารและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นการเข้าข่ายการประกวดราคาที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้ยื่นข้อเสนอบางราย

เหตุผลที่เอกชนได้ยื่นร้องเรียนให้มีการสอบทุจริตนั้น ระบุว่า หลังจากที่เลื่อนการยื่นซองประมูล เลื่อนเปิดซองราคา แต่ในที่สุด ทอท.ได้กำหนดยื่นเอกสารประกวดราคาเมื่อวันที่ 23 ก.ย.2552 ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีผู้ยื่น 3 ราย คือ บริษัท วี.อาร์.เจ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (เป็นบริษัทในเครือ คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป ) บริษัท เจนก้องไกล จำกัด และบริษัท แสตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด และกลุ่มกิจการร่วมทำงาน เอพี เพทเธ็ล เทคโนโลยี( ซึ่งมีบริษัท ASIA PARK จำกัด ร่วมอยู่ด้วย)

อย่างไรก็ตาม ผลจากการพิจารณา ทอท. ได้แจ้งว่า บริษัท เจนก้องไกล จำกัด และบริษัท แสตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด ตกเทคนิค จึงไม่ต้องเปิดซองราคา โดยมีเพียงบริษัท วี.อาร์.เจ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดและกลุ่มกิจการร่วมทำงาน เอพี เพทเธ็ล เทคโนโลยี( ซึ่งมีบริษัท ASIA PARK จำกัด ร่วมอยู่ด้วย) ได้รับการเปิดซองราคา  

ขอความเป็นธรรมแต่ถูกเมิน

แหล่งข่าวจากบริษัท เจนก้องไกล จำกัด กล่าวว่า บริษัท เจนก้องไกล จำกัด ในฐานะผู้นำกลุ่ม( lead firm) ในกลุ่มกิจการร่วมค้ากับ บริษัท แสตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด ซึ่งร่วมยื่นประมูลโครงการตามเอกสารประกวดราคาเลขที่  6RH3-521029 ได้ยื่นหนังสือถึงรมว.คมนาคม ประธานบอร์ดทอท. และนายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.2552 เพื่อขอความเป็นธรรมและร้องเรียนการพิจารณาผลของคณะกรรมการเปิดซองประกวดราคาโครงการที่บริษัทถูกตัดสิทธิ์การเปิดซองข้อเสนอราคา และมีการดำเนินการที่เข้าข่ายเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทที่เหลือ

พร้อมทั้งได้ชี้แจงในประเด็นข้อสงสัยกรณีเอกสารข้อเสนอด้านเทคนิคของกลุ่มฯ ที่เสนอไปถูกต้องและครบถ้วน โดยในหัวข้อ 4.1.2 ประวัติของผู้บริหาร และข้อ 4.3.2 แผนการเปลี่ยนมือจากผู้บริหารรายเดิม แต่ไม่ได้รับการชี้แจงใดๆ  

“คณะกรรมการด้านเทคนิคเรียกบริษัทไปตรวจสอบเอกสารที่จะยื่นโดยตลอด แต่สุดท้ายกับให้บริษัทตกเทคนิคขาดคะแนนเพียง 2.5 คะแนน เรื่องประวัติผู้บริหารและแผนการรับงานทั้งที่ครบถ้วน เป็นการหลอกลวงเพื่อทำให้บริษัทตกเทคนิค และจะไม่ได้รับสิทธิ์เปิดซองราคา ซึ่งรับรู้กันว่าบริษัทเสนอราคาที่อยู่ในกรอบงบประมาณที่ทอท.มี ซึ่งสามารถดำเนินงานได้โดยมีกำไร ขณะที่ผู้ยื่นทีเหลือ เสนอราคาสูงกว่า กรอบวงเงินที่กำหนด”แหล่งข่าวกล่าว

แฉบิ๊ก ทอท.ร่วมกลั่นแกล้ง

แหล่งข่าวกล่าวว่า การดำเนินการในเรื่องนี้ เมื่อทอท.ได้แจ้งเลื่อนกำหนดยื่นซองประมูลเมื่อช่วงต้นเดือนก.ค. ต่อมาบริษัทได้รับการติดต่อจากผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้ไปพบรองผู้อำนวยการสุวรรณภูมิ ซึ่งได้มีการประสานให้ไปพบกับคณะกรรมการพิจารณาด้านเทคนิคเพื่อตรวจสอบเอกสารที่ยื่นประมูล โดยให้บริษัทหาผู้ร่วมงานเป็นบริษัทในประเทศ โดยคณะกรรมการด้านเทคนิคได้ร่วมตรวจสอบเอกสารต่างๆ ของบริษัทมาโดยตลอด จึงไม่น่าจะเป็นไปได้ที่บริษัทจะตกเทคนิคโดยขาดไปเพียง 2.5 คะแนน

ทั้งที่ บริษัทและผู้ร่วมกลุ่มเป็นมืออาชีพในการบริหารลานจอดรถ เช่น ที่จอดรถไฟฟ้าใต้ดิน ย่านจามจุรี ซึ่งใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุม

แหล่งข่าวกล่าวว่า มีความไม่ปกติของการประมูลเกิดขึ้นหลายครั้ง เช่น เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2552 เวลาประมาณ 12.00 น. ได้มีนัดพบกันระหว่างผู้บริหารระดับสูงของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกับหุ้นส่วนของบริษัท ASIA PARK จำกัด ที่โรงแรมโนโวเทล ซึ่งถือว่าไม่น่าเหมาะสม ในขณะที่บริษัทก็ถูกคณะกรรมการเทคนิคเรียกให้ไปแก้เอกสารอย่างต่อเนื่อง จากนั้นทอท.ได้แจ้งให้ยื่นซองประมูลในวันที่ 23 ก.ย. 52 เวลา 13.30 น. และ ให้ทุกบริษัทสาธิตความพร้อมวันที่ 25 ก.ย. ก่อนเปิดซองราคาในวันที่ 28 ก.ย. แต่เมื่อถึงวันสาธิตความพร้อมได้มีการแจ้งเลื่อนเปิดซองราคาไปเป็นวันที่ 1 ต.ค. เวลา 10.30 น. แทน

ต่อมา วันที่ 30 ก.ย. เวลา 11.00 น.บริษัทได้รับการติดต่อจากหน้าห้องรองผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแจ้งเลื่อนเปิดซองราคาจากวันที่ 1 ต.ค. เป็นวันที่ 5 ต.ค. เวลาเดิม โดยอ้างว่าคณะกรรมการสามารถตรวจเอกสารด้านเทคนิคไปได้เพียงรายเดียวจากทั้งหมด 3 ราย แต่ เวลา 13.40 น.ของวันเดียวกันบริษัทได้รับการติดต่อจากฝ่ายพัสดุของทอท.ว่าจะเปิดซองในวันที่ 1 ต.ค.เหมือนเดิม

“เป็นไปไม่ได้ที่เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะตรวจเอกสารอีก 2 รายที่เหลือทัน เพราะช่วงสายแจ้งว่าตรวจไปได้รายเดียว และเอกสารที่เสนอมีเนื้อหามากเป็น 1,000 หน้า ซึ่งทางบริษัทได้ประสานภายในทอท.จนทราบว่าผลจะออกมาว่า บริษัท เจนก้องไกร ตกเทคนิค ส่วนการเลื่อนกำหนดเปิดซองราคากลับไปกลับมาก็เพราะยังเจรจาระหว่างอีก 2 รายที่เหลือไม่เรียบร้อย“แหล่งข่าวกล่าว

เขี่ยรายเสนอราคาต่ำทิ้ง เปิดทางเอื้อรายที่ล๊อกสเปก

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า บริษัท เจนก้องไกล จำกัด และ บริษัท แสตนดาร์ด พร้อมพ์ จำกัด ได้ยื่นเสนอราคาต่ำที่สุดและอยู่ในกรอบวงเงินที่ทอท.ตั้งไว้ โดยสามารถบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถ พร้อมติดตั้งระบบและอุปกรณ์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ในวงเงิน 150 ล้านบาท ต่ออายุสัญญา 5 ปี และถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสม โดยสามารถดำเนินการได้โดยมีกำไรประมาณ 30 ล้านบาท แต่ก็ถูกปรับตกเทคนิค ทำให้ทอท. ใช้เป็นเหตุผลในการไม่เปิดซองราคาได้ทันที

ทั้งนี้ มีข้อมูลว่า บริษัท วี.อาร์.เจ. เสนอประมาณ 228 ล้านบาท บริษัท ASIA PARK จำกัด เสนอ 217 ล้านบาท แต่มีการเจรจาและแก้ราคาภายหลังเป็น 237 ล้านบาท เพื่อให้สูงกว่าวี.อาร์.เจ.เนื่องจาก วี.อาร์.เจ.ไม่ยอมลดราคาลงจากที่เสนอไปครั้งแรก

นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการที่ทำให้ผู้ผ่านเทคนิค 2 ราย แต่เสนอราคาสูงกว่าราคากลางได้รับประโยชน์เพิ่มเติม โดยได้มีการนำประเด็นการเสนอราคาสูงกว่าราคากลางให้บอร์ดทอท. พิจารณาในการประชุมวันที่ 29 ต.ค.2552 เพื่อขอปรับเพิ่มวงเงินในการดำเนินการจัดจ้างเพิ่มอีกกว่า 70 ล้านบาท โดยอ้างการเปรียบเทียบราคาจาก 2 บริษัทดังกล่าวว่าเสนอราคาสูงกว่าราคากลางมาก จึงต้องปรับเพิ่มวงเงินดำเนินการ

“ทำให้ทอท.เสียประโยชน์โดยไม่มีเหตุผล เพราะตามหลักการประมูล การเสนอราคา จะมากกว่าราคากลางและสามารถเจรจาต่อรองได้ไม่เกิน 10% แต่ในเมื่องราคาที่อีก 2 กลุ่มเสนอสูงกว่าราคากลางมาก จึงไม่สามารถเจรจาได้ ทำให้ทอท. ต้องใช้แนวทางการเพิ่มวงเงินจากบอร์ดแทน”แหล่งข่าวกล่าว

ชี้ประเด็นที่อาจส่อทุจริต

แหล่งข่าวกล่าวว่า อยากจะตั้งข้อสังเกตของการประมูลครั้งนี้ คือ 1.ราคากลางที่ 150 ล้านบาทเหมาะสมอยู่แล้ว 2.ส่วนต่าง 70 ล้านบาทที่เพิ่มขึ้นใครมีส่วนได้ส่วนเสีย 3.ราคาที่กลุ่ม ASIA PARK เสนอครั้งแรก 217 ล้านบาทถือเป็นผู้ชนะ หากบริษัท เจนก้องไกลซึ่งเสนอต่ำกว่าตกเทคนิค ทำไมต้องแก้เป็น 237 ล้านบาท และทำไมถึงสามารถแก้ราคาได้มีการแก้ไขกันจริงหรือไม่ 4.คณะกรรมการให้มีการแก้ไขเอกสารและรับรองว่าใช้ได้ แต่แล้วให้ตกเทคนิคภายหลังด้วยเหตุผลที่ไม่ถูกต้อง เป็นการหลอกลวงและกลั่นแกล้งบริษัท5.ผู้ประกอบการธุรกิจทุกรายรู้ราคากลาง แต่มีการเสนอราคาที่สูงกว่าราคากลางมากกว่า 50% เข้าข่ายฮั้วประมูลหรือไม่ 6. ผู้บริหารระดับสูงของทอท.พบปะกับบริษัทผู้เข้าร่วมประมูลในระหว่างที่มีการประกวดราคา

จับตาประมูลรถเข็นส่อทุจริตอีก

แหล่งข่าวจากทอท.กล่าวว่า พนักงานในทอท. ทราบกันดีว่า ขณะนี้มีบริษัทเอกชนรายหนึ่งที่เป็นเจ้าของสนามบินสุวรรณภูมิตัวจริง เพราะได้รับการดูแลผลประโยชน์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ทั้งในเรื่องสัมปทานร้านค้าปลอดภาษี พื้นที่เชิงพาณิชย์ และธุรกิจอื่นๆ โดยล่าสุดกำลังได้รับการพิจารณาให้ได้งานบริหารจัดการอาคารและลานจอดรถ พร้อมติดตั้งระบบและอุปกรณ์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

“ต้องยอมรับว่าบริษัทเอกชนรายนี้ยิ่งใหญ่จริง เพราะนอกจากมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มอำนาจเดิม พอกลุ่มอำนาจใหม่เข้ามาก็เข้าขากันได้อีก ทำให้มีแนวโน้มว่าจะได้งานบริหารอาหารจอดรถแน่นอนแล้ว และยังมีแนวโน้มว่าจะได้งานประมูลรถเข็นกระเป๋ามูลค่ากว่า 500 ล้านบาทอีก เพราะขณะนี้ได้มีการวิ่งเต้นผ่านทางผู้ใหญ่ใน ทอท.แล้ว”แหล่งข่าวกล่าว

ใบปลิวแฉบิ๊ก ทอท.ตั้งแก๊งงาบ

รายงานข่าวจากทอท. แจ้งว่า ในขณะนี้มีใบปลิว ในนามพนักงานทอท.ผู้หวังดี ออกมาแฉพฤติกรรมของผู้บริหารทอท.ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งทีมเข้าไปจัดเก็บผลประโยชน์ค่าจอดรถในอาคารจอดรถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยระบุว่า อาคารจอดรถสุวรรณภูมิใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการเก็บค่าจอดรถ แต่มีการคำสั่งให้ใช้บัตรอ่อนจ่ายให้กับผู้ใช้บริการ โดยอ้างว่าระบบคอมพิวเตอร์เสีย มาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว

ทั้งนี้ การใช้บัตรอ่อนจะไม่สามารถบันทึกข้อมูลการเข้าออกและจำนวนรถทางคอมพิวเตอร์ได้ เปิดช่องว่างของการรั่วไหลมาโดยตลอด ซึ่งเฉลี่ยมีรถใช้อาคารจอดรถสุวรรณภูมิคิดรายได้ประมาณ 7-8 แสนบาทต่อวัน แต่ปัจจุบันมีการนำส่งรายได้ให้ทอท.เพียง 5-6 แสนบาทต่อวันเท่านั้น ส่วนต่างวันละ 1-2 แสนบาทหายไป และได้มีการโยกย้ายเพื่อจัดวางบุคคลที่ใกล้ชิดผู้บริหารเข้าไปดูแลผลประโยชน์ที่อาคารจอดรถ ซึ่งเป็นพฤติกรรมของคนทอท.ที่ร้ายแรงกว่าไกด์ผีแท็กซี่เถื่อนที่ ทอท.ต้องใช้งบประมาณถึง 10 ล้านบาทในการปราบปรามเสียอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น