xs
xsm
sm
md
lg

อดีตเอกอัครราชทูตรัมโบลด์

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช

ผมได้อ่านข่าวเรื่องอดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษที่เคยมาประจำอยู่ในประเทศไทยเราในสมัยเมื่อปี 2508-2510 คือท่านอยู่แค่ 2 ปี เท่านั้น แต่ท่านได้เขียนสรุปรายงานไปให้กระทรวงการต่างประเทศของท่านโดยให้ทัศนะที่มีประเด็นและมุมมองต่อประเทศไทย ซึ่งผู้ที่ได้อ่านจากข่าว (ซึ่งผมเข้าใจว่าคงไม่ได้อ่านจากฉบับเต็มหรือต้นฉบับ)

การที่เอกสารซึ่งเดิมไม่น่าจะนำมาเปิดเผยได้นี้ แต่ถูกนำมาตีพิมพ์นั้น สาเหตุก็มาจากการที่สำนักข่าวบีบีซีได้ใช้อำนาจจากศาลอังกฤษ เรียกดูรายงานสรุปจากทูตที่เขียนรายงานเข้ากระทรวงมาดูทั้งหมด สิทธินี้เป็นไปโดยชอบตามกฎหมายของอังกฤษนะครับ

เป็นสิทธิว่าด้วยการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ซึ่งประชาชนของประเทศเขาพึงได้รับ

ทางบีบีซีนั้นได้นำเอกสารโดยมีข้อความบางส่วนเท่านั้นมาตีพิมพ์โดยได้บรรจุไว้ในเว็บไซต์ข่าวบีบีซี เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม ศกนี้

หลังจากบีบีซีเอามาเผยแพร่แล้ว พวกสำนักข่าวต่างประเทศก็เข้ามาคัดลอก แล้วนำไปเผยแพร่กันใหญ่ และแน่นอนว่าได้กลายเป็นเรื่องที่ได้รับการวิจารณ์อย่างยกใหญ่

ก็เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่หลายประเทศถูกพาดพิง และมีทัศนะที่บอกให้ทราบว่าพวกทูตต่างชาติที่เคยมาประจำในประเทศต่างๆ ทั่วโลกนั้น คิดอย่างไรต่อประเทศของตนกันบ้าง

เรื่องแบบนี้จะไปว่ามันผิดต่อหลักการทูตก็มิได้ เพราะว่าจริงๆ แล้ว มันเป็นเรื่องภายใน อีกประการหนึ่งมันก็แค่ความเห็นส่วนตัว และมันยังเป็นมุมมองของทูตในฐานะบุคคลที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง บางคนพ้นไปแล้วด้วยซ้ำไป

ครับ... มาเข้าเรื่องว่าทูตอังกฤษแสดงความเห็นต่อประเทศไทยว่าอย่างไรบ้าง

ก่อนอื่นขอแนะนำท่านทูตผู้นี้ไว้หน่อย

ทูตคนนี้ท่านคือเซอร์แอนโธนี รัมโบลด์

ไหนๆ จะรู้จักกันสักทีแล้ว ควรรู้ถึงโคตรเง่าสักหลาดกันเลยดีกว่า นามรัมโบลด์นี่เก่าแก่มากย้อนได้ถึงยุคกลางเลย ตามประวัติศาสตร์แล้ว พวกเชื้อสายของเซอร์แอนโธนีมาจากตระกูลแองโกล-แซกซอนครับ

แต่เอาเข้าจริงๆ ก็เชื้อสายไม่ใช่อังกฤษแท้ กลับเป็นพวกเยอรมันเก่าแก่มาก ชื่อนี้บ่งบอกว่าเป็นชื่อของคนเก่าแก่เยอรมัน

แต่มาโผล่ในอังกฤษในสมัย Norman ยึดครองอังกฤษได้ โดยเฉพาะยุคของกษัตริย์วิลเลียมที่พระองค์ต้องการสร้างฐานะทางเศรษฐกิจให้มั่นคง ก็เลยพยายามให้คนจากยุโรปอพยพเข้ามาทำกินในอังกฤษ โดยเลือกให้พ่อค้าที่มีฝีมือ และช่างศิลป์หรือพวกนักคิด นักประดิษฐ์เข้ามามากเป็นพิเศษ

ก็ได้ผล

ประเทศที่มีคนประเภทนี้มากคือ เยอรมนีไงครับ คนเยอรมันส่วนใหญ่เข้ามาอังกฤษตามนโยบายสร้างเศรษฐกิจเข้มแข็งของพระเจ้าวิลเลียม

คราวนี้คนในตระกูลรัมโบลด์ก็เข้ามาด้วย

ชื่อรัมโบลด์มีการพัฒนามาเยอะ เฉพาะอย่างยิ่งในยุคกลางเคยใช้กันก็หลายอย่าง เช่น Rumbold, Rumbald, Rumble, Rumball, Rumbou เป็นอาทิ

การตั้งรกรากเมื่อเข้ามาในอังกฤษแล้ว พวกรัมโบลด์ไปอยู่ที่บริเวณเมือง Hampshire ก่อน เขาก็พบการบันทึกชื่อผู้เสียภาษี

ต่อมาเกิดปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม ครอบครัวต่างๆ ที่เคยอพยพกันมา เห็นว่าแย่แน่ เลยเห็นโอกาสที่จะต้องอพยพกันอีกครั้ง

คราวนี้ไปไกลข้ามมหาสมุทรสู่โลกใหม่ไปอเมริกากันเลย

นักประวัติศาสตร์ที่สืบเรื่องโคตรเง่าเก่งๆ นั้น เขาบอกว่า

พวกที่หนีไปคราวนั้น ต่างประสบความสำเร็จกันทุกคน

จะไม่สำเร็จได้อย่างไร คนพวกนี้มีเงิน, มีฝีมือดีและขยัน บึกบึนแบบคนเยอรมัน

พวกตระกูลรัมโบลด์ไปโผล่ในเมืองต่างๆ

นาย John Rumball ไปอยู่ที่มลรัฐเวอร์จิเนียในปี 1652

นาย Thomas Rumball อยู่เมือง Boston ปี 1635

นาย James Rumbelow อยู่ Philadelphia ปี 1880


ตระกูล Rumbold นั้น ไม่ธรรมดานักหรอก

เขามี Coat of Arm หรือตราประจำตระกูลไว้ด้วย ตรานี้จะบอกชัดเจนว่า พวกเขาเรียกชื่อสกุลที่ถูกต้องว่าอย่างไรด้วย

ตราประจำตระกูลมีขนาดใหญ่พอสมควร น่าจะทำด้วยโลหะ (ผมเข้าใจว่าจะเป็นเหล็กด้วยครับ)

มีแค่ 2 สี คือเหลืองกับแดงเท่านั้น

คาดสีเหลืองเขียนคำว่า Rumbold ไว้ชัดเจนมาก

ด้านบนเป็นรูปสิงโตตัวเล็กหน่อย พร้อมมีคาดคำขวัญประจำตระกูลเป็นมอตโต (Motto) ในภาษาละติน (ซึ่งผมเรียนแค่ปีเดียวในไฮสกูล) เขียนว่า Virtutis Causactio ผมแปลแบบคนมีความรู้ชั้น Form 4 ว่า คุณธรรมอยู่กับการกระทำ (ถ้าแปลผิดใครแปลเก่งบอกหรือช่วยแก้ด้วยนะคร๊าบ)

ที่เล่ามาคือโคตรของท่านเซอร์แอนโธนี

แกกล่าวพาดพิงบ้านเราว่า คนไทยขาดความละเอียดอ่อนไม่มีวรรณกรรม ไม่มีภาพวาด มีดนตรีประหลาดๆ นาฏศิลป์ก็ยืมคนอื่นมา นอกจากนั้นประติมากรรมเครื่องปั้นดินเผา ฯลฯ ก็ยืมมา สถาปัตยกรรมก็เป็นแบบเดียว

การพนันกับการเล่นกอล์ฟเป็นความสุขของคนรวย

ความจริงก็ไม่มีอะไรมากนะ มันเป็นความเห็นเอาผิดเอาถูกไม่ได้หรอก

แต่คนไทยไม่ชอบ

ผมว่าทูตคนนี้จะคิดอย่างไรผมไม่ทราบ แต่ผมทราบว่าคนไทยนั้นจิตใจละเอียดอ่อน และความละเอียดอ่อนนั้นดูจากรอยยิ้มก็รู้แล้ว ดูจากผ้าไหมของเราก็รู้ ดูจากงานฝีมือของเราก็รู้แล้ว

วัฒนธรรมของไทยนั้น ลึกซึ้งต้องศึกษากันหลายปี ท่านทูตอยู่ 2 ปี ไม่รู้เคยกินอาหารไทยบ้างหรือเปล่า ถ้ากินคงไม่ออกมาหอนแบบนี้แน่ อาหารไทยบอกรากฐานทางวัฒนธรรมของไทยดีที่สุด ไม่เหมือนอังกฤษที่ทุกชาติลงมติกันแล้วว่าอาหารอังกฤษนั้นห่วยแตกที่สุด

ครับ... จริงๆ แล้ว ผมว่ามันนานาจิตตังมากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น