ในที่สุด “การเมืองใหม่” ก็เริ่มต้นลงเสาเอกแล้ว เมื่อพันธมิตรฯ จัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ชื่อว่า “พรรคการเมืองใหม่” (ก.ม.ม.) New Politics Party (N.P.S.P)
เบื้องต้นนี้มีคณะผู้ก่อการ 23 คน โดย “สมศักดิ์ โกศัยสุข” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค และมี “สุริยะใส กตะศิลา” เป็นเลขาธิการพรรค ขณะที่ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ เป็นโฆษกพรรคฯ
คณะผู้ปักหมุดลงเสาเอก 23 คน ล้วนแต่เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งสิ้น
ที่น่าสังเกต คือ ส่วนใหญ่ของคณะผู้ก่อการเป็น “ผู้หญิง” ถึง 16 คน และตอนเช้าของวันพฤหัสบดีนี้ พี่สาวและน้องสาวของเรากลุ่มนี้จะเดินนำหน้าพาคณะผู้ก่อการทั้งหมดไปจดทะเบียนพรรค และนับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเธอจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนพรรคการเมืองใหม่
แน่นอน...อาวุธร้ายของพันธมิตรฯ คือ แม่ยกพันธมิตรฯ ฉันใด
อาวุธมหาประลัยของ “พรรคการเมืองใหม่” ก็คือ ผู้หญิงพันธมิตรฯ ฉันนั้น
ในงานวิจัยของสำนักสันติอโศกพบว่า พันธมิตรฯ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และมีจำนวนสูงกว่า 75% นั่นเทียว
ในจำนวนผู้หญิงพันธมิตรฯ ที่มาจากทุกภูมิภาคมีความหลากหลายในสาขาอาชีพ รวมถึง “แม่บ้าน” ด้วย
งานวิจัยบ่งชี้ว่า ผู้หญิงพันธมิตรฯ มีที่มาคละเคล้าทั้งจากในเมือง และชนบท ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ 17 ปีเป็นต้นไปจนถึง 80 ปี
ไล่ไปตั้งแต่พันธมิตรฯ รุ่นคอกระเช้า-ผู้กุมชะตาชีวิตของลูกๆ และหลานๆ, พันธมิตรฯ กลุ่มแม่บ้าน-ผู้ไม่เคยมีปากมีเสียงมาก่อน, สาวทำงาน-ผู้เติบโตมากับหนังสือพันธุ์หมาบ้า ของ ชาติ กอบจิตติ จนถึงสายเดี่ยวเปรี้ยวถึงใจในนาม Young Pad ซึ่งมี The Catcher in the Rye ของ
J.D.Salinger อยู่ในหัวใจ
สาวๆ ของเราเหล่านี้ส่วนใหญ่มีพื้นฐานการศึกษาหลากหลายตั้งแต่ประถม-มัธยม-ระดับประกาศนียบัตรมากหน่อย-ปริญญาตรี และโทก็มิใช่น้อย และไม่ต้องแปลกใจ ถ้าพบแม่ยกพันธมิตรฯ หลายคนเป็นนักวิชาการระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ
Women Up!!!
Women in politics ฝันที่กำลังจะกลายเป็นจริงกับ “พรรคการเมืองใหม่”
พรรคน้องใหม่ที่มีโลโก “มือเรียวเกี่ยวร้อยรัดและโอบล้อมหัวใจสีเหลืองเล็กๆ 4 ดวง บนพื้นสีเขียวใบตองช่างสวยงาม อ่อนโยน แฝงไปด้วยพลังอำนาจอะไรเช่นนี้
พรรคการเมืองใหม่ กำลังแสดงออกถึงอำนาจแท้จริงของประชาชน...อำนาจของคนยิ่งใหญ่ และอำนาจของ “ผู้หญิงไทย” ที่กำลังประกาศศักดา “ผู้หญิงก็ใช่คน” และจะไม่ทนให้ถูกกดขี่เหยียดหยามอีกต่อไป เพราะผู้หญิงไทยมิใช่ดอกไม้ประดับแจกันให้ใครในสภาผู้แทนฯ
เห็นผู้หญิงมาเป็นพันธมิตรฯ แล้วชื่นใจ แต่เห็นผู้หญิงสนใจการเมืองใหม่แล้วชื่นใจยิ่งกว่า
ยิ่งเห็นพี่ชายและน้องชายของเราในพันธมิตรฯ ให้การต้อนรับขับสู้ผู้หญิงของเราอย่างเต็มอกเต็มใจให้เกียรติ ยิ่งชื่นใจมากมายหลายเท่า
ด้วยไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ในใจผู้หญิงเท่ากับผู้หญิงได้รับเกียรติเท่าเทียม “คน”
ไปอ่านรายงานพิเศษจาก Philadelphia Daily News โดย Catherline Lucey ในหัวข้อ Why few women in politics แล้วน่าสนใจ เลยนำมาเล่าสู่กันฟัง ถือเป็นการปูพื้นลาดพรมให้ผู้หญิงพันธมิตรฯ ได้เหยียบย่ำไปสู่ถนนการเมืองใหม่
เพราะรายงานฉบับนี้พูดถึงผู้หญิงกับการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติในอเมริกา ที่ยังมีน้อยเสียเหลือเกิน โดยเริ่มต้นจากกรณีคุณลีน อับบราฮัมได้รับแต่งตั้งให้เป็นอัยการของรัฐเพนซิลวาเนีย ในปี 1991 ตอนนั้นเธอได้รับเสียงเชียร์กึกก้องจากกลุ่มผู้หญิงและผู้ชายหัวสมัยใหม่ ในฐานะผู้เบิกทางการเมืองระดับท้องถิ่นให้กับผู้หญิงรุ่นใหม่ และ พลเมืองหัวก้าวหน้า ทั้งนี้ในพื้นที่ที่เธอจรดส้นสูงลงไป ล้วนแล้วแต่เคยถูกประทับด้วยฝ่าเท้าพวกผู้ชายหัวโบราณมาเนิ่นนาน
แต่แล้วอัยการคนเก่งและสวยจัดก็ไม่สามารถฟันฝ่าไปได้ถึงดวงดาว เพราะหลังจากนั้นไม่นาน บัลลังก์ “อัยการรัฐเพนซิลวาเนีย” ก็กลับมาตกในมือผู้ชายอีก คราวนี้ยาวนานเกือบ 20 ปีทีเดียวที่ไม่มีผู้หญิงยื่นหน้าขาวๆ เข้าไปได้เลย แถมคราวนี้ถึงพวกผู้ชายแสดงท่าทีหยามเหยียดเหมือนกับขึ้นป้ายหน้าสำนักงานว่า
“No girls allowed” เขตหวงห้ามสำหรับผู้หญิง!!!
รัฐเพนซิลวาเนียเป็นรัฐในลำดับที่ 46 ที่มีผู้หญิงทำงานการเมืองท้องถิ่น และถึงขั้นเคยเป็นผู้เข้าชิงชัยในตำแหน่งนายกเทศมนตรีมาแล้วด้วย แม้จะพ่ายแพ้แต่คะแนนที่ออกมาก็เรียกได้ว่า หายใจรดต้นคอผู้สมัครชายจนเสียวสันหลังวาบไปตามๆ กัน
ส่วนรัฐมิสซิสซิปปี อลาบามา โอกลาโฮมา และเซาท์แคโรไลนา เป็นรัฐที่มีผู้หญิงสนใจการเมืองน้อยมาก และมลรัฐเหล่านี้ไม่เคยแม้แต่จะมีผู้ว่าการรัฐ หรือ วุฒิสมาชิกที่เป็นผู้หญิงมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
มีวาทกรรมการเมืองเรื่องผู้หญิงกับการเมือง จากอัยการลีน แห่งเพนซิลวาเนีย ที่น่าสนใจ คือ
“หลังจากดิฉันได้ขึ้นเป็นอัยการได้เพียง 6 อาทิตย์ พวกผู้ชายก็ร้อนรนวิ่งไล่แข่งกับดิฉันกันเป็นแถว”
“ส่วนพวกผู้หญิงจอมพลังก็มองดิฉันเป็นเป้าหมาย ดิฉันเคยไปพูดที่สมาคมสตรีแห่งหนึ่งของเมืองพิตส์เบิร์กว่า การแข่งขันทางการเมืองของผู้หญิงกับผู้หญิง ไม่ใช่ปาร์ตี้น้ำชายามบ่ายนะจ๊ะ ในการเมืองไม่มีเพศหรือชนชั้น เพราะการต่อสู้ทางการเมือง คือ การกระโจนสู่สนามรบในสงครามดีๆ นี่เอง” อดีตอัยการแห่งเพนซิลวาเนียบอก
แต่รายงานชิ้นนี้ก็แสดงตัวเลขน่าสนใจตรงที่ว่า มี 7 เมือง จาก 17 เมืองในเพนซิลวาเนียที่มีสมาชิกสภาเทศบาลเป็นผู้หญิง และมีอีก 2 คน เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐ
ขณะที่แอตแลนตา และบัลติมอร์ เคยมีนายกเทศมนตรีเป็นผู้หญิงมาแล้ว และมากกว่า 35% ของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐโคโรลาโด เวอร์มองต์ และนิวแฮมเชอร์ เป็นผู้หญิง ส่วนที่มิชิแกน อลาสกา และคอนเนคติกัตอยู่ในหมู่มลรัฐที่มีผู้หญิงเคยก้าวขึ้นเป็นผู้ว่าการรัฐฯ
ทางด้านคุณแอลลิสัน โลว์ ผู้อำนวยการของศูนย์ศึกษาผู้หญิง กับการเมืองและนโยบายสาธารณะแห่งมหาวิทยาลัยแชททัม ในเมืองพิตส์เบิร์ก บอกว่า ถ้าให้โอกาสผู้หญิงได้เข้าไปทำงานการเมือง จะทำให้ผู้หญิงเกิดแรงกระตุ้น และทำงานหนักมากกว่าเดิมหลายเท่า แต่นั่นเท่ากับว่าเราไปกระตุ้นให้พวกผู้ชายตื่นตระหนก และทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมในการปิดพื้นที่การเมืองไม่ให้ผู้หญิงเหยียบย่างเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจที่พวกเขาถือครอง
ผู้อำนวยการแอลลิสันบอกว่า โครงสร้างการเมืองอเมริกาถูกกำหนดโดยผู้ชาย ดังนั้นโอกาสจึงเป็นของพวกเขามากกว่า และในสนามการเมืองผู้ชายกับผู้หญิงจะมีมุมมองต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยผู้ชายจะเข้าไปลงชิงชัยเมื่อมองเห็นโอกาส แต่ผู้หญิงเมื่อเห็นโอกาสจะหยุดขออนุญาตก่อนที่จะลงชิงชัย ซึ่งคนที่พวกเธอไปถามนั้นก็คือ ผู้ชายในครอบครัว
ส่วนคุณลิซ่า เบนนิงตัน ทนายความผู้เชี่ยวชาญคดีหย่าร้างแห่งเมืองพิตส์เบิร์ก วัย 33 ปี เคยเข้าไปเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐในปี 2006 และอยู่ได้เพียง 4 ปีเท่านั้นก็ลาโรง เหตุเพราะ
“ฉันถูกโดดเดี่ยว” เธอบอกกับคนเขียนรายงานชิ้นนี้ และว่า “สมาชิกสภาฯ ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย พวกเขามีอำนาจ พวกเขาทำงานหนัก กิน ดื่ม เที่ยว เต้นรำหนัก สูบบุหรี่ เป่าควันซิการ์คลุ้งไปหมด บางทีพวกเขาก็พูดเรื่องการเมืองหนักๆ น่าสนใจ บางทีคุยกันเรื่องการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ แต่สุดท้ายของวงสนทนาก็ไม่แคล้วเรื่อง เซ็กซ์ และ ผู้หญิง บอกตรงๆ ฉันเข้ากับพวกเขาไม่ได้ ฉันรู้สึกไม่มีพวก ไม่มีเพื่อน หลายหนรู้สึกสะอิดสะเอียนอยากอ้วกออกมา เมื่อได้ยินพวกเขานินทาผู้หญิงนมใหญ่ ขายาว หรือสาวสวยผมบลอนด์แสนโง่เง่า”
แต่ก็อีกนั่นล่ะรายงานฉบับนี้ระบุว่า ในสภาฯ ท้องถิ่นและระดับชาติของสหรัฐอเมริกาก็มีผู้หญิงหลงเข้าไปไม่น้อย แม้จะไม่มากก็เถอะ ที่น่าสนใจให้ไปดูสิ... ผู้หญิงในการเมืองอเมริกาแทบทุกคน “มีอายุ” แล้วทั้งนั้น ซึ่งวัยวุฒิจะช่วยส่งเสริมและปกป้องให้สถานภาพทางการเมืองของผู้หญิงได้รับการยอมรับยำเกรงมากขึ้น
รายงานพิเศษของวิทยุเสียงอเมริการะบุว่า เวลานี้กลุ่มผู้หญิงการเมืองในหลายมลรัฐจับมือกันแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้กันกว้างขวาง พวกเธอต้องการผลักดันผู้หญิงรุ่นใหม่เข้าสู่ถนนการเมืองมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ โดยกลุ่มสาวใหญ่ผู้มั่นคงดั่งหินผาเหล่านี้ พยายามส่งเสริมสิทธิสตรีในพื้นที่ของตนทุกวิถีทาง และกางปีกปกป้องสาวน้อยของเธอ ดุจแม่ไก่หวงลูกเจี๊ยบ
ตอนนี้ผู้หญิงซึ่งเป็นสมาชิกสภาฯ ท้องถิ่นหลายรัฐ นำความรู้การเมืองไปให้กับนักเรียนมัธยมปลาย เพื่อสร้างฝันอันโลดแล่นให้กับสาวน้อยวัยทีน โดยเชื่อว่า ปีกแห่งความฝันจะพาสาวน้อยของเธอโบยบินไปสู่การเมืองแห่งอนาคต
ส่วนนักธุรกิจผู้หญิงหลายคนในเมืองใหญ่ เช่น นิวยอร์ก หรือชิคาโก เป็นต้น ได้ตั้งกลุ่ม และหาเครือข่ายทั่วประเทศเพื่อขยายการสนับสนุนเงินทุนให้กับนักศึกษาผู้หญิงในสถาบันการศึกษาชั้นนำ พวกเขาเชื่อว่า นักการเมืองผู้หญิงไม่สามารถเกิดขึ้น และเติบโตได้เองโดยธรรมชาติ เพราะโครงสร้างสังคมอเมริกันถูกกำหนดแบบแผนโดยผู้ชายที่เชื่อว่าพวกเขาคือ ผู้สร้าง
ดังนั้นงานท้าทายของนักธุรกิจผู้หญิง คือ ปั้นฝันในใจเธอให้กลายเป็นจริงกับสาวน้อยรุ่นใหม่ที่พวกเธอคัดสรรมาแล้ว ว่า “ดีเลิศ” แล้วช่วยกันแผ้วถางทางเดินให้กับเธอ ไม่ปล่อยให้โดดเดี่ยว หรือตกอยู่ในอาณาจักรแห่งความกลัวอีกต่อไป
หลายปีก่อนเคยอ่าน ดอนน่า คาราน ดีไซเนอร์ชื่อดังแห่งนิวยอร์กเจ้าของแบรนด์ DKNY แสดงความคิดเห็นทางการเมืองกับนิตยสารเอสไควร์ ว่า อำนาจและความสามารถที่แท้จริงของผู้ชายอยู่ที่ไอ้นั่น แต่อำนาจ และความสามารถที่แท้จริงของผู้หญิงก็อยู่ที่สมอง แต่ในที่สุดเราก็ใช้หัวใจรักในอำนาจและความสามารถของเขา แต่พวกเขาสิไม่รักในอำนาจและความสามารถของเราเลย เขารักแต่ปทุมถันของเราเท่านั้นเชื่อเถอะ”
กลับไปที่รายงานของ Philadelphia Daily News กันอีกครั้ง ซึ่งแคททาลีน ลูซี่ ถ่ายทอดบทสรุปผู้หญิงกับการเมืองในแง่คิดคมคายของผู้อำนวยการ แอลลิสัน โลว์ แห่ง ศูนย์การศึกษาผู้หญิง มหาวิทยาลัยแชททัม พิตส์เบิร์ก ว่า
“เมื่อไรที่ผู้หญิงตัดสินใจกระโจนเข้าสู่การแข่งขันในสนามการเมือง เธอสามารถกำชัยชนะและครอบครองความพ่ายแพ้ได้เท่าๆ กับผู้ชาย”
ไม่ใช่เพราะเธอ คือ ผู้หญิง แต่เพราะเธอ คือ มนุษย์
วันนี้เห็นแม่หญิงพันธมิตรฯ ได้ก้าวออกมาจากครัวไฟไปสู่การเมืองใหม่ การเมืองบริสุทธิ์ที่กำลังถูกก่อร่างสร้างความแข็งแกร่งจากน้ำมือ ผู้หญิงของเราผู้แสนประเสริฐ และน่ายกย่อง
ผู้หญิงพันธมิตรฯ ผู้จริงจัง จริงใจ ไม่เสแสร้งกำลังจะก้าวขึ้นไปประกาศศักดิ์ศรีสตรีพันธมิตรฯ ให้เห็นเป็นประจักษ์อีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นภารกิจแรกในนาม นักรบมือตบผู้ไม่ย่นระย่อท้อ
การเมืองภาคประชาชนปั้นฝันของเธอให้กลายเป็นจริง และพรรคการเมืองใหม่ และฉายความจริงแห่งหญิงพันธมิตรฯ ให้โลกทั้งใบได้ประจักษ์กับความรักชาติอย่างไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตายของพวกเธอ
ถึงตรงนี้การเมืองไทยกำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างไร โปรดหาคำตอบได้จาก พรรคการเมืองใหม่
ส่วนรัฐสภาไทยจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปสักเพียงไหน โปรดหาคำตอบได้จากแม่หญิงพันธมิตรฯ
“พลังการเมืองใหม่” ผนวก “พลังผู้หญิง” ฉับพลันก็บังเกิดปรากฏการณ์ผีเสื้อแสนสวยกำลังกระพือปีกบนถนนการเมืองไทย พายุทอร์นาโดกำลังตั้งเค้า และสึนามิการเมืองกำลังตามมาติดๆ...มิตรสหายโปรดติดตาม.
เบื้องต้นนี้มีคณะผู้ก่อการ 23 คน โดย “สมศักดิ์ โกศัยสุข” รั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค และมี “สุริยะใส กตะศิลา” เป็นเลขาธิการพรรค ขณะที่ พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ เป็นโฆษกพรรคฯ
คณะผู้ปักหมุดลงเสาเอก 23 คน ล้วนแต่เป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้งสิ้น
ที่น่าสังเกต คือ ส่วนใหญ่ของคณะผู้ก่อการเป็น “ผู้หญิง” ถึง 16 คน และตอนเช้าของวันพฤหัสบดีนี้ พี่สาวและน้องสาวของเรากลุ่มนี้จะเดินนำหน้าพาคณะผู้ก่อการทั้งหมดไปจดทะเบียนพรรค และนับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเธอจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนพรรคการเมืองใหม่
แน่นอน...อาวุธร้ายของพันธมิตรฯ คือ แม่ยกพันธมิตรฯ ฉันใด
อาวุธมหาประลัยของ “พรรคการเมืองใหม่” ก็คือ ผู้หญิงพันธมิตรฯ ฉันนั้น
ในงานวิจัยของสำนักสันติอโศกพบว่า พันธมิตรฯ ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และมีจำนวนสูงกว่า 75% นั่นเทียว
ในจำนวนผู้หญิงพันธมิตรฯ ที่มาจากทุกภูมิภาคมีความหลากหลายในสาขาอาชีพ รวมถึง “แม่บ้าน” ด้วย
งานวิจัยบ่งชี้ว่า ผู้หญิงพันธมิตรฯ มีที่มาคละเคล้าทั้งจากในเมือง และชนบท ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ 17 ปีเป็นต้นไปจนถึง 80 ปี
ไล่ไปตั้งแต่พันธมิตรฯ รุ่นคอกระเช้า-ผู้กุมชะตาชีวิตของลูกๆ และหลานๆ, พันธมิตรฯ กลุ่มแม่บ้าน-ผู้ไม่เคยมีปากมีเสียงมาก่อน, สาวทำงาน-ผู้เติบโตมากับหนังสือพันธุ์หมาบ้า ของ ชาติ กอบจิตติ จนถึงสายเดี่ยวเปรี้ยวถึงใจในนาม Young Pad ซึ่งมี The Catcher in the Rye ของ
J.D.Salinger อยู่ในหัวใจ
สาวๆ ของเราเหล่านี้ส่วนใหญ่มีพื้นฐานการศึกษาหลากหลายตั้งแต่ประถม-มัธยม-ระดับประกาศนียบัตรมากหน่อย-ปริญญาตรี และโทก็มิใช่น้อย และไม่ต้องแปลกใจ ถ้าพบแม่ยกพันธมิตรฯ หลายคนเป็นนักวิชาการระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ
Women Up!!!
Women in politics ฝันที่กำลังจะกลายเป็นจริงกับ “พรรคการเมืองใหม่”
พรรคน้องใหม่ที่มีโลโก “มือเรียวเกี่ยวร้อยรัดและโอบล้อมหัวใจสีเหลืองเล็กๆ 4 ดวง บนพื้นสีเขียวใบตองช่างสวยงาม อ่อนโยน แฝงไปด้วยพลังอำนาจอะไรเช่นนี้
พรรคการเมืองใหม่ กำลังแสดงออกถึงอำนาจแท้จริงของประชาชน...อำนาจของคนยิ่งใหญ่ และอำนาจของ “ผู้หญิงไทย” ที่กำลังประกาศศักดา “ผู้หญิงก็ใช่คน” และจะไม่ทนให้ถูกกดขี่เหยียดหยามอีกต่อไป เพราะผู้หญิงไทยมิใช่ดอกไม้ประดับแจกันให้ใครในสภาผู้แทนฯ
เห็นผู้หญิงมาเป็นพันธมิตรฯ แล้วชื่นใจ แต่เห็นผู้หญิงสนใจการเมืองใหม่แล้วชื่นใจยิ่งกว่า
ยิ่งเห็นพี่ชายและน้องชายของเราในพันธมิตรฯ ให้การต้อนรับขับสู้ผู้หญิงของเราอย่างเต็มอกเต็มใจให้เกียรติ ยิ่งชื่นใจมากมายหลายเท่า
ด้วยไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ในใจผู้หญิงเท่ากับผู้หญิงได้รับเกียรติเท่าเทียม “คน”
ไปอ่านรายงานพิเศษจาก Philadelphia Daily News โดย Catherline Lucey ในหัวข้อ Why few women in politics แล้วน่าสนใจ เลยนำมาเล่าสู่กันฟัง ถือเป็นการปูพื้นลาดพรมให้ผู้หญิงพันธมิตรฯ ได้เหยียบย่ำไปสู่ถนนการเมืองใหม่
เพราะรายงานฉบับนี้พูดถึงผู้หญิงกับการเมืองท้องถิ่นและระดับชาติในอเมริกา ที่ยังมีน้อยเสียเหลือเกิน โดยเริ่มต้นจากกรณีคุณลีน อับบราฮัมได้รับแต่งตั้งให้เป็นอัยการของรัฐเพนซิลวาเนีย ในปี 1991 ตอนนั้นเธอได้รับเสียงเชียร์กึกก้องจากกลุ่มผู้หญิงและผู้ชายหัวสมัยใหม่ ในฐานะผู้เบิกทางการเมืองระดับท้องถิ่นให้กับผู้หญิงรุ่นใหม่ และ พลเมืองหัวก้าวหน้า ทั้งนี้ในพื้นที่ที่เธอจรดส้นสูงลงไป ล้วนแล้วแต่เคยถูกประทับด้วยฝ่าเท้าพวกผู้ชายหัวโบราณมาเนิ่นนาน
แต่แล้วอัยการคนเก่งและสวยจัดก็ไม่สามารถฟันฝ่าไปได้ถึงดวงดาว เพราะหลังจากนั้นไม่นาน บัลลังก์ “อัยการรัฐเพนซิลวาเนีย” ก็กลับมาตกในมือผู้ชายอีก คราวนี้ยาวนานเกือบ 20 ปีทีเดียวที่ไม่มีผู้หญิงยื่นหน้าขาวๆ เข้าไปได้เลย แถมคราวนี้ถึงพวกผู้ชายแสดงท่าทีหยามเหยียดเหมือนกับขึ้นป้ายหน้าสำนักงานว่า
“No girls allowed” เขตหวงห้ามสำหรับผู้หญิง!!!
รัฐเพนซิลวาเนียเป็นรัฐในลำดับที่ 46 ที่มีผู้หญิงทำงานการเมืองท้องถิ่น และถึงขั้นเคยเป็นผู้เข้าชิงชัยในตำแหน่งนายกเทศมนตรีมาแล้วด้วย แม้จะพ่ายแพ้แต่คะแนนที่ออกมาก็เรียกได้ว่า หายใจรดต้นคอผู้สมัครชายจนเสียวสันหลังวาบไปตามๆ กัน
ส่วนรัฐมิสซิสซิปปี อลาบามา โอกลาโฮมา และเซาท์แคโรไลนา เป็นรัฐที่มีผู้หญิงสนใจการเมืองน้อยมาก และมลรัฐเหล่านี้ไม่เคยแม้แต่จะมีผู้ว่าการรัฐ หรือ วุฒิสมาชิกที่เป็นผู้หญิงมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
มีวาทกรรมการเมืองเรื่องผู้หญิงกับการเมือง จากอัยการลีน แห่งเพนซิลวาเนีย ที่น่าสนใจ คือ
“หลังจากดิฉันได้ขึ้นเป็นอัยการได้เพียง 6 อาทิตย์ พวกผู้ชายก็ร้อนรนวิ่งไล่แข่งกับดิฉันกันเป็นแถว”
“ส่วนพวกผู้หญิงจอมพลังก็มองดิฉันเป็นเป้าหมาย ดิฉันเคยไปพูดที่สมาคมสตรีแห่งหนึ่งของเมืองพิตส์เบิร์กว่า การแข่งขันทางการเมืองของผู้หญิงกับผู้หญิง ไม่ใช่ปาร์ตี้น้ำชายามบ่ายนะจ๊ะ ในการเมืองไม่มีเพศหรือชนชั้น เพราะการต่อสู้ทางการเมือง คือ การกระโจนสู่สนามรบในสงครามดีๆ นี่เอง” อดีตอัยการแห่งเพนซิลวาเนียบอก
แต่รายงานชิ้นนี้ก็แสดงตัวเลขน่าสนใจตรงที่ว่า มี 7 เมือง จาก 17 เมืองในเพนซิลวาเนียที่มีสมาชิกสภาเทศบาลเป็นผู้หญิง และมีอีก 2 คน เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐ
ขณะที่แอตแลนตา และบัลติมอร์ เคยมีนายกเทศมนตรีเป็นผู้หญิงมาแล้ว และมากกว่า 35% ของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐโคโรลาโด เวอร์มองต์ และนิวแฮมเชอร์ เป็นผู้หญิง ส่วนที่มิชิแกน อลาสกา และคอนเนคติกัตอยู่ในหมู่มลรัฐที่มีผู้หญิงเคยก้าวขึ้นเป็นผู้ว่าการรัฐฯ
ทางด้านคุณแอลลิสัน โลว์ ผู้อำนวยการของศูนย์ศึกษาผู้หญิง กับการเมืองและนโยบายสาธารณะแห่งมหาวิทยาลัยแชททัม ในเมืองพิตส์เบิร์ก บอกว่า ถ้าให้โอกาสผู้หญิงได้เข้าไปทำงานการเมือง จะทำให้ผู้หญิงเกิดแรงกระตุ้น และทำงานหนักมากกว่าเดิมหลายเท่า แต่นั่นเท่ากับว่าเราไปกระตุ้นให้พวกผู้ชายตื่นตระหนก และทำงานหนักมากขึ้นกว่าเดิมในการปิดพื้นที่การเมืองไม่ให้ผู้หญิงเหยียบย่างเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจที่พวกเขาถือครอง
ผู้อำนวยการแอลลิสันบอกว่า โครงสร้างการเมืองอเมริกาถูกกำหนดโดยผู้ชาย ดังนั้นโอกาสจึงเป็นของพวกเขามากกว่า และในสนามการเมืองผู้ชายกับผู้หญิงจะมีมุมมองต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยผู้ชายจะเข้าไปลงชิงชัยเมื่อมองเห็นโอกาส แต่ผู้หญิงเมื่อเห็นโอกาสจะหยุดขออนุญาตก่อนที่จะลงชิงชัย ซึ่งคนที่พวกเธอไปถามนั้นก็คือ ผู้ชายในครอบครัว
ส่วนคุณลิซ่า เบนนิงตัน ทนายความผู้เชี่ยวชาญคดีหย่าร้างแห่งเมืองพิตส์เบิร์ก วัย 33 ปี เคยเข้าไปเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐในปี 2006 และอยู่ได้เพียง 4 ปีเท่านั้นก็ลาโรง เหตุเพราะ
“ฉันถูกโดดเดี่ยว” เธอบอกกับคนเขียนรายงานชิ้นนี้ และว่า “สมาชิกสภาฯ ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย พวกเขามีอำนาจ พวกเขาทำงานหนัก กิน ดื่ม เที่ยว เต้นรำหนัก สูบบุหรี่ เป่าควันซิการ์คลุ้งไปหมด บางทีพวกเขาก็พูดเรื่องการเมืองหนักๆ น่าสนใจ บางทีคุยกันเรื่องการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ แต่สุดท้ายของวงสนทนาก็ไม่แคล้วเรื่อง เซ็กซ์ และ ผู้หญิง บอกตรงๆ ฉันเข้ากับพวกเขาไม่ได้ ฉันรู้สึกไม่มีพวก ไม่มีเพื่อน หลายหนรู้สึกสะอิดสะเอียนอยากอ้วกออกมา เมื่อได้ยินพวกเขานินทาผู้หญิงนมใหญ่ ขายาว หรือสาวสวยผมบลอนด์แสนโง่เง่า”
แต่ก็อีกนั่นล่ะรายงานฉบับนี้ระบุว่า ในสภาฯ ท้องถิ่นและระดับชาติของสหรัฐอเมริกาก็มีผู้หญิงหลงเข้าไปไม่น้อย แม้จะไม่มากก็เถอะ ที่น่าสนใจให้ไปดูสิ... ผู้หญิงในการเมืองอเมริกาแทบทุกคน “มีอายุ” แล้วทั้งนั้น ซึ่งวัยวุฒิจะช่วยส่งเสริมและปกป้องให้สถานภาพทางการเมืองของผู้หญิงได้รับการยอมรับยำเกรงมากขึ้น
รายงานพิเศษของวิทยุเสียงอเมริการะบุว่า เวลานี้กลุ่มผู้หญิงการเมืองในหลายมลรัฐจับมือกันแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้กันกว้างขวาง พวกเธอต้องการผลักดันผู้หญิงรุ่นใหม่เข้าสู่ถนนการเมืองมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ โดยกลุ่มสาวใหญ่ผู้มั่นคงดั่งหินผาเหล่านี้ พยายามส่งเสริมสิทธิสตรีในพื้นที่ของตนทุกวิถีทาง และกางปีกปกป้องสาวน้อยของเธอ ดุจแม่ไก่หวงลูกเจี๊ยบ
ตอนนี้ผู้หญิงซึ่งเป็นสมาชิกสภาฯ ท้องถิ่นหลายรัฐ นำความรู้การเมืองไปให้กับนักเรียนมัธยมปลาย เพื่อสร้างฝันอันโลดแล่นให้กับสาวน้อยวัยทีน โดยเชื่อว่า ปีกแห่งความฝันจะพาสาวน้อยของเธอโบยบินไปสู่การเมืองแห่งอนาคต
ส่วนนักธุรกิจผู้หญิงหลายคนในเมืองใหญ่ เช่น นิวยอร์ก หรือชิคาโก เป็นต้น ได้ตั้งกลุ่ม และหาเครือข่ายทั่วประเทศเพื่อขยายการสนับสนุนเงินทุนให้กับนักศึกษาผู้หญิงในสถาบันการศึกษาชั้นนำ พวกเขาเชื่อว่า นักการเมืองผู้หญิงไม่สามารถเกิดขึ้น และเติบโตได้เองโดยธรรมชาติ เพราะโครงสร้างสังคมอเมริกันถูกกำหนดแบบแผนโดยผู้ชายที่เชื่อว่าพวกเขาคือ ผู้สร้าง
ดังนั้นงานท้าทายของนักธุรกิจผู้หญิง คือ ปั้นฝันในใจเธอให้กลายเป็นจริงกับสาวน้อยรุ่นใหม่ที่พวกเธอคัดสรรมาแล้ว ว่า “ดีเลิศ” แล้วช่วยกันแผ้วถางทางเดินให้กับเธอ ไม่ปล่อยให้โดดเดี่ยว หรือตกอยู่ในอาณาจักรแห่งความกลัวอีกต่อไป
หลายปีก่อนเคยอ่าน ดอนน่า คาราน ดีไซเนอร์ชื่อดังแห่งนิวยอร์กเจ้าของแบรนด์ DKNY แสดงความคิดเห็นทางการเมืองกับนิตยสารเอสไควร์ ว่า อำนาจและความสามารถที่แท้จริงของผู้ชายอยู่ที่ไอ้นั่น แต่อำนาจ และความสามารถที่แท้จริงของผู้หญิงก็อยู่ที่สมอง แต่ในที่สุดเราก็ใช้หัวใจรักในอำนาจและความสามารถของเขา แต่พวกเขาสิไม่รักในอำนาจและความสามารถของเราเลย เขารักแต่ปทุมถันของเราเท่านั้นเชื่อเถอะ”
กลับไปที่รายงานของ Philadelphia Daily News กันอีกครั้ง ซึ่งแคททาลีน ลูซี่ ถ่ายทอดบทสรุปผู้หญิงกับการเมืองในแง่คิดคมคายของผู้อำนวยการ แอลลิสัน โลว์ แห่ง ศูนย์การศึกษาผู้หญิง มหาวิทยาลัยแชททัม พิตส์เบิร์ก ว่า
“เมื่อไรที่ผู้หญิงตัดสินใจกระโจนเข้าสู่การแข่งขันในสนามการเมือง เธอสามารถกำชัยชนะและครอบครองความพ่ายแพ้ได้เท่าๆ กับผู้ชาย”
ไม่ใช่เพราะเธอ คือ ผู้หญิง แต่เพราะเธอ คือ มนุษย์
วันนี้เห็นแม่หญิงพันธมิตรฯ ได้ก้าวออกมาจากครัวไฟไปสู่การเมืองใหม่ การเมืองบริสุทธิ์ที่กำลังถูกก่อร่างสร้างความแข็งแกร่งจากน้ำมือ ผู้หญิงของเราผู้แสนประเสริฐ และน่ายกย่อง
ผู้หญิงพันธมิตรฯ ผู้จริงจัง จริงใจ ไม่เสแสร้งกำลังจะก้าวขึ้นไปประกาศศักดิ์ศรีสตรีพันธมิตรฯ ให้เห็นเป็นประจักษ์อีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นภารกิจแรกในนาม นักรบมือตบผู้ไม่ย่นระย่อท้อ
การเมืองภาคประชาชนปั้นฝันของเธอให้กลายเป็นจริง และพรรคการเมืองใหม่ และฉายความจริงแห่งหญิงพันธมิตรฯ ให้โลกทั้งใบได้ประจักษ์กับความรักชาติอย่างไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตายของพวกเธอ
ถึงตรงนี้การเมืองไทยกำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างไร โปรดหาคำตอบได้จาก พรรคการเมืองใหม่
ส่วนรัฐสภาไทยจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปสักเพียงไหน โปรดหาคำตอบได้จากแม่หญิงพันธมิตรฯ
“พลังการเมืองใหม่” ผนวก “พลังผู้หญิง” ฉับพลันก็บังเกิดปรากฏการณ์ผีเสื้อแสนสวยกำลังกระพือปีกบนถนนการเมืองไทย พายุทอร์นาโดกำลังตั้งเค้า และสึนามิการเมืองกำลังตามมาติดๆ...มิตรสหายโปรดติดตาม.