เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (18ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการเป็นประธานเปิดงานวันเกียรติยศนักขายตรงไทยประจำปี 2552 ที่ฮอลล์ 3 อิมแพค เมืองทองธานี ว่า ธุรกิจขายตรงมีความเคลื่อนไหวและมีสีสันต่อระบบเศรษฐกิจโลก เพราะมีการสินค้าที่สร้างสรรค์ และเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและเริ่มต้นธุรกิจได้ ซึ่งธุรกิจขายตรงมีการขยายตัวอย่างมาก โดยมีการประมาณการกันว่ายอดขายทั่วโลกมีมากภึง 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3 ล้านล้านบาท และมีนักขายทั่วโลก 58 ล้านคน ส่วนของไทยยอดขายอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท โดยมีนักขายไม่ต่ำกว่า 9 ล้านคน และแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งธุรกิจขายตรงสามารถสร้างความมั่นคงให้คนไทยจำนวนมาก
"ช่วงที่เจอกับวิกฤติเศรษฐกิจโลกก็มีคนเข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น เพราะยังคงมีอัตราการเจริญเติบโต เป็นการยืนยันแนวโน้มในทางบวกแม้เศรษฐกิจมีภาวะความไม่แน่นอน ดังนั้น การขายตรงจึงเป็นทางเลือกของหลายฝ่าย โดยผมอยากแนะนำให้สินค้าขายตรงมีการรับประกันสินค้าเหมือนกับสินค้าค้าปลีกทั่วไป และขอแนะนำให้การขายตรงเป็นอาชีพทางเลือกหนึ่งสำหรับคนเพิ่งจบการศึกษา ผมจึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านฟันฝ่าวิกฤติครั้งนี้"นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ การเป็นนักขายตรงไม่ต้องมีการลงทุน แถมยังมีระบบการตลาดที่มีศักยภาพ ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวจะมีเม็ดเงินจำนวนมากที่จะสามารถยกระดับชีวิตคนไทยในด้านนี้อีกมาก หวังว่าสมาคมนักขายตรงฯ จะสนับสนุนการขายตรงในประเทศให้เป็นธุรกิจที่ยังมีศักยภาพต่อเนื่องต่อไป และขอให้มีจรรยาบรรรณเพื่อสร้างสรรค์การขาย ทั้งนี้แม้ธุรกิจจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่อุปสรรคคือ ภาพลักษณ์ในด้านลบ หรือความไม่เข้าใจ เพราะมีธุรกิจอื่นแอบแฝงเข้ามาบั่นทอนภาพของธุรกิจที่ดี เช่น อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง สินค้าด้อยคุณภาพแต่ราคาแพงเกินจริง หรือต้องการสร้างเครือข่ายระดมทุนหลอกลวงมากกว่าขายสินค้า ซึ่งตรงนี้ภาครัฐจึงมีกฎหมายและหน่วยงานดูแลคือสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตนหวังว่าทั้งสมาคมฯและสมาชิกสมาคมจะมีส่วนให้ความร่วมมือกับสคบ.ในการดูแลแก้ไขปัญหานี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่นายกฯจะกล่าวเปิดงานนั้น พญ.นลินี ไพบูลย์ นายกสมาคมนักขายฯ ได้กล่าวรายงานตอนหนึ่งว่า “ธุรกิจขายตรงต้องการกำลังใจจากนายกฯ และพวกเราก็จะเป็นกำลังใจให้นายกฯเช่นกัน” ซึ่งหลังพูดประโยคนี้จบ นายอภิสิทธิ์ ถึงกับนั่งอมยิ้ม
-------------
"ช่วงที่เจอกับวิกฤติเศรษฐกิจโลกก็มีคนเข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น เพราะยังคงมีอัตราการเจริญเติบโต เป็นการยืนยันแนวโน้มในทางบวกแม้เศรษฐกิจมีภาวะความไม่แน่นอน ดังนั้น การขายตรงจึงเป็นทางเลือกของหลายฝ่าย โดยผมอยากแนะนำให้สินค้าขายตรงมีการรับประกันสินค้าเหมือนกับสินค้าค้าปลีกทั่วไป และขอแนะนำให้การขายตรงเป็นอาชีพทางเลือกหนึ่งสำหรับคนเพิ่งจบการศึกษา ผมจึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านฟันฝ่าวิกฤติครั้งนี้"นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ การเป็นนักขายตรงไม่ต้องมีการลงทุน แถมยังมีระบบการตลาดที่มีศักยภาพ ดังนั้นเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวจะมีเม็ดเงินจำนวนมากที่จะสามารถยกระดับชีวิตคนไทยในด้านนี้อีกมาก หวังว่าสมาคมนักขายตรงฯ จะสนับสนุนการขายตรงในประเทศให้เป็นธุรกิจที่ยังมีศักยภาพต่อเนื่องต่อไป และขอให้มีจรรยาบรรรณเพื่อสร้างสรรค์การขาย ทั้งนี้แม้ธุรกิจจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่อุปสรรคคือ ภาพลักษณ์ในด้านลบ หรือความไม่เข้าใจ เพราะมีธุรกิจอื่นแอบแฝงเข้ามาบั่นทอนภาพของธุรกิจที่ดี เช่น อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง สินค้าด้อยคุณภาพแต่ราคาแพงเกินจริง หรือต้องการสร้างเครือข่ายระดมทุนหลอกลวงมากกว่าขายสินค้า ซึ่งตรงนี้ภาครัฐจึงมีกฎหมายและหน่วยงานดูแลคือสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตนหวังว่าทั้งสมาคมฯและสมาชิกสมาคมจะมีส่วนให้ความร่วมมือกับสคบ.ในการดูแลแก้ไขปัญหานี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่นายกฯจะกล่าวเปิดงานนั้น พญ.นลินี ไพบูลย์ นายกสมาคมนักขายฯ ได้กล่าวรายงานตอนหนึ่งว่า “ธุรกิจขายตรงต้องการกำลังใจจากนายกฯ และพวกเราก็จะเป็นกำลังใจให้นายกฯเช่นกัน” ซึ่งหลังพูดประโยคนี้จบ นายอภิสิทธิ์ ถึงกับนั่งอมยิ้ม
-------------
