xs
xsm
sm
md
lg

ค้าตรงทะลักข้ามโขง ทูตพาณิชย์เตือนระวังลาวจ้องจับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#cc00cc>หญิงสาวเดินผ่านหน้าร้านจำหน่ายเครื่าองสำอางแห่งหนึ่งภายในตลาดเช้านครเวียงจันทน์ ภาพถ่ายวันที่ 18 ก.ย.2552 สตรีลาวรักสวยรักงาม สินค้าประทินโฉมต่างๆ ขายดี เปิดช่องให้ธุรกิจขายตรงจากไทยทะลักข้ามโขงเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเครื่องสำอางยี่ห้อต่างๆ เพียงแต่ยังไม่มีบริษัทใดทำถูกกฎหมายของลาวอย่างครบถ้วน </FONT></bR>

ASTVผู้จัดการรายวัน-- ธุรกิจค้าตรงที่ดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเอกชนจากประเทศไทยกำลังแพร่หลายสุดขีดในลาวขณะนี้ ขณะที่ทางการกำลังเร่งปราบปราม สำนักงานส่งเสริมการค้าไทยนครเวียงจันทน์ได้ออกเตือนให้ระวัง

ธุรกิจขายตรง หรือไดเร็คเซลจากประเทศไทย เฟื่องฟูขึ้นมาในปีนี้ โดยเฉพาะสินค้าด้านความงาม เครื่องสำอาง เครื่องบำรุงผิว และอาหารเสริม ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวลาวเป็นอย่างดี เนื่องจากคนลาวโดยพื้นฐานเป็นคนรักสวยรักงาม และนิยมดูสื่อโทรทัศน์ไทย ภาษาสื่อกันโดยไม่ต้องมีล่ามแปล และยังได้รับอิทธิพลจากดารานักแสดงของไทย กับแฟชั่นจากประเทศไทย เป็นพื้นฐานอย่างดีสำหรับสินค้าต่างๆ เหล่านี้

“บางรายเข้าไปนัดประชุมระดมคนในลาวให้เข้าร่วมรับฟังธุรกิจขายตรงตามโรงแรมต่างๆ เป็นระดับจำนวน 1,000 คน เพื่อหาสมาชิกเครือข่าย และมีการระดมเพื่อเตรียมการที่จะหาสมาชิกและจัดประชุมให้ได้ถึงระดับ 7–8 พันคน" นายเฉลิมพล พงศ์ฉบับนภา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าไทยในประเทศ ณ นครเวียงจันทน์กล่าวในรายงวานชิ้นหนึ่งที่ "ผู้จัดการรายวัน" ได้รับสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

นักธุรกิจไทยไม่เข้าใจว่า การเข้าไปทำธุรกิจโดยใช้พาสปอร์ตที่ไม่ต้องมีวีซ่าพำนักอยู่ในลาวได้ 30 วัน เป็นการเข้าไปในลักษณะของนักท่องเที่ยว ยังไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้

ขณะนี้ทางการลาวได้ออกมาตรการกวดขัน และดำเนินการจับกุม เพราะถือว่าเป็นการเข้าเมืองในลักษณะของนักท่องเที่ยว ยังไม่ได้จดทะเบียนการค้าให้ถูกต้องตามกฎหมายของลาว และ เป็นช่วงใกล้งานแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่ลาวเป็นเจ้าภาพครั้งแรก ทางการลาวจึงระมัดระวังเรื่องการปลุกระดม การนัดหมายชุมนุมคนจำนวนมาก โดยไม่ได้ถือปฏิบัติให้ถูกต้องและไม่ได้ขออนุญาตจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องขอลาว รายงานฉบับเดียวกันกล่าว

ในหลายจังหวัดบริเวณชายแดนไทย–ลาว มีการเปิดคลินิกเสริมความงามเกิดขึ้นหลายแห่งซึ่งชาวลาวนิยมเสริมดั้งจมูกให้สวยงามตามสมัยนิยมของคนหนุ่มสาว และ จากการที่ตลาดสินค้าด้านความงามกำลังขยายตัวใน ทำให้มีธุรกิจไทยที่เห็นช่องทางเข้าไปทำธุรกิจขายตรง โดยมีหุ้นส่วนจากฝ่ายลาวร่วมธุรกิจกัน แต่เป็นการร่วมธุรกิจกันอย่างไม่เป็นทางการ ไม่ได้มีการจดทะเบียนการค้าใน สปป. ลาว ให้ถูกต้อง

นายเฉลิมพล ซึ่งมีอีกตำแหน่งเป็นอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ ประจำสถานทูตไทยในนครเวียงจันทน์ได้ เตือนให้ภาคเอกชนของไทยระวัง การเข้าไปทำธุรกิจขายตรง หรือไดเร็คเซลในลาว ขอให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายของประเทศนี้ และหากไปพักค้างคืนที่บ้านของคนลาว จะต้องแจ้งต่อนายบ้าน (ผู้ใหญ่บ้าน) ก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกจับกุมคุมขังได้
<bR><FONT color=#cc00cc> ภาพถ่ายวันที่ 18 ก.ย.2552 แผ่นโฆษณาผ้าอนามัยยี่ห้อหนึ่งที่ตลาดสถานีขนส่งหลัก 8 เมืองปากเซ แขวงจำปาสัก ไม่ว่าจะอยูที่ไหนๆ หญิงสาวชาวลาวรักสวยรักงาม รักความทันสมัย ธุรกิจขายตรง (Direct Sale) จากไทยทะลักข้ามโขงเข้าไป เพียงแต่ยังไม่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างรคบถ้วน </FONT></bR>
เมื่อต้นปีนี้สำนักงานส่งเสริมการค้าไทยในเวียงจันทน์ได้ระบุในรายงานชิ้นหนึ่งว่า ธุรกิจเสริมความงามและคลินิก เป็นอีกแขนงการลงทุนหนึ่งที่น่าสนใจในลาว เนื่องจากาวลาวมีอุปนิสัยรักสวยรักงาม และจำนวนไม่น้อยต้องข้ามมาเข้าคลินิกเสริมความงาม ตามคลินิกในจังหวัดต่างๆ ที่มีชายแดนติดกับลาว

ผู้สื่อข่าว “ASTVผู้จัดการรายวัน” ได้พูดคุยกับชาวลาวที่เมืองปากเซในวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่า มีสตรีจากแขวงจำปาสัก นับสิบคนได้เข้าสู่เครือข่ายขายตรงจากประเทศไทย ทั้งหมดได้เดินทางเข้าสู่นครเวียงจันทน์ในวันเดียวกัน เพื่อนร่วมการฝึกอบรมที่จัดขึ้นโดยผู้จำหน่ายเครื่องสำอางที่มีชื่อเสียงยี่ห้อหนึ่ง

สตรีวัยกลางคนคนหนึ่งที่ไปร่วมการประชุมอบรมครั้งนี้เปิดเผยว่า เธอเองได้ลงทุนไปไม่น้อยในการเดินทางเข้าเมืองหลวงเป็นครั้งที่สาม เพื่อร่วมการอบรมที่จัดโดยบริษัทจำหน่ายเครื่องสำอางกับสินค้าอุปโภคบริโภคอีกรายหนึ่ง โดยมีแผนการที่จะเป็นตัวแทนของทั้งสองบริษัท จัดตั้งตั้งเครือข่ายขายตรงขึ้นในแขวงใหญ่ที่สุดทางภาคใต้ของประเทศ เพื่อให้เป็นธุรกิจของตัวเอง

สตรีรายเดียวกันนี้ ยังกล่าวอีกว่า การไปอบรมในเวียงจันทน์แต่ละครั้ง ทำให้มีเพื่อนเพิ่มขึ้นมากมาย เนื่องจากชาวลาวจากแขวงต่างๆ จำนวนมากไปที่นั่น โดยมีเป้าหมายเพื่อกลับไปจัดตั้งเครือข่ายขายตรงในแขวงบ้านเกิดเช่นเดียวกัน

ไม่สามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้อำนวยสำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ในนครเวียงจันทน์ได้เมื่อวันอาทิตย์ (11 ต.ค.) นี้
กำลังโหลดความคิดเห็น