ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.เศรษฐกิจสั่งคมนาคม-ทอท.ศึกษาแผนพัฒนาท่าอากาศสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองเพิ่มเติม ก่อนพิจารณาลงทุนขยายสุวรรณภูมิ แนะใช้ดอนเมืองช่วยรับปริมาณจราจร ยืดเวลาลงทุนสุวรรณภูมิ ตามภาวะเศรษฐกิจและปริมาณจราจรทางอากาศที่เป็นจริง
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.เศรษฐกิจ วานนี้ (14 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมศึกษาความเหมาะสมของทางเลือกในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมืองให้มีความชัดเจนก่อนที่จะพิจารณาโครงการลงทุนขยายขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยที่ประชุมเห็นว่า การพัฒนาท่าอากาศยานทั้งสองแห่ง ควรพิจารณาจากปริมาณการจราจรทางอากาศ และความสามารถในการลงทุนของประเทศ หากเปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อรองรับปริมาณจราจรทางอากาศส่วนหนึ่งก็จะช่วยยืดระยะเวลาการลงทุนในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิออกไปอีกระยะ
โดยกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างปรับแผนการลงทุนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้สอดคล้องกับปริมาณจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้น และภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และแนวทางใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองควบคู่ไปด้วยจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยทางการบิน
โดยแนวทางการพัฒนาท่าอากาศยานทั้งสองแห่งมี 2 ทางเลือก ได้แก่ เปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมือง รองรับผู้โดยสาร 10 ล้านคนต่อปี เพื่อชะลอการลงทุนที่สุวรรณภูมิ 2.เร่งลงทุนขยายสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 60 เป็น 65 ล้านคนต่อปีใน 5 ปีข้างหน้า ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองให้พัฒนาในเชิงพาณิชย์ด้านการบินอื่นๆ
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมเสนอที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจว่า มีหลายประเทศเช่น ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอังกฤษ มีท่าอากาศยานมากกว่า 1 แห่ง โดยจะมีการกำหนดท่าอากาศยานหลักและท่าอากาศยานรองในการขนส่งทางอากาศ และในกรณีที่จะใช้ท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่งให้บริการเต็มรูปแบบ จะมีจุดตัด 2 เส้นทางการบินประมาณ 24 จุด และหากกำหนดให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นสนามบินหลัก และดอนเมืองเป็นสนามบินรองจะทำให้มีจุดตัดลดลงเหลือ 3 จุด
ดังนั้น ท่าอากาศยานดอนเมืองควรเป็นท่าอากาศยานรอง เพื่อลดปัญหาความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกิดจากจุดตัดของเส้นทางการบิน และสามารถบินใช้เส้นทางตรงขึ้น-ลงสู่เส้นทางการบินได้ โดยไม่ต้องหลบเลี่ยงเส้นทางเข้าออกของสนามบินดอนเมือง ซึ่งนอกจากมีความปลอดภัยแล้วยังทำให้เครื่องบินใช้เชื้อเพลิงลดลงด้วย
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. กล่าวว่า จากการประเมินแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต ทอท.จึงวางแผนในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยการขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงแผนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนและการใช้งบประมาณ
ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองนั้นมีแผนพัฒนา 6 โครงการ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการบิน ประกอบด้วย 1.โครงการซ่อมบำรุง Landing Gear หรือฐานล้ออากาศยานลำตัวแคบ 2.โครงการบริการจัดการอะไหล่สำหรับซ่อมบำรุงอากาศยาน 3. โครงการซ่อมบำรุงและดูแลอากาศยานขนาดเล็ก 4. โครงการศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ 5. โครงการศูนย์ฝึกบินจำลอง 6. โครงการอาคารผู้โดยสารสำหรับอากาศยานส่วนบุคคลและอากาศยานเช่าเหมาลำขนาดเล็ก (Private Jet and Air Taxi Terminal)
“แผนต่างๆ ยังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมความพร้อมซึ่งทอท.ดำเนินการในฐานะผู้ปฎิบัติ ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไปจะต้องเสนอขออนุมัติจากรัฐบาลอีก”นายเสรีรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานทั้งสองแห่งนั้นยังมีหลายแนวทางซึ่งทอท.และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะต้องศึกษารายละเอียดข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบแต่ละแนวทางเสนอรัฐบาลอีกครั้ง
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมครม.เศรษฐกิจ วานนี้ (14 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมศึกษาความเหมาะสมของทางเลือกในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมืองให้มีความชัดเจนก่อนที่จะพิจารณาโครงการลงทุนขยายขีดความสามารถท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยที่ประชุมเห็นว่า การพัฒนาท่าอากาศยานทั้งสองแห่ง ควรพิจารณาจากปริมาณการจราจรทางอากาศ และความสามารถในการลงทุนของประเทศ หากเปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองเพื่อรองรับปริมาณจราจรทางอากาศส่วนหนึ่งก็จะช่วยยืดระยะเวลาการลงทุนในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิออกไปอีกระยะ
โดยกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างปรับแผนการลงทุนท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้สอดคล้องกับปริมาณจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้น และภาวะเศรษฐกิจของประเทศ และแนวทางใช้ท่าอากาศยานดอนเมืองควบคู่ไปด้วยจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยทางการบิน
โดยแนวทางการพัฒนาท่าอากาศยานทั้งสองแห่งมี 2 ทางเลือก ได้แก่ เปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมือง รองรับผู้โดยสาร 10 ล้านคนต่อปี เพื่อชะลอการลงทุนที่สุวรรณภูมิ 2.เร่งลงทุนขยายสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 60 เป็น 65 ล้านคนต่อปีใน 5 ปีข้างหน้า ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองให้พัฒนาในเชิงพาณิชย์ด้านการบินอื่นๆ
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมเสนอที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจว่า มีหลายประเทศเช่น ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และอังกฤษ มีท่าอากาศยานมากกว่า 1 แห่ง โดยจะมีการกำหนดท่าอากาศยานหลักและท่าอากาศยานรองในการขนส่งทางอากาศ และในกรณีที่จะใช้ท่าอากาศยานทั้ง 2 แห่งให้บริการเต็มรูปแบบ จะมีจุดตัด 2 เส้นทางการบินประมาณ 24 จุด และหากกำหนดให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นสนามบินหลัก และดอนเมืองเป็นสนามบินรองจะทำให้มีจุดตัดลดลงเหลือ 3 จุด
ดังนั้น ท่าอากาศยานดอนเมืองควรเป็นท่าอากาศยานรอง เพื่อลดปัญหาความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เกิดจากจุดตัดของเส้นทางการบิน และสามารถบินใช้เส้นทางตรงขึ้น-ลงสู่เส้นทางการบินได้ โดยไม่ต้องหลบเลี่ยงเส้นทางเข้าออกของสนามบินดอนเมือง ซึ่งนอกจากมีความปลอดภัยแล้วยังทำให้เครื่องบินใช้เชื้อเพลิงลดลงด้วย
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. กล่าวว่า จากการประเมินแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในอนาคต ทอท.จึงวางแผนในการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยการขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงแผนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนและการใช้งบประมาณ
ส่วนท่าอากาศยานดอนเมืองนั้นมีแผนพัฒนา 6 โครงการ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการบิน ประกอบด้วย 1.โครงการซ่อมบำรุง Landing Gear หรือฐานล้ออากาศยานลำตัวแคบ 2.โครงการบริการจัดการอะไหล่สำหรับซ่อมบำรุงอากาศยาน 3. โครงการซ่อมบำรุงและดูแลอากาศยานขนาดเล็ก 4. โครงการศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ 5. โครงการศูนย์ฝึกบินจำลอง 6. โครงการอาคารผู้โดยสารสำหรับอากาศยานส่วนบุคคลและอากาศยานเช่าเหมาลำขนาดเล็ก (Private Jet and Air Taxi Terminal)
“แผนต่างๆ ยังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมความพร้อมซึ่งทอท.ดำเนินการในฐานะผู้ปฎิบัติ ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไปจะต้องเสนอขออนุมัติจากรัฐบาลอีก”นายเสรีรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานทั้งสองแห่งนั้นยังมีหลายแนวทางซึ่งทอท.และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะต้องศึกษารายละเอียดข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบแต่ละแนวทางเสนอรัฐบาลอีกครั้ง
