ASTV ผู้จัดการรายวัน – ตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งตรวจสอบราคาหุ้น “INOX-UMS” หลังมีข่าวผู้ถือใหญ่เจรจาขายหุ้นให้พันธมิตรรายใหม่ “ภัทรียา” ยันตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมาตรการดูแลบจ. พร้อมกำชับให้ผู้บริหารเก็บข้อมูลเป็นความลับจนกว่าจะได้ข้อยุติ หวั่นนักลงทุนได้รับความเสียหาย ด้านรมว.คลัง เดินหน้าแปลงสภาพตลาดหุ้นไทย คาดเสนอให้ครม.พิจารณาภายในอีก 2 สัปดาห์
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีคำสั่งให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ชี้แจงข้อมูลจำนวนมากขึ้น หลังจากพบว่ามีกระแสข่าวเกี่ยวกันผู้ถือหุ้นใหญ่ของบจ. ต้องการเทขายหุ้นออกมาเป็นระยะๆ ทั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวถือเป็นข้อมูลที่สำคัญและมีผลกระทบต่อราคาหุ้นบนกระดานหลักทรัพย์
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำชับให้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่มีแผนการเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ หรือผู้บริหารบจ.ที่ต้องการขายหุ้นจะต้องเก็บเป็นความลับจนกว่าจะบรรลุข้อตกลงกันเรียบร้อย เนื่องจากการเจรจากับพันธมิตรดังกล่าวอาจจะไม่สำเร็จได้
สำหรับแนวทางการตรวจสอบนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปตรวจสอบกระแสข่าวว่ามีการเจรจาจริงหรือไม่ หากในกรณีที่บจ. ออกมาปฏิเสธ แต่ราคาหุ้นกลับมีการเคลื่อนไหวปรับตัวเพิ่มขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปตรวจสอบผู้ที่เข้ามาซื้อขายหุ้น และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีบทลงโทษ หากภายหลังพบว่าบจ.มีการเจรจาซื้อขายหุ้นให้กับพันธมิตรเกิดขึ้นจริง
ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปตรวจสอบราคาหุ้นย้อนหลัง เพื่อพิจารณาว่ามีการใช้ข้อมูลภายในเข้ามาซื้อขายหุ้น จนส่งผลให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวผิดปกติหรือไม่ รวมทั้งทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะตรวจสอบเพื่อสืบหาบุคคลที่ปล่อยข่าวลือออกมา เป็นต้น
ส่วนกรณีของบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) หรือ INOX และบริษัทบริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS ที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ระหว่างการเจรจาในการขายหุ้นให้กับพันธมิตรรายใหม่นั้น ผู้บริหารบริษัททั้ง 2 แห่งแจ้งว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขการซื้อขายหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปตรวจสอบการซื้อขายหุ้นทั้ง 2 บริษัท ว่ามีการซื้อขายผิดปกติและมีการใช้ข้อมูลการซื้อขายหรือไม่
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมาตรการที่จะมีการดำเนินการกับบจ.ที่ทำผิดอยู่แล้ว แต่หากมีข่าวลือที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางบริษัท ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ก็พยายามที่จะหาต้นตอ แต่กว่าจะจับได้ใช้เวลา ดังนั้นนักลงทุนจะต้องระมัดระวังในการลงทุน” นางภัทรียา กล่าว
เดินหน้าแปรรูปตลาดหุ้น อีก2สัปดาห์ชงเข้าครม.
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึง ความคืบหน้าการแปลงสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ว่า จากการประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น ยังคงมีนโยบายเดินหน้าแปลงสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) ก่อนที่จะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้พร้อมรับกับภาวะการแข่งขันและเศรษฐกิจโลกในอนาคต
ทั้งนี้ สำนักงานก.ล.ต. ได้เสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์ให้กระทรวงการคลังแล้วในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยในวันศุกร์นี้ (16 ต.ค.) คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยจะประชุมหารือในเรื่องดังกล่าว และคาดว่าจะเสนอแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ในอีก 2 สัปดาห์
สำหรับในเรื่องการจัดสรรเงินกองทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น ทางคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยมีความเห็นตรงกันที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการแปลงสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้น เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการจัดสรรเงินกองทุน การจัดสรรหุ้น และพนักงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากร่างแก้ไขพ.ร.บ.หลักทรัพย์ ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาแล้ว
“การแปรสภาพตลาดหุ้นไทย จุดประสงค์หลักคือการเพิ่มศักยภาพให้สามารถแข่งขันกับตลาดหุ้นทั่วโลก ดังนั้นการการจัดสรรเงินกองทุนจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องมีเงินทุนสำรองในการทำธุรกิจ แต่หลังจากคณะกรรมการแปลงสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ข้อสรุปแล้ว จะนำเสนอให้ ก.ล.ต. และกระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป”
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในปีนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีคำสั่งให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ชี้แจงข้อมูลจำนวนมากขึ้น หลังจากพบว่ามีกระแสข่าวเกี่ยวกันผู้ถือหุ้นใหญ่ของบจ. ต้องการเทขายหุ้นออกมาเป็นระยะๆ ทั้งนี้ เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน เนื่องจากข้อมูลดังกล่าวถือเป็นข้อมูลที่สำคัญและมีผลกระทบต่อราคาหุ้นบนกระดานหลักทรัพย์
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำชับให้ผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนที่มีแผนการเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ หรือผู้บริหารบจ.ที่ต้องการขายหุ้นจะต้องเก็บเป็นความลับจนกว่าจะบรรลุข้อตกลงกันเรียบร้อย เนื่องจากการเจรจากับพันธมิตรดังกล่าวอาจจะไม่สำเร็จได้
สำหรับแนวทางการตรวจสอบนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปตรวจสอบกระแสข่าวว่ามีการเจรจาจริงหรือไม่ หากในกรณีที่บจ. ออกมาปฏิเสธ แต่ราคาหุ้นกลับมีการเคลื่อนไหวปรับตัวเพิ่มขึ้น ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปตรวจสอบผู้ที่เข้ามาซื้อขายหุ้น และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมีบทลงโทษ หากภายหลังพบว่าบจ.มีการเจรจาซื้อขายหุ้นให้กับพันธมิตรเกิดขึ้นจริง
ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปตรวจสอบราคาหุ้นย้อนหลัง เพื่อพิจารณาว่ามีการใช้ข้อมูลภายในเข้ามาซื้อขายหุ้น จนส่งผลให้ราคาหุ้นเคลื่อนไหวผิดปกติหรือไม่ รวมทั้งทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะตรวจสอบเพื่อสืบหาบุคคลที่ปล่อยข่าวลือออกมา เป็นต้น
ส่วนกรณีของบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) หรือ INOX และบริษัทบริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) หรือ UMS ที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ระหว่างการเจรจาในการขายหุ้นให้กับพันธมิตรรายใหม่นั้น ผู้บริหารบริษัททั้ง 2 แห่งแจ้งว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ระหว่างการเจรจาเงื่อนไขการซื้อขายหุ้น ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเข้าไปตรวจสอบการซื้อขายหุ้นทั้ง 2 บริษัท ว่ามีการซื้อขายผิดปกติและมีการใช้ข้อมูลการซื้อขายหรือไม่
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมาตรการที่จะมีการดำเนินการกับบจ.ที่ทำผิดอยู่แล้ว แต่หากมีข่าวลือที่ไม่เกี่ยวข้องกับทางบริษัท ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ก็พยายามที่จะหาต้นตอ แต่กว่าจะจับได้ใช้เวลา ดังนั้นนักลงทุนจะต้องระมัดระวังในการลงทุน” นางภัทรียา กล่าว
เดินหน้าแปรรูปตลาดหุ้น อีก2สัปดาห์ชงเข้าครม.
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึง ความคืบหน้าการแปลงสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ว่า จากการประชุมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมานั้น ยังคงมีนโยบายเดินหน้าแปลงสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) ก่อนที่จะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเป็นการปรับโครงสร้างตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้พร้อมรับกับภาวะการแข่งขันและเศรษฐกิจโลกในอนาคต
ทั้งนี้ สำนักงานก.ล.ต. ได้เสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักทรัพย์ให้กระทรวงการคลังแล้วในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยในวันศุกร์นี้ (16 ต.ค.) คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยจะประชุมหารือในเรื่องดังกล่าว และคาดว่าจะเสนอแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ในอีก 2 สัปดาห์
สำหรับในเรื่องการจัดสรรเงินกองทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น ทางคณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยมีความเห็นตรงกันที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการแปลงสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้น เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการจัดสรรเงินกองทุน การจัดสรรหุ้น และพนักงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากร่างแก้ไขพ.ร.บ.หลักทรัพย์ ผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาแล้ว
“การแปรสภาพตลาดหุ้นไทย จุดประสงค์หลักคือการเพิ่มศักยภาพให้สามารถแข่งขันกับตลาดหุ้นทั่วโลก ดังนั้นการการจัดสรรเงินกองทุนจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องมีเงินทุนสำรองในการทำธุรกิจ แต่หลังจากคณะกรรมการแปลงสภาพตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ข้อสรุปแล้ว จะนำเสนอให้ ก.ล.ต. และกระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป”
