ไม่ว่า...นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะพูดเปิดใจกับบรรดา ส.ส.บางคนจากพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ในระหว่างงานเลี้ยงฉลองทอดกฐินหลวง ที่บ้านพักนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี หรือไม่ก็ตาม แต่เรื่องนี้มีนัยสำคัญทางการเมืองที่ส่อให้รู้ว่า มีคนบางคน หรือคนบางกลุ่มเจตนาไม่ดี แอบอ้าง อวดศักดาอภินิหาร และนำ “ความสนิท” มาใช้ในทางที่ผิด จนก่อให้เกิดความเสียหายสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเป็นวงกว้างแล้ว
แม้ว่าในเวลาต่อมาหลังข่าวปล่อยจากปากพล่อยๆ ของใครไม่รู้ จะถูกนายนิพนธ์ และนายสุเทพ ประสานเสียงปฏิเสธ พร้อมบ่งชี้ว่า คนปล่อยข่าวหวังผลให้เกิดแผน “ล่อเสือออกจากถ้ำ” ถึงกระนั้นเรื่องนี้จะปล่อยให้ลอยตามลมเหมือนเรื่องอื่นๆ ต่อไปไม่ได้เป็นอันเด็ดขาด ต้องสอบสวนให้รู้ความจริง
เพราะความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นกับนายนิพนธ์ นายสุเทพ นายเนวิน หรือนายอนุทิน ทว่าความเสียหายที่ไม่สามารถเรียกร้องคืนกลับมาได้นี้ส่งผลไปยัง “สถาบันหนึ่ง” ซึ่งผู้ใหญ่หลายๆ คนยืนยันชัดเจนว่า “ไม่เคยแทรกแซง”
อะไร คือ ความจริง? และอะไร คือ ความเท็จ? มีแต่นายนิพนธ์ นายสุเทพ นายเนวินและนายอนุทิน เท่านั้นที่รู้ว่า อะไรเป็นอะไร? สมควรหรือไม่?
เพราะจะว่ากันไปแล้ว ในบ้านพักของนายสุเทพ ผู้ได้ฉายาว่า “นายกฯ ตัวจริง” มีหรือที่คนอย่างเขาจะปล่อยให้ใครมาล้วงคองูเห่า จนถึงกับใช้แผนล่อนิพนธ์ พี่เมียสุดที่รักและเคารพยิ่งออกจากถ้ำพุนพิน ด้วยการปล่อยข่าวว่าเขาวู่วามถึงกับออกไปพูดจาเลอะเทอะเปรอะเปื้อนพาดพิงได้ถึงเพียงนี้... ไปอมโบสถ์วัดบ่อกรังมาพูดก่อนจึงจะเชื่อ!!!
มาตามจับเท็จกลุ่มคนกะล่อนปลิ้นปล้อนที่กำลังทำลายหลักการในบ้านเมืองของเราให้ย่อยยับจากคอลัมน์ “เปลว สีเงิน” แห่งไทยโพสต์ ก็จะเห็นเค้าลาง และได้ข้อสรุปจากบทสนทนาที่หาใครรับผิดชอบไม่ได้ระหว่างงานเลี้ยงก่อนกฐินหลวง
เปลว สีเงิน ชี้ทางสว่างไว้น่าสนใจในหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือ ความแตกต่างของการนำเสนอข่าวสารเชิงก๊อบปี้ที่แยกสื่อออกเป็นสองพวก
พวกหนึ่งคือ มติชน-ข่าวสด-เดลินิวส์ และอีกพวกคือ ไทยรัฐ ASTV ผู้จัดการ แนวหน้า และไทยโพสต์
พวกแรกเน้นการนำเสนอประเด็น นายนิพนธ์เปิดปากเปิดใจเป็นครั้งแรก หลังยื่นหนังสือลาอออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อันสืบเนื่องมาจากกรณี “สัญญาณพิเศษจากเยอรมัน” ที่ต้องการผลักดัน “พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย” เพื่อนรักอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่
สื่อมวลชนกลุ่มนี้รายงานว่าในค่ำคืนของงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านพักนายสุเทพนั้น นายนิพนธ์ได้ชี้แจงเหตุผลของการลาออกว่า “เป็นความผิดของตนเองที่สื่อสารไปยังนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ จนทำให้นายกรัฐมนตรีเข้าใจไปว่า เป็นใครก็ได้ แต่ขณะนี้ปัญหาทุกอย่างได้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีแล้ว โดยหลังจากนี้ให้จับตาดูว่า จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ปัญหาเรื่องการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ยุติลง”
แต่ในข่าวเดียวกันนี้สื่อมวลชนอีกพวก กลับยกน้ำหนักไปที่ความอีกตอนหนึ่งซึ่งสื่อพวกแรกนำเสนอแต่เพียงแผ่วเบา คือ ข่าวสุ้มเสียงตัดพ้อเชิงน้อยใจของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เจ้าของฉายา “นายกฯ ตัวจริง” ว่า “ตนและนายนิพนธ์เหมือนถูกนายกฯทอดทิ้ง ไม่สนใจ แถมไปฟังเสียงใครก็ไม่รู้”
ในสื่อกลุ่มหลังนี้ยังแถมต่อด้วยคำถามเชิงโยนหินถามทางของนายเนวิน ชิดชอบที่ไปร่วมงานในฐานะ “น้องคนโปรด” ว่า “ทำไมนายกฯ ปล่อยให้นายนิพนธ์หลุดมือไปได้อย่างไร”
เปลว สีเงิน สรุปว่า ใจความสองบทจากสื่อสองกลุ่มที่มาจากงานเดียวกันนี้ แต่จะต่างกันก็ไม่ใช่ จะเหมือนกันเสียทีเดียวนักก็ไม่เชิง!!! ทว่าเสาเอกของไทยโพสต์ปักหลักให้เข้าใจได้ว่า ปัญหาทั้งหมดมาจากดาวพุธเสีย ทำให้การสื่อสารไม่เข้าใจกัน จนเป็นปัญหานำไปสู่การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันจนภาวะผู้นำของนายกฯ อภิสิทธิ์ ขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี
งานนี้เป็นเรื่อง...ทำท่าว่า ดาวพุธจะฉุดดวงตกเป็นหมู่คณะกันเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อสำรวจตรวจสอบดูข่าวสารจากวงการอินเทอร์เน็ต ตามที่ป๋าเปลวให้ลายแทง ก็พบว่า “เหตุการณ์บางอย่าง” ของนายนิพนธ์ที่อ้างว่าจะทำให้ปัญหาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ยุติลง กลับทำให้สถานการณ์ความมั่นคงของสถาบันสำคัญสถาบันหนึ่ง ถูกท้าทายจากเครื่องมือสื่อสารในโลกยุคโลกาภิวัตน์อย่างอื้ออึง...และครั้งนี้ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนได้มากเท่าๆ กับความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่ก่อให้เกิด “สึนามิ”
แม้นายนิพนธ์จะพยายามแก้ตัวในอีก 3 วันถัดมาว่า “ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เหมือนเป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำ เพื่อให้ออกมาพูดกับสื่อมวลชน และยืนยันว่าในงานดังกล่าว ไม่ได้พูดอะไรเลย...ย้ำ...ไม่ได้พูดอะไรเลย”
ส่วนน้องเขยของเขานายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ออกมาปฏิเสธเช่นกันว่าไม่ได้พูดจาตัดพ้อต่อว่านายกฯ อภิสิทธิ์แต่อย่างใด
สิ้นเสียงนายหัวสุเทพคนฟังก็หัวเราะท้องคัดท้องแข็งแทบสิ้นใจ เพราะใครจะเชื่อ!!! มีหรือบทสนทนาร้อนแรงบนโต๊ะข้าวโต๊ะเหล้าในถ้ำเสือของสุเทพจะหลุดลอดออกมาได้ ถ้าเจ้าของบ้านไม่ปรารถนา ไม่จงใจ ของอย่างนี้ใครอื่นหมื่นแสนจะกล้าแค้นกันขนาดปั้นบทสนทนามาขยายเรื่องให้เคืองขุ่น
ตามข่าวไม่มีใครไปถามนายเนวิน ชิดชอบ ผู้ชอบเหน็บตัวเองว่า มีทุนทางสังคมน้อยมากจนเหมือน “หมูไม่เข้าตาเจ๊ก” ...ซึ่งน่าแปลกเข้าไปอีก เพราะได้ยินว่า เนวินคบสื่อยักษ์ใหญ่เต็มเมือง และผลิตสื่อของตัวเองครบวงจรเต็มมือ โดยมีฐานบัญชาการอยู่บนอาคารสูงติดถ้ำหรูในซอยรางน้ำ เพราะงานนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง คนกำลังสร้างภาพลักษณ์หนักอย่างเนวินต้องรีบแจ้นออกมาเคลียร์ตัวเองแล้ว
ครั้นเมื่อตรวจสอบไปรอบทิศรอบทาง ก็พบข้อพิรุธชวนสงสัยหลายประการว่า ถ้านายนิพนธ์ไม่ได้พูด ถ้านายสุเทพไม่ได้พูด แล้วทำไมสื่อมวลชนกล้าตีพิมพ์คำพูดจ๋อยๆ ทุกกระเบียดนิ้วของพวกเขาออกมาได้ละเอียดลออถึงเพียงนี้...เหลือเชื่อจริงๆ เพราะไม่ใช่แค่คำสองคำ แต่เป็นประโยคยาวๆ และมีเรื่องน่าหวาดเสียวเป็นประเด็นร้อนทิ้งท้ายให้กลายเป็น “ข่าวใหญ่” อยู่ในนั้นด้วย
น่าสงสัยถัดมาคือ ทั้งนายเนวิน กับนายอนุทิน คู่หูของเขากลับเงียบเชียบผิดปกติหลังกลับมาจากกฐินหลวงแห่งพุนพิน แถมบิดาของอนุทิน คือ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ซึ่งนั่งว่าราชการอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ยังยกมือยืนยันหนักแน่นว่าจะโหวตสวนนายกฯ อภิสิทธิ์ทุกเมื่อเชื่อวัน
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่...มองไปก็เห็นก้อนหินซั่วๆ จากมือคนสวะๆ ที่โยนมาจากตึกสูงแถวซอยรางน้ำนั่นเอง...งานนี้เข้าข่าย ข้อเสนอของปีศาจกับซองขาวจาก “กฐินหลวงแห่งพุนพิน” น่าจะเป็นบ่อเกิดของ “ข่าวปล่อย” ที่พล่อยจนได้เรื่องชนิดไม่ดูตาม้าตาเรือ
คนหิวทำชั่วได้เสมอ ไม่มีข้อยกเว้น ผิดแต่ว่าจะชั่วมากชั่วน้อย ก็ขึ้นอยู่กับว่า หิวอะไร และมากไหม?
เพราะทันทีที่ปรากฏข่าว “เหตุการณ์บางอย่าง” ของนายนิพนธ์ บรรดาเว็บไซต์ ประเภท “เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ” ก็ลุกขึ้นสวด “เหตุการณ์บางอย่าง” ยับเยินจนร้อนฉ่าไปทั่วทุกกระดาน และลามปามเกินเลยจนไม่น่าให้อภัย แถมยังมีวิทยุชุมชนคนรักแม้วผสมโรงโจมตี “เหตุการณ์บางอย่าง” และ “สัญญาณพิเศษจากเยอรมัน” อย่างไม่บันยะบันยัง
ผู้นำมาใช้จะรู้หรือไม่ว่า ได้สร้างกระแส เอา- ไม่เอา จนร้อนแรงลามปามไปทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ไม่ว่าจะรู้เท่าถึงการณ์หรือไม่ก็ตาม
ไม่ขู่แต่ขอเตือน...แก๊งปาหินแถวซอยรางน้ำ โปรดจงระวังเงาหัวตัวเองไว้ อีกไม่นาน ตั้งแต่เรื่องเก้าอี้ ผบ.ตร.รวมถึงเรื่องร้อนบางเรื่องในเมืองไทยกำลังจะได้รับคลี่คลายลงไปได้ด้วยดี ด้วย “สัญญาณพิเศษกว่า”
ไม่ได้ขู่แต่ขอเตือน
แม้ว่าในเวลาต่อมาหลังข่าวปล่อยจากปากพล่อยๆ ของใครไม่รู้ จะถูกนายนิพนธ์ และนายสุเทพ ประสานเสียงปฏิเสธ พร้อมบ่งชี้ว่า คนปล่อยข่าวหวังผลให้เกิดแผน “ล่อเสือออกจากถ้ำ” ถึงกระนั้นเรื่องนี้จะปล่อยให้ลอยตามลมเหมือนเรื่องอื่นๆ ต่อไปไม่ได้เป็นอันเด็ดขาด ต้องสอบสวนให้รู้ความจริง
เพราะความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นกับนายนิพนธ์ นายสุเทพ นายเนวิน หรือนายอนุทิน ทว่าความเสียหายที่ไม่สามารถเรียกร้องคืนกลับมาได้นี้ส่งผลไปยัง “สถาบันหนึ่ง” ซึ่งผู้ใหญ่หลายๆ คนยืนยันชัดเจนว่า “ไม่เคยแทรกแซง”
อะไร คือ ความจริง? และอะไร คือ ความเท็จ? มีแต่นายนิพนธ์ นายสุเทพ นายเนวินและนายอนุทิน เท่านั้นที่รู้ว่า อะไรเป็นอะไร? สมควรหรือไม่?
เพราะจะว่ากันไปแล้ว ในบ้านพักของนายสุเทพ ผู้ได้ฉายาว่า “นายกฯ ตัวจริง” มีหรือที่คนอย่างเขาจะปล่อยให้ใครมาล้วงคองูเห่า จนถึงกับใช้แผนล่อนิพนธ์ พี่เมียสุดที่รักและเคารพยิ่งออกจากถ้ำพุนพิน ด้วยการปล่อยข่าวว่าเขาวู่วามถึงกับออกไปพูดจาเลอะเทอะเปรอะเปื้อนพาดพิงได้ถึงเพียงนี้... ไปอมโบสถ์วัดบ่อกรังมาพูดก่อนจึงจะเชื่อ!!!
มาตามจับเท็จกลุ่มคนกะล่อนปลิ้นปล้อนที่กำลังทำลายหลักการในบ้านเมืองของเราให้ย่อยยับจากคอลัมน์ “เปลว สีเงิน” แห่งไทยโพสต์ ก็จะเห็นเค้าลาง และได้ข้อสรุปจากบทสนทนาที่หาใครรับผิดชอบไม่ได้ระหว่างงานเลี้ยงก่อนกฐินหลวง
เปลว สีเงิน ชี้ทางสว่างไว้น่าสนใจในหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือ ความแตกต่างของการนำเสนอข่าวสารเชิงก๊อบปี้ที่แยกสื่อออกเป็นสองพวก
พวกหนึ่งคือ มติชน-ข่าวสด-เดลินิวส์ และอีกพวกคือ ไทยรัฐ ASTV ผู้จัดการ แนวหน้า และไทยโพสต์
พวกแรกเน้นการนำเสนอประเด็น นายนิพนธ์เปิดปากเปิดใจเป็นครั้งแรก หลังยื่นหนังสือลาอออกจากตำแหน่งเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อันสืบเนื่องมาจากกรณี “สัญญาณพิเศษจากเยอรมัน” ที่ต้องการผลักดัน “พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย” เพื่อนรักอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่
สื่อมวลชนกลุ่มนี้รายงานว่าในค่ำคืนของงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านพักนายสุเทพนั้น นายนิพนธ์ได้ชี้แจงเหตุผลของการลาออกว่า “เป็นความผิดของตนเองที่สื่อสารไปยังนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ จนทำให้นายกรัฐมนตรีเข้าใจไปว่า เป็นใครก็ได้ แต่ขณะนี้ปัญหาทุกอย่างได้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีแล้ว โดยหลังจากนี้ให้จับตาดูว่า จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ปัญหาเรื่องการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ยุติลง”
แต่ในข่าวเดียวกันนี้สื่อมวลชนอีกพวก กลับยกน้ำหนักไปที่ความอีกตอนหนึ่งซึ่งสื่อพวกแรกนำเสนอแต่เพียงแผ่วเบา คือ ข่าวสุ้มเสียงตัดพ้อเชิงน้อยใจของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เจ้าของฉายา “นายกฯ ตัวจริง” ว่า “ตนและนายนิพนธ์เหมือนถูกนายกฯทอดทิ้ง ไม่สนใจ แถมไปฟังเสียงใครก็ไม่รู้”
ในสื่อกลุ่มหลังนี้ยังแถมต่อด้วยคำถามเชิงโยนหินถามทางของนายเนวิน ชิดชอบที่ไปร่วมงานในฐานะ “น้องคนโปรด” ว่า “ทำไมนายกฯ ปล่อยให้นายนิพนธ์หลุดมือไปได้อย่างไร”
เปลว สีเงิน สรุปว่า ใจความสองบทจากสื่อสองกลุ่มที่มาจากงานเดียวกันนี้ แต่จะต่างกันก็ไม่ใช่ จะเหมือนกันเสียทีเดียวนักก็ไม่เชิง!!! ทว่าเสาเอกของไทยโพสต์ปักหลักให้เข้าใจได้ว่า ปัญหาทั้งหมดมาจากดาวพุธเสีย ทำให้การสื่อสารไม่เข้าใจกัน จนเป็นปัญหานำไปสู่การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันจนภาวะผู้นำของนายกฯ อภิสิทธิ์ ขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี
งานนี้เป็นเรื่อง...ทำท่าว่า ดาวพุธจะฉุดดวงตกเป็นหมู่คณะกันเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อสำรวจตรวจสอบดูข่าวสารจากวงการอินเทอร์เน็ต ตามที่ป๋าเปลวให้ลายแทง ก็พบว่า “เหตุการณ์บางอย่าง” ของนายนิพนธ์ที่อ้างว่าจะทำให้ปัญหาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ยุติลง กลับทำให้สถานการณ์ความมั่นคงของสถาบันสำคัญสถาบันหนึ่ง ถูกท้าทายจากเครื่องมือสื่อสารในโลกยุคโลกาภิวัตน์อย่างอื้ออึง...และครั้งนี้ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนได้มากเท่าๆ กับความรุนแรงของแผ่นดินไหวที่ก่อให้เกิด “สึนามิ”
แม้นายนิพนธ์จะพยายามแก้ตัวในอีก 3 วันถัดมาว่า “ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง เหมือนเป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำ เพื่อให้ออกมาพูดกับสื่อมวลชน และยืนยันว่าในงานดังกล่าว ไม่ได้พูดอะไรเลย...ย้ำ...ไม่ได้พูดอะไรเลย”
ส่วนน้องเขยของเขานายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ออกมาปฏิเสธเช่นกันว่าไม่ได้พูดจาตัดพ้อต่อว่านายกฯ อภิสิทธิ์แต่อย่างใด
สิ้นเสียงนายหัวสุเทพคนฟังก็หัวเราะท้องคัดท้องแข็งแทบสิ้นใจ เพราะใครจะเชื่อ!!! มีหรือบทสนทนาร้อนแรงบนโต๊ะข้าวโต๊ะเหล้าในถ้ำเสือของสุเทพจะหลุดลอดออกมาได้ ถ้าเจ้าของบ้านไม่ปรารถนา ไม่จงใจ ของอย่างนี้ใครอื่นหมื่นแสนจะกล้าแค้นกันขนาดปั้นบทสนทนามาขยายเรื่องให้เคืองขุ่น
ตามข่าวไม่มีใครไปถามนายเนวิน ชิดชอบ ผู้ชอบเหน็บตัวเองว่า มีทุนทางสังคมน้อยมากจนเหมือน “หมูไม่เข้าตาเจ๊ก” ...ซึ่งน่าแปลกเข้าไปอีก เพราะได้ยินว่า เนวินคบสื่อยักษ์ใหญ่เต็มเมือง และผลิตสื่อของตัวเองครบวงจรเต็มมือ โดยมีฐานบัญชาการอยู่บนอาคารสูงติดถ้ำหรูในซอยรางน้ำ เพราะงานนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง คนกำลังสร้างภาพลักษณ์หนักอย่างเนวินต้องรีบแจ้นออกมาเคลียร์ตัวเองแล้ว
ครั้นเมื่อตรวจสอบไปรอบทิศรอบทาง ก็พบข้อพิรุธชวนสงสัยหลายประการว่า ถ้านายนิพนธ์ไม่ได้พูด ถ้านายสุเทพไม่ได้พูด แล้วทำไมสื่อมวลชนกล้าตีพิมพ์คำพูดจ๋อยๆ ทุกกระเบียดนิ้วของพวกเขาออกมาได้ละเอียดลออถึงเพียงนี้...เหลือเชื่อจริงๆ เพราะไม่ใช่แค่คำสองคำ แต่เป็นประโยคยาวๆ และมีเรื่องน่าหวาดเสียวเป็นประเด็นร้อนทิ้งท้ายให้กลายเป็น “ข่าวใหญ่” อยู่ในนั้นด้วย
น่าสงสัยถัดมาคือ ทั้งนายเนวิน กับนายอนุทิน คู่หูของเขากลับเงียบเชียบผิดปกติหลังกลับมาจากกฐินหลวงแห่งพุนพิน แถมบิดาของอนุทิน คือ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ซึ่งนั่งว่าราชการอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย ยังยกมือยืนยันหนักแน่นว่าจะโหวตสวนนายกฯ อภิสิทธิ์ทุกเมื่อเชื่อวัน
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่...มองไปก็เห็นก้อนหินซั่วๆ จากมือคนสวะๆ ที่โยนมาจากตึกสูงแถวซอยรางน้ำนั่นเอง...งานนี้เข้าข่าย ข้อเสนอของปีศาจกับซองขาวจาก “กฐินหลวงแห่งพุนพิน” น่าจะเป็นบ่อเกิดของ “ข่าวปล่อย” ที่พล่อยจนได้เรื่องชนิดไม่ดูตาม้าตาเรือ
คนหิวทำชั่วได้เสมอ ไม่มีข้อยกเว้น ผิดแต่ว่าจะชั่วมากชั่วน้อย ก็ขึ้นอยู่กับว่า หิวอะไร และมากไหม?
เพราะทันทีที่ปรากฏข่าว “เหตุการณ์บางอย่าง” ของนายนิพนธ์ บรรดาเว็บไซต์ ประเภท “เมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ” ก็ลุกขึ้นสวด “เหตุการณ์บางอย่าง” ยับเยินจนร้อนฉ่าไปทั่วทุกกระดาน และลามปามเกินเลยจนไม่น่าให้อภัย แถมยังมีวิทยุชุมชนคนรักแม้วผสมโรงโจมตี “เหตุการณ์บางอย่าง” และ “สัญญาณพิเศษจากเยอรมัน” อย่างไม่บันยะบันยัง
ผู้นำมาใช้จะรู้หรือไม่ว่า ได้สร้างกระแส เอา- ไม่เอา จนร้อนแรงลามปามไปทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ไม่ว่าจะรู้เท่าถึงการณ์หรือไม่ก็ตาม
ไม่ขู่แต่ขอเตือน...แก๊งปาหินแถวซอยรางน้ำ โปรดจงระวังเงาหัวตัวเองไว้ อีกไม่นาน ตั้งแต่เรื่องเก้าอี้ ผบ.ตร.รวมถึงเรื่องร้อนบางเรื่องในเมืองไทยกำลังจะได้รับคลี่คลายลงไปได้ด้วยดี ด้วย “สัญญาณพิเศษกว่า”
ไม่ได้ขู่แต่ขอเตือน