xs
xsm
sm
md
lg

ทำงานเป็น สู้ศึกก็ชนะ

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

มาถึงวันนี้ การ “ทำงานเป็น” ได้กลายเป็นสิ่งยึดมั่นสำคัญประการหนึ่งของพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ไปแล้ว นั่นหมายถึงว่า การใช้คนหรือวัดผลงานจะยึดเอาสิ่งนี้ (การทำงานเป็น) เป็นมาตรฐานหรือตัววัด ควบคู่ไปกับการมีจิตใจที่ “ซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ”

ทั้งหมดนั้นประกอบเข้าเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของชาวพันธมิตรฯ หรือสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ สามารถนำมาใช้เป็นมาตรฐานคัดเลือกเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานระดับต่างๆ และใช้เป็นตัวประเมินผลงานได้อีกด้วย

ทำให้พันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่มีระบบการบริหารบุคคลของตนเอง ที่พัฒนาขึ้นมาในท่ามกลางการเคลื่อนไหวต่อสู้ ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่า บนพื้นฐานของความมีจิตใจที่ “ซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ” การ “ทำงานเป็น” ของชาวพันธมิตรฯ ในด้านต่างๆ นั้น ในที่สุดก็นำมาซึ่งชัยชนะอย่างงดงามในแต่ละห้วงของการต่อสู้

อีกนัยหนึ่ง ชัยชนะของชาวพันธมิตรฯ ในการต่อสู้ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในตอนแรก และการโค่นล้มรัฐบาลหุ่นเชิดในระบอบทักษิณในตอนหลัง ก็เป็นการพิสูจน์ถึงการ “ทำงานเป็น” อยู่ในตัว

ด้วยเหตุนี้ แกนนำพันธมิตรฯ จึงได้สรุปเป็นหลักการว่า การ “ทำงานเป็น” เป็นองค์ประกอบสำคัญพื้นฐานประการหนึ่งของคุณสมบัติของชาวพันธมิตรฯ ต่อจากจิตใจที่ “ซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ” และถือว่ามันเป็นหลักประกันสำคัญของการสร้างการเมืองใหม่ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย

มันเป็นสิ่งที่ชาวพันธมิตรฯ และสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ทุกคนต้องใส่ใจ นำมาใช้เป็นหลักยึดในการพัฒนาความสามารถของตนเอง และนำไปใช้เป็นมาตรฐานวัดผลการทำงานของตนเองและคนอื่น ในการทำงานเพื่อสร้างการเมืองใหม่ เปลี่ยนแปลงประเทศไทย ที่ขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยแสดงบทบาทเป็น “เจ้าภาพ”

กระนั้น เนื้อหาสาระของการ “ทำงานเป็น” ในแต่ละห้วงของการต่อสู้ จะผันแปรไปตามสภาวะและคู่กรณีที่เราจะต้องต่อสู้เอาชนะเสมอ

ในระยะแรกของการต่อสู้ขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร การจุดเทียนปัญญา ด้วยการนำเสนอความจริง ทั้งที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุลกระทำผ่านรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ หรือที่ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทองกระทำผ่านรายการ “รู้ทันทักษิณ” ปลุกให้สังคมไทยได้รู้ความเลวร้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในการใช้อำนาจบริหารประเทศแสวงประโยชน์ส่วนตน ยังผลให้คนไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศ “หูตาสว่าง”

การจุดเทียนปัญญาผ่านสื่อครบวงจร เผยแพร่ความจริงอันน่ารังเกียจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สามารถทำให้คนไทย “หูตาสว่าง” คือข้อพิสูจน์ว่า คุณสนธิ ลิ้มทองกุลทำงานเป็น ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ทำงานเป็น

การทำให้คนไทย “หูตาสว่าง” เลิกหลงอยู่กับภาพลวงตาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรสร้างขึ้น ตื่นจากภวังค์ ก็คือชัยชนะ

ต่อมาเมื่อมีการก่อตั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำมวลชนที่หูตาสว่างแล้วเคลื่อนไหวชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนนำไปสู่การรัฐประหาร โค่นล้มรัฐบาลทักษิณ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรต้องลี้ภัยในต่างแดน ตัดตอนวงจรอำนาจในระบอบทักษิณลงไปได้เป็นเบื้องต้น ก็คือข้อพิสูจน์ถึงการทำงานเป็นของกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งในด้านการนำมวลชน การวางแผนยุทธศาสตร์ การดำเนินยุทธวิธีการต่อสู้ รวมไปถึงการสนับสนุนทางด้านอาหารการกิน และการรักษาพยาบาล ด้วยทีมงานที่มากประสบการณ์ ทำให้กระบวนการต่อสู้ดำเนินไปได้อย่างเข้มแข็ง มีระเบียบวินัย พรักพร้อมด้วยเสบียงอาหาร และหลักประกันทางด้านการรักษาพยาบาล สร้างความเชื่อมั่นให้แก่มวลชนที่เข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหวต่อสู้เป็นอย่างมาก

การแสดงออกถึงความกล้าหาญของแกนนำ ความเสียสละของมวลชน ความขยันขันแข็ง มีน้ำอดน้ำทนของคนทำงานในส่วนงานต่างๆ ทำให้งานทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างเรียบร้อยตั้งแต่ต้นจนจบในระหว่างการชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรติดต่อกัน 33 วัน จนถึงการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยรวมก็พิสูจน์ให้เห็นถึงการ “ทำงานเป็น”ในห้วงนั้น

การหลุดจากอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็คือชัยชนะ แม้ว่าผู้ที่ทำให้เขาต้องหลุดจากอำนาจในตอนสุดท้ายคือคณะรัฐประหาร แต่การเคลื่อนไหวชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็คือเหตุปัจจัยเบื้องต้น หากไม่มีการเคลื่อนไหวชุมนุมขับไล่ ทหารก็ขาดความชอบธรรม หรือขาดข้ออ้างทำการรัฐประหาร

ฉันใดฉันนั้น ในการต่อสู้อย่างยืดเยื้อ 193 วัน (25 พ.ค.-2 ธ.ค.2551) ขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ประสบชัยชนะอย่างงดงามในการโค่นล้มรัฐบาลหุ่นเชิดในระบอบทักษิณ เป็นขั้นตอนสำคัญอันดับต้นๆ ของการล้างการเมืองเก่า เพื่อก้าวไปสู่การสร้างการเมืองใหม่ แม้ว่าการหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช และการล่มสลายของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะมาจากการพิพากษาของศาล แต่ก็พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ผลที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น ล้วนมีเหตุมาจากการเคลื่อนไหวต่อสู้ของขบวนการการเมืองภาคประชนชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในการที่จะล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่

มันเป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวต่อสู้ ดำเนินยุทธศาสตร์ยุทธวิธีที่ถูกต้อง ด้วยจิตใจที่เสียสละ ซื่อสัตย์ และกล้าหาญของมวลชนชาวพันธมิตรฯ ยืนหยัดไม่ถอยแม้จะถูกทำร้ายรายวัน รวมทั้งการเข่นฆ่าที่ตำรวจกระทำต่อชาวพันธมิตรฯ ในวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ทำให้มวลมหาชนชาวไทยทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งชาวโลกโดยรวม “หูตาสว่าง” รู้แจ้งเห็นจริงยิ่งขึ้นถึงความเลวร้ายของการเมืองเก่า เห็นพ้องกับชาวพันธมิตรฯ สนับสนุนและเข้าร่วมกับชาวพันธมิตรฯ ในการต่อสู้ล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่

เมื่อแนวคิดการสร้างการเมืองใหม่เป็นที่ยอมรับของมวลมหาชนชาวไทย ก็คือชัยชนะ

ด้วยเหตุนี้ เราจึงพูดได้ว่า ชาวพันธมิตรฯ ทำงานเป็น จึงได้รับชัยชนะมาโดยตลอด ไม่ว่าชัยชนะในแต่ละครั้งจะลงเอยในรูปใด

ฉันใดฉันนั้น ชัยชนะทุกครั้งที่ได้มานั้น ก็ยืนยันได้ว่า เป็นเพราะ “เรา” ทำงานเป็น

สิ่งที่ชาวพันธมิตรฯ และสมาชิกพรรคการเมืองใหม่จะต้องยึดจึงอยู่ที่ ไม่ว่าจะอยู่ ณ ตรงไหน ทำงานอะไร ก็ต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ ปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์ที่กำหนด และดำเนินยุทธวิธีอย่างพลิกแพลง

การทำงานด้วยจิตใจเช่นนี้ ด้วยความรู้ความเข้าใจในอุดมการณ์การเมืองใหม่ ที่เรากำลังร่วมกันสร้างขึ้นมาด้วยมือของเราเอง ในที่สุด ชาวพันธมิตรฯ และสมาชิกพรรคการเมืองใหม่ส่วนใหญ่จะสามารถ “ทำงานเป็น” สามารถสร้างสมชัยชนะได้ในทุกขั้นตอนของการเคลื่อนไหวต่อสู้ ในทุกด้านทุกเวที

แม้กระทั่งบนเวทีหรือในสนามเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ก็เชื่อมั่นว่า เมื่อเราทำงานเป็น ย่อมจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างแน่นอน

บทสรุปที่มีความเป็น “สัจธรรม” ในตัวของชาวพันธมิตรฯ ณ วันนี้ (ซึ่งจะกลายเป็นอาวุธทางความคิดทรงอานุภาพในวันข้างหน้า) ก็คือ “เมื่อทำงานเป็น การทำศึกก็ย่อมชนะ”
กำลังโหลดความคิดเห็น