ขอต้อนรับคุณ สนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ พรรคการเมืองใหม่มาจากรากฐานของพรรคโดยธรรมชาติ คือ พรรคพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อันเป็นมวลชนที่ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง ความแตกต่างระหว่างพรรคการเมืองใหม่กับพรรคที่มีอยู่ในตอนนี้ ประมวลมาจากข้อสรุปของ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์ คุณเติมศักดิ์ จาก ASTV เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2552 สรุปความในเชิงการเมืองและรัฐศาสตร์ ได้ว่า
1. สัจธรรม ปรัชญา ทางการเมืองของพรรค คือ ถือธรรมเป็นใหญ่ ถือธรรมเป็นธงชัย ธรรมนำแผ่นดินขจัดสิ้นเหตุวิกฤตชาติ คุณสนธิ พูดว่า “...การทำงานเพื่อแผ่นดินเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากที่สุดคือการยึดถือสัจจะ...” “...ผมได้รับพรจากพ่อแม่ครูอาจารย์มาตั้งแต่ผมเริ่มสู้คุณทักษิณ เมื่อปี 2548 ท่านบอกว่า สนธิให้เอาธรรมนำหน้า ผมก็เอาธรรมนำหน้ามาตลอด ผมก็ไม่คิดว่าอะไรมันจะยิ่งใหญ่กว่าธรรม...”
2. อุดมการณ์พรรคการเมืองใหม่ พรรคยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างมั่นคง คุณสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า “จุดแข็งของเราคือ เรายึดถือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และราชบัลลังก์เป็นที่ตั้ง หรืออีกนัยหนึ่ง เรายึดถือส่วนรวม คือประเทศไทยทั้งประเทศ พูดง่ายๆ เราทำงานเพื่อแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้เราจึงต่างจากทุกๆ คน เราต่างหมดเลยนะ เพราะฉะนั้นแล้วในพรรคการเมืองใหม่ไม่จำเป็นต้องมีที่ปรึกษาเป็นฝ่ายซ้ายที่เคยอยู่ในป่า ...เรามีเพียงคำพูดคำเดียวว่า อะไรก็ตามถ้าเป็นประโยชน์ต่อชาตินั้นใช่ อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องของการทำแล้วทำให้ชาติแข็งแรง ศาสนาเจริญรุ่งเรือง และสถาบันกษัตริย์มีความมั่นคง นั่นแหละใช่เลย”
“เราไม่ได้มีลัทธิทางการเมืองมาต่อสู้กับใคร เราไม่ได้ยึดหลักเหมาอิสต์ (Maoism) ยึดหลักมาร์กซิสต์ (Marxism) เราไม่ได้ยึดลัทธิทางตะวันตก เราไม่ได้ยึดหลักทฤษฎีฝ่ายซ้ายจัด ที่เคยอยู่ในป่าออกมาแล้วบอกว่า ไม่ได้นะเราต้องชิงมวลชนแบบนี้ เราไม่มี เรามีอยู่อย่างเดียวคือ จิตอันบริสุทธิ์ที่จะทำให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่ได้ มีจิตอันบริสุทธิ์ที่จะเสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ แล้วเข้าไปทำงานให้ชาติบ้านเมือง...”
3. หลักนโยบาย (Program) และ นโยบาย (Policy) ปกติจะต้องมีข้อสรุปประมวลภาพรวมทั้งหมดทุกส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดว่า อะไร คือเหตุวิกฤตชาติที่แท้จริงของชาติ บุคคล หรือว่าเรายังไม่มีหลักการปกครอง หรือระบอบโดยธรรม พรรคจะต้องมีจุดมุ่งหมาย โดยมี ภารกิจอันยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ของพรรค คือการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ โดยผลักดันสถาปนาการปกครองโดยธรรม โดยมีหลักการปกครองโดยธรรม หรือเรียกโดยย่อ ระบอบฯ ก่อนการร่างหรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เหตุวิกฤตชาติที่แท้จริง ก็คือเรายังไม่มีตัวหลักการปกครอง (Principle of Government) หรือตัวระบอบ (Regime) เรามีเพียงวิธีการปกครอง (Methods of Government) ได้แก่หมวด และมาตราต่างๆ ในรัฐธรรมนูญ และรูปแบบการปกครองคือ ระบบรัฐสภา (Parliamentary System) ได้แก่ องค์กรแห่งการใช้อำนาจอธิปไตย 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ มีวุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร แล้วก็มีการเลือกตั้ง นี่เป็นเพียงรูปแบบของการปกครอง อย่าไปหลงงมงายว่านี่คือ ระบอบประชาธิปไตย รูปแบบดังกล่าวนี้ เป็นของกลางๆ นำไปใช้กับระบอบอะไรก็ได้ เช่น ระบอบเผด็จการหรือระบอบประชาธิปไตย ฯลฯ
ส่วนหลักการปกครอง หรือตัวระบอบที่แท้จริงยังไม่เคยมีในช่วงเวลา 77 ปี เราโดนนักการเมืองด้อยปัญญาและนักวิชาการสายตะวันตกหลอกเรามาตลอด ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้เราอ่อนแอ แล้วก็ช่วงชิงประโยชน์ได้ง่าย ผู้ปกครองไทยก็งมงายหลงเชื่อตาม ตำรารัฐศาสตร์เมืองไทยที่เรียนอยู่ในมหาลัยปัจจุบัน เห็นทีต้องชำระกันยกใหญ่ เพราะมันสอนกันผิดๆ สอนให้ทำลายประเทศชาติของตนเอง สอนให้ขัดแย้งทำลายกันเอง แทนที่จะขัดแย้งเรื่องหลักการปกครอง เป็นการขัดแย้งที่นำไปสู่ความถูกต้องและสร้างสรรค์ แต่นักการเมืองไทยกลับมาขัดแย้งกันเรื่องรัฐธรรมนูญ ฝ่ายหนึ่งยึดรัฐธรรมนูญ ปี 40 เป็นรัฐธรรมนูญ แบบกึ่งประธานาธิบดี อีกฝ่ายหนึ่งก็ยึดรัฐธรรมนูญ ปี 50 มีเนื้อหาเชิดชูพระมหากษัตริย์ แต่ก็ทำลายสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์โดยไม่รู้ตัว ทั้งเพราะความบกพร่องของรัฐธรรมนูญ ที่ยังขาดหลักการปกครองเป็นศูนย์กลางนั่นเอง
คุณสนธิ กล่าวว่า “สำหรับผมไม่ใช่เรื่องยาก จะไปยากได้ยังไง เพราะผมตั้งเป้าไว้แล้วว่าวันนี้คือการสร้างบ้าน เราได้ลงเสาหลักเอาไว้แล้ว 4 เสา เสาแรกคือ เสียสละ เพราะฉะนั้นแล้วจิตวิญญาณตรงนี้ ดีเอ็นเอตรงนี้ของการเสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ ทำงานเป็น มันเลยถูกผ่องถ่ายมาสู่การเมืองใหม่ และก็เป็นเสาหลัก 4 เสา เสาหลัก 4 เสา ที่จะให้การเมืองใหม่ได้มีโอกาสได้บริหารประเทศ...”
พรรคการเมืองใหม่ เพียงพรรคเดียวที่มีองค์การมวลชนพรรค คือมวลชนทั้งหมดอันกว้างใหญ่ไพศาลโดยมีปัญญาชนในทุกสาขาอาชีพเป็นรากฐาน จึงเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีลักษณะเป็นพรรคการเมืองของชาติที่แท้จริง ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้นยังไม่มีมวลชน มวลชนเสื้อแดงเป็นมวลชนรับจ้างที่ทำแนวร่วม (United front) กับคุณทักษิณ โดยเอาเงินทักษิณมาทำการเมืองแนวทางรุนแรงตามอุดมการณ์ของฝ่ายลัทธิซ้ายแดง เพื่อทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จึงเข้าไปเพื่อควบคุมไม่ให้คุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทยตกเป็นฐานในการทำแนวร่วมของพวกซ้ายแดง และหยุดยั้งการเจริญเติบโตของพวกลัทธิซ้ายแดง และกลับมาทำพรรคมวลชน เช่นเดียวกับพรรคการเมืองใหม่ แต่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จะมีทีมงานที่รู้เรื่อง เข้าใจและทำได้สำเร็จหรือไม่ เป็นรถเมล์เที่ยวสุดท้ายแล้ว ขอเอาใจช่วย
4. องค์กรสาขาพรรคการเมืองใหม่ เกิดขึ้นโดยสมัครใจมีทั่วไปหมดเต็มทั้งประเทศ และได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคตามกฎหมาย
5. องค์กรสมัชชาพรรค คือ ตัวแทนของมวลชนพันธมิตรฯ จากอำเภอต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 9,999 คน ทั่วประเทศ เร่งให้การศึกษาและทำให้สำเร็จ เพื่อความแข็งแกร่งของพรรคการเมืองใหม่
6. องค์กรคณะกรรมการกลางพรรค เป็นผู้แทนจังหวัดอย่างน้อย 300 -500 คน
7. คณะกรรมการบริหารพรรค เป็นองค์การนำพรรคสูงสุด อันเป็นไปตามกฎหมาย และเป็นไปตามความเหมาะสม
คุณสนธิ กล่าวว่า “ผมคิดว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลัก สถาบันพระมหากษัตริย์ สำหรับผม สำหรับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีความจำเป็นต้องมีอยู่ แน่นอนที่สุด นั่นคือจุดยืนที่เราสู้มาตลอด... ...การเมืองใหม่ คือการทำให้การเมืองมั่นคง มีจริยธรรม มีคุณธรรม เพื่อที่สถาบันพระมหากษัตริย์จะได้หันกลับมาพึ่งทางการเมืองได้ ... ถ้าชาติบ้านเมืองมันพังทลายเพราะคอร์รัปชันสถาบันกษัตริย์จะอยู่ได้อย่างไร”
“...พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้สร้างภราดรภาพ ขึ้นมา ภราดรภาพของคนมี คนไม่มี ให้เข้ามาร่วมกันด้วยจิตที่ซื่อสัตย์เท่าเทียมกันหมด (ความเสมอภาคทางโอกาส) ก็คือซื่อสัตย์ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นแล้ว คนชนชั้นล่างกลับเป็นคนที่ผมคิดว่าจะได้ประโยชน์จากพรรคการเมืองใหม่ มากกว่าชนชั้นกลาง ชนชั้นสูงด้วยซ้ำ
“...รักษาผลประโยชน์ของชาติ ดูแลแบ่งผลประโยชน์ทุกอย่างลงไปสู่ประชาชน พรรคการเมืองใหม่ จะต้องบอกทุกคนว่า ทุกคนจะต้องอยู่ร่วมกันอย่างมี ความสมดุล (ดุลยภาพ) ...”
8. แนวคิดสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่กับหลักการปกครอง หรือระบอบการปกครองโดยธรรม เป็นธรรมาธิปไตย เป็นหนึ่งเดียวกับอุดมการณ์แห่งชาติ ดังนี้
1. หลักธรรมาธิปไตย ถือธรรมเป็นธงชัย คือ ศาสนา
2. หลักพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ คือ พระมหากษัตริย์
3. หลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
4. หลักเสรีภาพบริบูรณ์
5. หลักความเสมอภาคทางโอกาส
6. หลักภราดรภาพ คือ ชาติ
7. หลักดุลยภาพ
8. หลักเอกภาพ
9. หลักนิติธรรม
ภารกิจพรรคการเมืองใหม่ เข้าใจอย่างถูกต้องว่า จะต้องมีภารกิจหลัก เป็นนโยบายแห่งชาติที่จะต้องเปลี่ยนการเมืองเก่าที่ไม่มีหลักการปกครองหรือระบอบโดยธรรมไปสู่การเมืองใหม่ ให้มีหลักการปกครองโดยธรรม พรรคจะได้รับการไว้วางใจจากประชาชนตลอดไป ขอให้เดินหน้าให้การศึกษามวลสมาชิก และต่อสู้สู่ภารกิจอันยิ่งใหญ่ของชาติ รอวันพิสูจน์ต่อไป
1. สัจธรรม ปรัชญา ทางการเมืองของพรรค คือ ถือธรรมเป็นใหญ่ ถือธรรมเป็นธงชัย ธรรมนำแผ่นดินขจัดสิ้นเหตุวิกฤตชาติ คุณสนธิ พูดว่า “...การทำงานเพื่อแผ่นดินเป็นเรื่องที่ถูกต้องมากที่สุดคือการยึดถือสัจจะ...” “...ผมได้รับพรจากพ่อแม่ครูอาจารย์มาตั้งแต่ผมเริ่มสู้คุณทักษิณ เมื่อปี 2548 ท่านบอกว่า สนธิให้เอาธรรมนำหน้า ผมก็เอาธรรมนำหน้ามาตลอด ผมก็ไม่คิดว่าอะไรมันจะยิ่งใหญ่กว่าธรรม...”
2. อุดมการณ์พรรคการเมืองใหม่ พรรคยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างมั่นคง คุณสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่า “จุดแข็งของเราคือ เรายึดถือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และราชบัลลังก์เป็นที่ตั้ง หรืออีกนัยหนึ่ง เรายึดถือส่วนรวม คือประเทศไทยทั้งประเทศ พูดง่ายๆ เราทำงานเพื่อแผ่นดิน ด้วยเหตุนี้เราจึงต่างจากทุกๆ คน เราต่างหมดเลยนะ เพราะฉะนั้นแล้วในพรรคการเมืองใหม่ไม่จำเป็นต้องมีที่ปรึกษาเป็นฝ่ายซ้ายที่เคยอยู่ในป่า ...เรามีเพียงคำพูดคำเดียวว่า อะไรก็ตามถ้าเป็นประโยชน์ต่อชาตินั้นใช่ อะไรก็ตามที่เป็นเรื่องของการทำแล้วทำให้ชาติแข็งแรง ศาสนาเจริญรุ่งเรือง และสถาบันกษัตริย์มีความมั่นคง นั่นแหละใช่เลย”
“เราไม่ได้มีลัทธิทางการเมืองมาต่อสู้กับใคร เราไม่ได้ยึดหลักเหมาอิสต์ (Maoism) ยึดหลักมาร์กซิสต์ (Marxism) เราไม่ได้ยึดลัทธิทางตะวันตก เราไม่ได้ยึดหลักทฤษฎีฝ่ายซ้ายจัด ที่เคยอยู่ในป่าออกมาแล้วบอกว่า ไม่ได้นะเราต้องชิงมวลชนแบบนี้ เราไม่มี เรามีอยู่อย่างเดียวคือ จิตอันบริสุทธิ์ที่จะทำให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อยู่ได้ มีจิตอันบริสุทธิ์ที่จะเสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ แล้วเข้าไปทำงานให้ชาติบ้านเมือง...”
3. หลักนโยบาย (Program) และ นโยบาย (Policy) ปกติจะต้องมีข้อสรุปประมวลภาพรวมทั้งหมดทุกส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดว่า อะไร คือเหตุวิกฤตชาติที่แท้จริงของชาติ บุคคล หรือว่าเรายังไม่มีหลักการปกครอง หรือระบอบโดยธรรม พรรคจะต้องมีจุดมุ่งหมาย โดยมี ภารกิจอันยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ของพรรค คือการแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ โดยผลักดันสถาปนาการปกครองโดยธรรม โดยมีหลักการปกครองโดยธรรม หรือเรียกโดยย่อ ระบอบฯ ก่อนการร่างหรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เหตุวิกฤตชาติที่แท้จริง ก็คือเรายังไม่มีตัวหลักการปกครอง (Principle of Government) หรือตัวระบอบ (Regime) เรามีเพียงวิธีการปกครอง (Methods of Government) ได้แก่หมวด และมาตราต่างๆ ในรัฐธรรมนูญ และรูปแบบการปกครองคือ ระบบรัฐสภา (Parliamentary System) ได้แก่ องค์กรแห่งการใช้อำนาจอธิปไตย 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายตุลาการ มีวุฒิสภา สภาผู้แทนราษฎร แล้วก็มีการเลือกตั้ง นี่เป็นเพียงรูปแบบของการปกครอง อย่าไปหลงงมงายว่านี่คือ ระบอบประชาธิปไตย รูปแบบดังกล่าวนี้ เป็นของกลางๆ นำไปใช้กับระบอบอะไรก็ได้ เช่น ระบอบเผด็จการหรือระบอบประชาธิปไตย ฯลฯ
ส่วนหลักการปกครอง หรือตัวระบอบที่แท้จริงยังไม่เคยมีในช่วงเวลา 77 ปี เราโดนนักการเมืองด้อยปัญญาและนักวิชาการสายตะวันตกหลอกเรามาตลอด ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้เราอ่อนแอ แล้วก็ช่วงชิงประโยชน์ได้ง่าย ผู้ปกครองไทยก็งมงายหลงเชื่อตาม ตำรารัฐศาสตร์เมืองไทยที่เรียนอยู่ในมหาลัยปัจจุบัน เห็นทีต้องชำระกันยกใหญ่ เพราะมันสอนกันผิดๆ สอนให้ทำลายประเทศชาติของตนเอง สอนให้ขัดแย้งทำลายกันเอง แทนที่จะขัดแย้งเรื่องหลักการปกครอง เป็นการขัดแย้งที่นำไปสู่ความถูกต้องและสร้างสรรค์ แต่นักการเมืองไทยกลับมาขัดแย้งกันเรื่องรัฐธรรมนูญ ฝ่ายหนึ่งยึดรัฐธรรมนูญ ปี 40 เป็นรัฐธรรมนูญ แบบกึ่งประธานาธิบดี อีกฝ่ายหนึ่งก็ยึดรัฐธรรมนูญ ปี 50 มีเนื้อหาเชิดชูพระมหากษัตริย์ แต่ก็ทำลายสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์โดยไม่รู้ตัว ทั้งเพราะความบกพร่องของรัฐธรรมนูญ ที่ยังขาดหลักการปกครองเป็นศูนย์กลางนั่นเอง
คุณสนธิ กล่าวว่า “สำหรับผมไม่ใช่เรื่องยาก จะไปยากได้ยังไง เพราะผมตั้งเป้าไว้แล้วว่าวันนี้คือการสร้างบ้าน เราได้ลงเสาหลักเอาไว้แล้ว 4 เสา เสาแรกคือ เสียสละ เพราะฉะนั้นแล้วจิตวิญญาณตรงนี้ ดีเอ็นเอตรงนี้ของการเสียสละ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ ทำงานเป็น มันเลยถูกผ่องถ่ายมาสู่การเมืองใหม่ และก็เป็นเสาหลัก 4 เสา เสาหลัก 4 เสา ที่จะให้การเมืองใหม่ได้มีโอกาสได้บริหารประเทศ...”
พรรคการเมืองใหม่ เพียงพรรคเดียวที่มีองค์การมวลชนพรรค คือมวลชนทั้งหมดอันกว้างใหญ่ไพศาลโดยมีปัญญาชนในทุกสาขาอาชีพเป็นรากฐาน จึงเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีลักษณะเป็นพรรคการเมืองของชาติที่แท้จริง ส่วนพรรคเพื่อไทยนั้นยังไม่มีมวลชน มวลชนเสื้อแดงเป็นมวลชนรับจ้างที่ทำแนวร่วม (United front) กับคุณทักษิณ โดยเอาเงินทักษิณมาทำการเมืองแนวทางรุนแรงตามอุดมการณ์ของฝ่ายลัทธิซ้ายแดง เพื่อทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จึงเข้าไปเพื่อควบคุมไม่ให้คุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทยตกเป็นฐานในการทำแนวร่วมของพวกซ้ายแดง และหยุดยั้งการเจริญเติบโตของพวกลัทธิซ้ายแดง และกลับมาทำพรรคมวลชน เช่นเดียวกับพรรคการเมืองใหม่ แต่ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ จะมีทีมงานที่รู้เรื่อง เข้าใจและทำได้สำเร็จหรือไม่ เป็นรถเมล์เที่ยวสุดท้ายแล้ว ขอเอาใจช่วย
4. องค์กรสาขาพรรคการเมืองใหม่ เกิดขึ้นโดยสมัครใจมีทั่วไปหมดเต็มทั้งประเทศ และได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคตามกฎหมาย
5. องค์กรสมัชชาพรรค คือ ตัวแทนของมวลชนพันธมิตรฯ จากอำเภอต่างๆ ไม่ต่ำกว่า 9,999 คน ทั่วประเทศ เร่งให้การศึกษาและทำให้สำเร็จ เพื่อความแข็งแกร่งของพรรคการเมืองใหม่
6. องค์กรคณะกรรมการกลางพรรค เป็นผู้แทนจังหวัดอย่างน้อย 300 -500 คน
7. คณะกรรมการบริหารพรรค เป็นองค์การนำพรรคสูงสุด อันเป็นไปตามกฎหมาย และเป็นไปตามความเหมาะสม
คุณสนธิ กล่าวว่า “ผมคิดว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลัก สถาบันพระมหากษัตริย์ สำหรับผม สำหรับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีความจำเป็นต้องมีอยู่ แน่นอนที่สุด นั่นคือจุดยืนที่เราสู้มาตลอด... ...การเมืองใหม่ คือการทำให้การเมืองมั่นคง มีจริยธรรม มีคุณธรรม เพื่อที่สถาบันพระมหากษัตริย์จะได้หันกลับมาพึ่งทางการเมืองได้ ... ถ้าชาติบ้านเมืองมันพังทลายเพราะคอร์รัปชันสถาบันกษัตริย์จะอยู่ได้อย่างไร”
“...พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้สร้างภราดรภาพ ขึ้นมา ภราดรภาพของคนมี คนไม่มี ให้เข้ามาร่วมกันด้วยจิตที่ซื่อสัตย์เท่าเทียมกันหมด (ความเสมอภาคทางโอกาส) ก็คือซื่อสัตย์ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะฉะนั้นแล้ว คนชนชั้นล่างกลับเป็นคนที่ผมคิดว่าจะได้ประโยชน์จากพรรคการเมืองใหม่ มากกว่าชนชั้นกลาง ชนชั้นสูงด้วยซ้ำ
“...รักษาผลประโยชน์ของชาติ ดูแลแบ่งผลประโยชน์ทุกอย่างลงไปสู่ประชาชน พรรคการเมืองใหม่ จะต้องบอกทุกคนว่า ทุกคนจะต้องอยู่ร่วมกันอย่างมี ความสมดุล (ดุลยภาพ) ...”
8. แนวคิดสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่กับหลักการปกครอง หรือระบอบการปกครองโดยธรรม เป็นธรรมาธิปไตย เป็นหนึ่งเดียวกับอุดมการณ์แห่งชาติ ดังนี้
1. หลักธรรมาธิปไตย ถือธรรมเป็นธงชัย คือ ศาสนา
2. หลักพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ คือ พระมหากษัตริย์
3. หลักอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน
4. หลักเสรีภาพบริบูรณ์
5. หลักความเสมอภาคทางโอกาส
6. หลักภราดรภาพ คือ ชาติ
7. หลักดุลยภาพ
8. หลักเอกภาพ
9. หลักนิติธรรม
ภารกิจพรรคการเมืองใหม่ เข้าใจอย่างถูกต้องว่า จะต้องมีภารกิจหลัก เป็นนโยบายแห่งชาติที่จะต้องเปลี่ยนการเมืองเก่าที่ไม่มีหลักการปกครองหรือระบอบโดยธรรมไปสู่การเมืองใหม่ ให้มีหลักการปกครองโดยธรรม พรรคจะได้รับการไว้วางใจจากประชาชนตลอดไป ขอให้เดินหน้าให้การศึกษามวลสมาชิก และต่อสู้สู่ภารกิจอันยิ่งใหญ่ของชาติ รอวันพิสูจน์ต่อไป