xs
xsm
sm
md
lg

บัญชีกลางเบรกโบนัสขรก. รมช.คลังบี้ดึงไทยเข้มแข็ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - กรมบัญชีกลางเบรกจ่ายโบนัสข้าราชการปี 52 หลังกฎหมายไม่เปิดช่องเกลี่ยเงินงบที่เหลือเบิกจ่ายมาใช้ ระบุต้องรอปิดหีบงบ 53 พร้อมให้แต่ละหน่วยงานจัดสรรกันเองภายใน “พฤฒิชัย” แนะดึงเงินไทยเข้มแข็งจาก พ.ร.บ. 4 แสนล้าน มาใช้ เผยล่าสุดดึงเม็ดเงินไทยเข้มแข็งล็อต 2 แจก อบต.ใช้ปีงบ 2553 อีก 2.3 หมื่นล้าน

รายงานข่าวจากสำนักงบประมาณ ระบุว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่อนุมัติค่าตอบแทนเงินรางวัลสำหรับส่วนราชการหรือโบนัสประจำปี 2552 วงเงิน 6,835 ล้านบาท ให้กับส่วนราชการ จังหวัดและสถาบันอุดมศึกษา เพราะรัฐบาลไม่มีเงินและไม่ได้ตั้งวงเงินงบประมาณไว้ให้นั้น เบื้องต้นจากการหารือร่วมกับคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการพลเรือน (ก.พ.ร.) กรมบัญชีกลาง และสำนักงบประมาณ พบว่า แม้ขณะนี้จะมีวงเงินเหลือจ่ายจากส่วนราชการต่างๆของปีงบประมาณ 2552 จำนวน 5,325 ล้านบาท แต่กฎหมายระบุไม่สามารถนำมารวมกันเพื่อนำไปจ่ายเป็นโบนัสข้าราชการได้ หากไม่ได้ตั้งโครงการไว้ก่อน

ทั้งนี้ หากจะแบ่งจ่ายโบนัสได้ก็ต้องรอให้สิ้นปีงบ 2553 เมื่อทุกส่วนราชการเหลือเงินจากการใช้จ่ายโครงการต่างๆแล้ว จากนั้นให้นำมาจ่ายให้ข้าราชการในหน่วยงานตัวเอง ไม่สามารถนำมารวมกันที่ส่วนกลางได้ หรืออีกวิธีต้องใช้งบประมาณจากงบกลางแต่ก็ต้องรอให้เหลือใช้ในการแก้ปัญหาต่างๆ ก่อน เช่น กรณีภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งคงต้องรอให้ถึงสิ้นปีงบ 2553 ก่อนเช่นเดียวกัน

“จะจ่ายโบนัสข้าราชการในปี 2552 ได้ ก็ต้องรอสิ้นปีงบ 2553 ก่อนซึ่งอยากขอความเห็นใจจากข้าราชการเช่นกันว่าเมื่อประเทศประสบวิกฤตเศรษฐกิจ ขนาดเงินลงทุนยังต้องกู้มาใช้ ก็อยากให้รอเงินโบนัสออกไปก่อน"รายงานข่าวระบุ

ด้านนพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการจัดสรรเงินโบนัสประจำปี 2552 ให้ข้าราชการ 1.5 ล้านคนวงเงิน 6,835 ล้านบาท ว่า น่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้าว่าจะใช้เงินจากส่วนใดได้บ้าง เบื้องต้นกรมบัญชีกลางระบุว่ามีเงินเหลือจ่ายจากส่วนราชการต่างๆรวมกันกว่า 5 พันล้านบาท แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะนำมาจ่ายโบนัสจึงให้สำนักงบประมาณพิจารณาจากส่วนอื่นๆด้วย

“ในหลักการรัฐบาลจะจ่ายเงินโบนัสให้ข้าราชการอย่างแน่นอน แต่ติดที่ยังไม่มีเงิน ซึ่งถือเป็นเรื่องแปลกประหลาด เพราะเงินโบนัสข้าราชการนั้นก็ต้องมีการจ่ายทุกปีอยู่แล้ว แต่กลับไม่มีการตั้งงบไว้ตั้งแต่ต้นในปีงบ 2552 และ2553 ขณะที่งบกลางก็ตั้งไว้ค่อนข้างจำกัด ซึ่งอาจไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้ในโครงการจำเป็นเร่งด่วน ทำให้ขณะนี้กรมบัญชีกลางและสำนักงบประมาณบริหารเงินได้ค่อนข้างลำบาก

แจกไทยเข้มแข็งให้อปท.2.3 หมื่นล.
นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการเงินการคลังและงบประมาณ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งล่าสุดที่ประชุมได้พิจารณาถึงการจัดสรรวงเงินให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งเทศบาลท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เนื่องจากทาง อปท.ร้องเรียนมาตลอดว่าการจัดสรรงบประมาณปี 2553 วงเงิน 2.9 หมื่นล้านบาทนั้นไม่เพียงพอ อีกทั้งการจัดหารายได้ของท้องถิ่นเองก็ลดลงทั้งจากภาษีบางตัวและค่าธรรมเนียม

ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นสมควรให้จัดสรรวงเงินเพิ่มอีก 2.3 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้เงินจากโครงการไทยเข้มแข็งล็อต 2 ที่อยู่ระหว่างจัดสรรอีก 1 แสนล้านบาท โดยวันที่ 13 ต.ค.นี้กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอใช้เงินที่เหลือจากการกู้ชดเชยเงินคลังอีก 5 หมื่นล้านบาทในโครงการไทยเข้มแข็ง จากนั้นจะเสนอรายละเอียดโครงการเข้า ครม.อีกครั้ง

สำหรับการจัดสรรเม็ดเงินเพิ่มเติมแสนล้านบาทนั้นเกือบครึ่งหรือ 4 หมื่นกว่าล้านบาทใช้ในโครงการประกันรายได้เกษตรกร ที่เหลือเป็นการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการบ้านมั่นคงและยังมีส่วนที่จัดสรรให้อปท.ด้วยทำให้โครงการที่ใช้งบไทยเข้มแข็งในครั้งนี้มีไม่มากเท่าการจัดสรรเงินก้อนแรก แต่หากรวมกับอีก 5 หมื่นล้านบาทที่จะดึงมาจากการชดเชยเงินคงคลังเดิม รวมเป็น 1.5 แสนล้านบาทก็จะมีอีกหลายโครงการที่ได้รับงบเพิ่ม

ส่วนความคืบหน้าในการเบิกจ่ายงบไทยเข้มแข็งในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามีการตั้งฎีกาการเบิกจ่ายเงินเข้ามาแล้วประมาณ 1 หมื่นล้านบาทจากกรมทางหลวงชนบทหลังจากมีการประมูลงานสร้างถนนปลอดฝุ่นและทยอยทำสัญญาแล้ว โดยก้อนแรกจะเบิกจ่ายให้ผู้รับเหมาก่อน 15% เพื่อให้งานเดินหน้าได้โดยเร็ว

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาได้รับรายงานว่ามีการร้องเรียนถึงความไม่โปร่งใสของการประมูลงานก่อสร้างถนนเข้ามาบ้างแล้วแต่ยังไม่มากนัก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะยังเป็นช่วงเริ่มต้นโครงการและได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ที่มีการร้องเรียน โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ทีได้รับงบมาก เช่น เชียงใหม่ อุบลราชธานี บุรีรัมน์ เป็นต้น เพราะอาจเป็นการกลั่นแกล้งกันของผู้ได้ประโยชน์จากการประมูลงานหรือไม่มีมูล ก่อนจะตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป

แหล่งข่าวจากที่ประชุมกล่าวถึงการจัดสรรเงินเพิ่มเติมให้อปท.ว่าเนื่องจากอปท.เรียกร้องมาตลอดว่าในปีงบ 2553 รัฐบาลปรับลดการจัดสรรวงเงินลงเหลือเพียง 2.9 หมื่นล้านบาท เทียบกับปี 2552 ที่ได้รับ 3.5 หมื่นล้านบาทซึ่งไม่เพียงพอนำไปใช้จ่ายในอปท.ทั่วประเทศทั้งอบจ.และอบต. ซึ่งทางอบต.บางแห่งอ้างว่าขณะนี้ไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงานด้วยซ้ำเนื่องจากมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่ายทั้งจากภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าธรรมเนียมการโอนที่ลดลง ที่ประชุมจึงเห็นควรให้จัดสรรเงินเพิ่ม 2.3 หมื่นล้านบาทให้ อบต.กว่า 6 พันแห่งทั่วประเทศไม่รวมกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา รวมปีงบ 2553 อปท.ได้รับการจัดสรรกว่า 5.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งในทีประชุมมีบางหน่วยงานไม่เห็นด้วยเพราะมองว่ามากเกินไปและอาจไม่เหมาะสมเพราะเป็นการนำเงินกู้ที่รัฐบาลมีภาระต้นทุนเฉลี่ย 4% ไปให้อปท.ซึ่งเชื่อว่ามีจำนวนไม่น้อยที่เอาเงินไปฝากกินดอกเบี้ยแค่ 1%.
กำลังโหลดความคิดเห็น