ที่รัฐสภา วานนี้(8 ตค) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณากระทู้ถามสดเรื่อง การดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ของ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้สอบถามนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้มอบหมายให้นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้ชี้แจง
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีใจเอนเอียงไปทางพันธมิตรฯ ไม่ได้บริหารราชการด้วยหลักธรรมาภิบาลขาดหลักคุณธรรม เพราะการชุมนุมของ พธม.ที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ ตรงกันข้ามกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่รัฐบาลมีการใช้กฎหมายฉบับนี้
ทั้งนี้ในส่วนของ การดำเนินคดีกับพันธมิตรฯปัจจุบันพบว่ายังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่คดีไม่มีความสลับซับซ้อน แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ให้เท่าเทียมกัน เพราะคดีนี้มีความผิดถึงขั้นประหารชีวิตตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาคดีอาญาหลายมาตรา อาทิ มาตรา 135/1 , มาตรา 116 นอกจากนี้ยังเกิดความสงสัยว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นหนี้บุญคุณ พธม.หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพันธมิตรฯ ชอบอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นหนี้บุญคุณ ถ้าไม่มีพธม.ชาตินี้หรือชาติหน้าตอน บ่ายๆ พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีวันได้เป็นรัฐบาล จนถึงวันนี้ พันธมิตรฯก็พูดทุกเวที ขณะเดียวกันก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ กับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายกฯ ก็เคยตอบกระทู้ถามของฝ่ายค้าน แล้วว่ามีความคิดในใจอยู่เช่นกัน แต่ไม่ทราบว่าวันนี้จะบอกได้หรือไม่ว่าในใจคิดอะไรอยู่หรือไม่
นาย สุเทพ ชี้แจงว่า ที่กล่าวหาเป็นข้อกล่าวหาที่ผิดทั้งสิ้นขอยืนยันว่า รัฐบาล ยึดตามหลักนิติรัฐ ส่วนที่มาโจมตีว่า ทำไมพันธมิตรฯชุมนุม แล้วไม่เอากฎหมายความมั่นคงมาใช้ แต่กลับจะประกาศใช้ที่หัวหิน ช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อป้องกันเสื้อแดง เรื่องนี้คงไม่ใช่ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบ
ถ้าเห็นว่า การชุมนุมของประชาชน ทำโดยสงบ รัฐบาลก็จะไม่แทรกแซง ก้าวก่าย มีหลายการชุมนุมที่รัฐบาลไม่ได้ไปทำอะไร การประกาศพื้นที่ที่ต้องใช้ กฎหมายความมั่นคง เพราะรัฐบาลได้รับการรายงานข่าวกรองที่น่าเชื่อถือได้ว่า จะมีการมาชุมนุมก่อเหตุ การประกาศพื้นที่ใช้กฎหมายความมั่นคงที่ประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรีปลายเดือนนี้ ก็เพราะเหตุผลนี้ เพราะเคยมีบทเรียนที่ผุ้ชุมนุมบุกเข้าไป ในโรงแรมที่จัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่พัทยา โดยมีการประกาศว่าจะล้มการประชุมนุมมาก่อนหน้า มาคราวนี้ รัฐบาลยอมให้เกิดเหตุอย่างนั้นไม่ได้ อาจจะเป็นความสะใจของบางพวก แต่รัฐบาลยอมไม่ได้ จึงต้องใช้กฎหมายความมั่นคงเพื่อจัดประชุมนานาชาติ ให้สำเร็จลุล่วง
นายสุเทพ กล่าวว่า ส่วนคดียึดสนามบินสุวรรณภูมิ นายกฯกำชับให้ตนติดตาม ความคืบหน้าของคดีทุกเดือน และตนได้รับรายงานจากฝ่ายสอบสวนทุกเดือน โดยคดีสนามบินสุวรรณภูมิดำเนินการสอบพยาน 230 ปาก ก็ได้ข้อเท็จจริงแล้ว มีความเห็นว่าการกระทำเข้าข่ายกระทำความผิด และออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อ 1 ก.ค.2552 แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมรับข้อกล่าวหา ยกเว้น นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เพียงคนเดียวที่ได้รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ที่เหลือพนักงานก็ต้องออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง ถ้าไม่มาพนักงานสอบสวนก็จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อออกหมายจับต่อไป จึงยืนยันว่า ติดตามคดีตลอด และไม่ได้แทรกแซง
รัฐบาลเอาใจใส่กระตือรือร้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ซึ่งคดีพันธมิคนฯ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของพวกท่าน แต่พวกท่านไม่มีการดำเนินการ ถ้าจะถือว่ารัฐบาลชุดนี้ละเว้นปฎิบัติหน้าที่คงไม่ใช่ น่าจะเป็นรัฐบาลของพวกท่านมากกว่า ที่ไม่ดำเนินการ
ด้านร.ต.อ.เฉลิม ได้ถามต่อว่า การทำคดีพันธมิตร ของรัฐบาลได้ดำเนินการ โดยมีมาตรฐานเดียวกันหรือไม่เพราะคดีเกี่ยวกับการก่อการร้ายพนักงานสอบสวน ควรขอศาลออกหมายจับทันทีไม่ใช่ไปขอศาลให้ออกหมายเรียกเหมือนกับกรณีนี้ ตำรวจที่ให้ข้อมูลกับนายสุเทพอย่างนี้ไม่มีสติปัญญาแสดงถึงความโง่ ไม่ได้เก่งกฎหมายถึงมาพูดอย่างนี้เห็นก่อนจะมาตอบกระทู้สดในสภาปรากฏว่า มีพวกนายตำรวจมีติวข้อมูลให้ก่อน ซึ่งพวกนี้ไม่ได้รู้จริง
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร มีแต่พวกวิกลจริต พูดจากำเริบเสิบสาน ให้ร้ายคนอื่น อวดอ้างว่าสนิทกับนายกฯ พูดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อยากถามนายกฯ ว่าคดีนี้มีตอเหมือนกับคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ หรือไม่ รัฐบาลเป็นหนี้บุญคุณพันธมิตรฯหรือไม่ และมีคนวิกลจริตอยู่หรือไม่ และที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีของพันธมิตรฯ จาก พล.ต.ท. วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วยผบ.ตร.มาเป็นพล.ต.ท. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ถือว่าเป็นการแทรกแซงการดำเนินคดีโดยฝ่ายการเมืองใช่หรือไม่ และการดำเนินคดี มีความคืบหน้าไปถึงไหนบ้าง จะส่งให้อัยการพิจารณาส่งฟ้องศาลได้เมื่อไหร่ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่ร.ต.อ.เฉลิมพูดเป็นการดูถูกภูมิปัญญาของตำรวจ ที่ทำคดีนี้อยู่ ตนให้เกียรติพนักงานสอบสวน และเชื่อที่กำลังสอบสวนอยู่ แม้ว่าส่วนตัวจะไม่มีความรู้ในเรื่องการสอบสวนก็ตาม ส่วนที่ถามว่า ผู้ต้องหาวิกลจริตหรือไม่ คงตอบไม่ได้ เพราะพนักงานสอบไม่ได้รายงานว่ามีผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวเป็น ผู้วิกลจริต แต่เห็นเยอะที่หน้าทำเนียบรัฐบาลจากการชุมนุมครั้งสุดท้ายไม่น่าเชื่อว่า คนดูท่าสติดีๆ จะพูดถึงขนาดนั้น
นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ว่าฝ่ายใด เจ้าหน้าที่ตำรวจและรัฐบาลไม่หนักใจในคดีนี้ รัฐบาลไม่เคยเข้าไปแทรกแซง ส่วนที่บอกว่า มีการเปลี่ยนแปลงพนักงานสอบสวน ไม่ใช่เรื่องเจอตอ แต่เป็นเรื่องภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) คนที่เป็นตำรวจ คงจะยืนยันได้ว่า พล.ต.ท.สมยศ จะสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันได้ไม่มีการ วิ่งเต้นเปลี่ยนพนักงานสอบสวนทั้งชุดแต่ประการใด และรัฐบาล ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง แต่เป็นเรื่องปกติของการแต่งตั้งใน สตช. ตำรวจฟังอยู่ทั้งประเทศ
พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณกลุ่มพันธมิตร แต่ส.ส.ที่เลือก นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่างหาก คือ หนี้บุญคุณของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่เรียกร้องให้คุณเฉลิม ต้องออกมารับผิดชอบคำพูดของตัวเองที่พูดไปเพราะเข้าใจท่านดี
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมีใจเอนเอียงไปทางพันธมิตรฯ ไม่ได้บริหารราชการด้วยหลักธรรมาภิบาลขาดหลักคุณธรรม เพราะการชุมนุมของ พธม.ที่ผ่านมารัฐบาลไม่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงฯ ตรงกันข้ามกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่รัฐบาลมีการใช้กฎหมายฉบับนี้
ทั้งนี้ในส่วนของ การดำเนินคดีกับพันธมิตรฯปัจจุบันพบว่ายังไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่คดีไม่มีความสลับซับซ้อน แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย ให้เท่าเทียมกัน เพราะคดีนี้มีความผิดถึงขั้นประหารชีวิตตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาคดีอาญาหลายมาตรา อาทิ มาตรา 135/1 , มาตรา 116 นอกจากนี้ยังเกิดความสงสัยว่ารัฐบาลชุดนี้เป็นหนี้บุญคุณ พธม.หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพันธมิตรฯ ชอบอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นหนี้บุญคุณ ถ้าไม่มีพธม.ชาตินี้หรือชาติหน้าตอน บ่ายๆ พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีวันได้เป็นรัฐบาล จนถึงวันนี้ พันธมิตรฯก็พูดทุกเวที ขณะเดียวกันก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ กับนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ทั้งที่ก่อนหน้านี้นายกฯ ก็เคยตอบกระทู้ถามของฝ่ายค้าน แล้วว่ามีความคิดในใจอยู่เช่นกัน แต่ไม่ทราบว่าวันนี้จะบอกได้หรือไม่ว่าในใจคิดอะไรอยู่หรือไม่
นาย สุเทพ ชี้แจงว่า ที่กล่าวหาเป็นข้อกล่าวหาที่ผิดทั้งสิ้นขอยืนยันว่า รัฐบาล ยึดตามหลักนิติรัฐ ส่วนที่มาโจมตีว่า ทำไมพันธมิตรฯชุมนุม แล้วไม่เอากฎหมายความมั่นคงมาใช้ แต่กลับจะประกาศใช้ที่หัวหิน ช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อป้องกันเสื้อแดง เรื่องนี้คงไม่ใช่ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบ
ถ้าเห็นว่า การชุมนุมของประชาชน ทำโดยสงบ รัฐบาลก็จะไม่แทรกแซง ก้าวก่าย มีหลายการชุมนุมที่รัฐบาลไม่ได้ไปทำอะไร การประกาศพื้นที่ที่ต้องใช้ กฎหมายความมั่นคง เพราะรัฐบาลได้รับการรายงานข่าวกรองที่น่าเชื่อถือได้ว่า จะมีการมาชุมนุมก่อเหตุ การประกาศพื้นที่ใช้กฎหมายความมั่นคงที่ประจวบคีรีขันธ์และเพชรบุรีปลายเดือนนี้ ก็เพราะเหตุผลนี้ เพราะเคยมีบทเรียนที่ผุ้ชุมนุมบุกเข้าไป ในโรงแรมที่จัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่พัทยา โดยมีการประกาศว่าจะล้มการประชุมนุมมาก่อนหน้า มาคราวนี้ รัฐบาลยอมให้เกิดเหตุอย่างนั้นไม่ได้ อาจจะเป็นความสะใจของบางพวก แต่รัฐบาลยอมไม่ได้ จึงต้องใช้กฎหมายความมั่นคงเพื่อจัดประชุมนานาชาติ ให้สำเร็จลุล่วง
นายสุเทพ กล่าวว่า ส่วนคดียึดสนามบินสุวรรณภูมิ นายกฯกำชับให้ตนติดตาม ความคืบหน้าของคดีทุกเดือน และตนได้รับรายงานจากฝ่ายสอบสวนทุกเดือน โดยคดีสนามบินสุวรรณภูมิดำเนินการสอบพยาน 230 ปาก ก็ได้ข้อเท็จจริงแล้ว มีความเห็นว่าการกระทำเข้าข่ายกระทำความผิด และออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อ 1 ก.ค.2552 แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมรับข้อกล่าวหา ยกเว้น นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เพียงคนเดียวที่ได้รับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ที่เหลือพนักงานก็ต้องออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาอีกครั้ง ถ้าไม่มาพนักงานสอบสวนก็จะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อออกหมายจับต่อไป จึงยืนยันว่า ติดตามคดีตลอด และไม่ได้แทรกแซง
รัฐบาลเอาใจใส่กระตือรือร้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ซึ่งคดีพันธมิคนฯ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลของพวกท่าน แต่พวกท่านไม่มีการดำเนินการ ถ้าจะถือว่ารัฐบาลชุดนี้ละเว้นปฎิบัติหน้าที่คงไม่ใช่ น่าจะเป็นรัฐบาลของพวกท่านมากกว่า ที่ไม่ดำเนินการ
ด้านร.ต.อ.เฉลิม ได้ถามต่อว่า การทำคดีพันธมิตร ของรัฐบาลได้ดำเนินการ โดยมีมาตรฐานเดียวกันหรือไม่เพราะคดีเกี่ยวกับการก่อการร้ายพนักงานสอบสวน ควรขอศาลออกหมายจับทันทีไม่ใช่ไปขอศาลให้ออกหมายเรียกเหมือนกับกรณีนี้ ตำรวจที่ให้ข้อมูลกับนายสุเทพอย่างนี้ไม่มีสติปัญญาแสดงถึงความโง่ ไม่ได้เก่งกฎหมายถึงมาพูดอย่างนี้เห็นก่อนจะมาตอบกระทู้สดในสภาปรากฏว่า มีพวกนายตำรวจมีติวข้อมูลให้ก่อน ซึ่งพวกนี้ไม่ได้รู้จริง
การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร มีแต่พวกวิกลจริต พูดจากำเริบเสิบสาน ให้ร้ายคนอื่น อวดอ้างว่าสนิทกับนายกฯ พูดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อยากถามนายกฯ ว่าคดีนี้มีตอเหมือนกับคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ หรือไม่ รัฐบาลเป็นหนี้บุญคุณพันธมิตรฯหรือไม่ และมีคนวิกลจริตอยู่หรือไม่ และที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงตัวหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีของพันธมิตรฯ จาก พล.ต.ท. วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วยผบ.ตร.มาเป็นพล.ต.ท. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ถือว่าเป็นการแทรกแซงการดำเนินคดีโดยฝ่ายการเมืองใช่หรือไม่ และการดำเนินคดี มีความคืบหน้าไปถึงไหนบ้าง จะส่งให้อัยการพิจารณาส่งฟ้องศาลได้เมื่อไหร่ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่ร.ต.อ.เฉลิมพูดเป็นการดูถูกภูมิปัญญาของตำรวจ ที่ทำคดีนี้อยู่ ตนให้เกียรติพนักงานสอบสวน และเชื่อที่กำลังสอบสวนอยู่ แม้ว่าส่วนตัวจะไม่มีความรู้ในเรื่องการสอบสวนก็ตาม ส่วนที่ถามว่า ผู้ต้องหาวิกลจริตหรือไม่ คงตอบไม่ได้ เพราะพนักงานสอบไม่ได้รายงานว่ามีผู้ถูกกล่าวหาในคดีดังกล่าวเป็น ผู้วิกลจริต แต่เห็นเยอะที่หน้าทำเนียบรัฐบาลจากการชุมนุมครั้งสุดท้ายไม่น่าเชื่อว่า คนดูท่าสติดีๆ จะพูดถึงขนาดนั้น
นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ว่าฝ่ายใด เจ้าหน้าที่ตำรวจและรัฐบาลไม่หนักใจในคดีนี้ รัฐบาลไม่เคยเข้าไปแทรกแซง ส่วนที่บอกว่า มีการเปลี่ยนแปลงพนักงานสอบสวน ไม่ใช่เรื่องเจอตอ แต่เป็นเรื่องภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) คนที่เป็นตำรวจ คงจะยืนยันได้ว่า พล.ต.ท.สมยศ จะสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา ยืนยันได้ไม่มีการ วิ่งเต้นเปลี่ยนพนักงานสอบสวนทั้งชุดแต่ประการใด และรัฐบาล ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง แต่เป็นเรื่องปกติของการแต่งตั้งใน สตช. ตำรวจฟังอยู่ทั้งประเทศ
พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณกลุ่มพันธมิตร แต่ส.ส.ที่เลือก นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต่างหาก คือ หนี้บุญคุณของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่เรียกร้องให้คุณเฉลิม ต้องออกมารับผิดชอบคำพูดของตัวเองที่พูดไปเพราะเข้าใจท่านดี