นายกรัฐมนตรีมั่นใจการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ภูเก็ตจะไม่มีปัญหาเหมือนที่พัทยา เผยหากมีการตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงจะต้องชี้แจงกับประชาชนอย่างชัดเจน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่ห้องรับรองท่าอากาศยานภูเก็ต ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 10 พ.ค หลังจากที่เดินทางมาพักผ่อนที่ จ.ภูเก็ต ถึงการตัดสินใจเลือกจังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่ในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในเดือนมิถุนายนนี้ว่า เนื่องจากมองว่าจังหวัดภูเก็ต มีความเหมาะสมในหลายๆ ด้าน จึงเลือกที่นี่
ส่วนความมั่นใจว่าการประชุมจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็มีการเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ นอกจากนี้มีความเข้าใจว่าพี่น้องประชาชนก็มีความต้องการให้มีการประชุมระดับนานาชาติเกิดขึ้นและประสบความสำเร็จ รวมถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทั่วประเทศ อยากเห็นประเทศไทยได้รับความเชื่อมั่นจากนานาชาติ ซึ่งรัฐบาลก็ต้องเดินหน้าต่อไป แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่พัทยาเราก็ต้องใช้โอกาสในช่วงนี้ทำความเข้าใจกับบรรดาประเทศต่างๆ ที่มาเข้าร่วมประชุม ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับที่ดี เหลือเพียงการกำหนดรายละเอียดต่างๆ และรอฟังคำยืนยันอีกครั้ง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงแนวคิดในการนำ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 มาบังคับใช้ระหว่างการประชุมฯ ว่า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานเกิดความคล่องตัวในการใช้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมาผสมผสานกันทำงาน แทนการเป็นหน้าที่ของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมิฉะนั้นภาระจะตกหนักอยู่ที่ตำรวจฝ่ายเดียว และหากมีการประกาศเป็นเขตใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ จะมีอำนาจในการควบคุมบางสิ่งบางอย่างได้มากขึ้น เช่น การใช้เส้นทางคมนาคม เป็นต้น ซึ่งจะทำให้การดูแลความปลอดภัยได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นกำลังดูในข้อกฎหมายทั้งหมด ซึ่งนอกจาก 2 ประเด็นดังกล่าวมองกว่าไม่น่าจะมีความจำเป็นอื่นใดต้องใช้อำนาจพิเศษ เพราะไม่ต้องการจะให้เกิดปัญหากับประชาชนในพื้นที่ที่จะไม่ได้รับความสะดวก
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายที่มองหากมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ จะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ภาวะการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่หากเราสามารถจัดการประชุมครั้งนี้ได้สำเร็จ เชื่อว่าจะทำให้การท่องเที่ยวในอนาคตเกิดผลในทางบวกอย่างมาก ขณะเดียวกันกฎหมายความมั่นคงก็จะแตกต่างจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะกฎหมายความมั่นคงจะเน้นด้านการป้องกันไม่ใช่เรื่องของการเกิดเหตุฉุกเฉินแล้วจึงประกาศเพื่อให้อำนาจพิเศษและจะทำให้คนเกิดความรู้สึกว่ามีปัญหา
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หากจะมีการตัดสินใจในเรื่องนี้เป็นอย่างไรก็จะต้องมีการชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกัน และคิดว่าการจัดประชุมที่ภูเก็ตจะไม่เกิดเหตุการณ์เหมือนกับพัทยา เพราะเราได้รับบทเรียนมาแล้วและจะทำให้ดีที่สุด ซึ่งพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตและคนไทยก็ไม่ต้องการที่จะให้ประเทศเกิดความเสียหายอีก
สำหรับการตอบรับของผู้นำที่จะเข้าร่วมประชุม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีส่วนหนึ่งที่ยืนยันได้แล้ว แต่การประสานงานมีหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องของกำหนดการ เพราะจะต้องหาเวลาที่ผู้นำทั้ง 16 ประเทศว่างพร้อมกันทั้งหมด ซึ่งอาจจะมีกำหนดการล่วงหน้าอยู่แล้ว ซึ่งเขาขอเวลาไปพิจารณาว่าจะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา