นายกฯ ยอมรับข้อเสนอกองทัพนำ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมาใช้ในช่วงประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เพื่อให้มาตราการรักษาความปลอดภัยเข้มขึ้น โดยไม่ต้องรอให้เกิดเหตุร้ายก่อน ยืนยันผู้นำอาเซียนตอบรับการเข้าร่วมประชุมแล้ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (7 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงเพื่อเตรียมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและประเทศคู่เจรจาที่ภูเก็ต ว่า จริงๆแล้วเป็นเครื่องมือของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ในการให้สามารถใช้เจ้าหน้าที่ต่างๆเพื่อให้เข้ากรอบกฎหมายความมั่นคงได้ จะดูตามเงื่อนไขกฎหมายความมั่นคง และยังช่วยทำให้มีมาตรการป้องกันมากยิ่งขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนเรื่องการนำรถกันกระสุนมาใช้เพื่ออารักขาผู้นำ จะนำมาใช้อีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าในการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น แต่จะไปดูเงื่อนไขอีกที ถ้าจะทำก็ต้องทำความเข้าใจให้ได้ ว่าการประกาศหมายความว่าอะไร
เมื่อถามว่า เงื่อนไขที่ว่าคือการควบคุมการชุมนุมของคนเสื้อแดง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ในกฎหมาย ดีกว่ารอให้ปัญหาเกิดแล้วประกาศใช้พ.ร.ก. ส่วนจะทำให้สิทธิของประชาชนถูกจำกัดหรือไม่นั้น คงต้องดูก่อนว่า หากประกาศไปแล้วมีอำนาจ ที่ใช้ หรือไม่อย่างไร จริงๆแล้วสิ่งที่เรามุ่งหวังจะเป็นช่วงจำกัด ความไม่สะดวก หากเราจัดการประชุมเช่นนี้ ก็เป็นเหมือนกันทั่วโลกก็มีอยู่บ้าง แต่คิดว่าประชาชนทั่วไปในพื้นที่ ที่เป็นเจ้าภาพก็พร้อมในระดับหนึ่งที่จะให้ความร่วมมืออยู่แล้ว คงไม่เป็นปัญหาอะไร
เมื่อถามว่า ความไม่สะดวกที่ว่าเป็นการประกาศไม่ต้องการให้กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องความไม่สะดวกตนได้ยกตัวอย่างที่ผ่านมาเวลาไปประชุมเรื่องความเข้มงวด เรื่องการจอดรถ อะไรต่างๆก็มีอย่างนั้นอยู่แล้ว ส่วนการใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบหลักก็จะมีเจ้าหน้าที่ส่วนอื่นเข้าช่วยเสริมได้ ส่วนกำลังทหารสามารถเข้ามาร่วมในกรอบนี้ด้วย
เมื่อถามว่ามีการประสานงานเข้าร่วมการประชุมทุกประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีการประสานงานจากหลายประเทศ ได้รับการตอบรับในทางบวก เมื่อถามว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนมีความมั่นใจในระบบรักษาความปลอดภัยของไทยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่คิดว่า อาจจะดูสถานการณ์ระยะหนึ่ง เป็นเรื่องธรรมดาปกติ แต่โดยทั่วไปแล้วทุกประเทศอยากให้มีการจัดการประชุมโดยเร็ว เนื่องจากมีเรื่องที่ค้างอยู่ จะดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อย
เมื่อถามว่า ทุกประเทศตอบรับเข้าร่วมการประชุมครบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ที่เป็นห่วงคือ ประเทศอินเดีย เนื่องจากอยู่ในระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลของประเทศอินเดีย ในช่วงเดือนมิ.ย. เป็นช่วงที่มีรอยต่ออยู่ แต่ประเทศอื่นๆสัญญาณ เป็นไปในทางบวก เมื่อซักอีกว่า ถ้าอินเดียไม่มาจะมีปัญหามากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คราวที่แล้วที่จัดการประชุมขึ้นที่พัทยานั้น ประเทศอินเดียก็ไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ แต่จะพยายามให้มาให้หมด
เมื่อถามว่า จะทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างการรักษาความปลอดภัยคราวที่แล้วกับคราวนี้อย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ปรับไปเยอะ ตามที่ตนได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา โดยมานายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง อีกทั้งตำรวจและกองทัพก็มีการปรับปรุงไปหลายอย่าง ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศจะนำไปใช้บอกเล่ากับประเทศต่างๆ เมื่อถามว่า หากใช้กฎหมายความมั่นคงแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ทหารเป็นกองกำลังหลักหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะดูอีกที เพราะเป็นข้อกำหนดที่จะต้องดูเป็นกรณีๆไป
เมื่อถามว่า การประชุมครั้งนี้จะให้ทหารเข้ามาดูเรื่องความปลอดภัย อาจมองได้ว่าเป็นการแข็งเกินไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ท่ผ่านมาไม่ห่วงเรื่องดูแข็งเกินไปหรอก ห่วงกับปัญหาคราวที่แล้วมากกว่า ว่าไม่สามารถจัดการกับผู้ชุมนุมได้ ตนคิดว่า การจัดระบบใหม่มีอะไรเป็นรูปธรรม มีกฎหมายรองรับ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นได้ง่าย เมื่อถามว่า มั่นใจว่าจะไม่มีเหตุอะไรที่จะทำให้การประชุมล่มอีก นายอภิสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่า เราดูแลเต็มที่ ฝ่ายความมั่นคงก็ทำงานเต็มที่
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ปะทะกับพ่อค้าแม่ค้าบริเวณพัฒนพงษ์ จนก่อให้เกิดความวุ่นวาย ว่า ตนได้คุยกับนายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า เคยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในหลายพื้นที่ คงจะต้องทบทวนว่า วิธีการทำอย่างไรไม่ให้เกิดการปะทะกัน แต่ความจำเป็นที่ต้องเดินหน้าทำตามนโยบายปราบปรามสิ่งผิดกฎหมาย ต้องเผชิญกับอิทธิพลนั้น ต้องเดินหน้า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีผู้อิทธิพลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางรัฐมนตรีระบุว่าการกระทำทั้งหมดถ้าทำเกินกว่าเหตุ จะมีการดำเนินการของรัฐให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรับผิดชอบ รัฐบาลยืนยันว่าจะปราบปรามสิ่งที่ผิดกฎหมาย ส่วยจะมองว่าแข็งกว้าวเกินไปหรือไม่นั้น เวลาเกิดเหตุแต่ละครั้งต้องทบทวนว่าจะทำอย่างไรต่อไป