“เทพเทือก” สั่งผู้ว่าฯ ทำแผนปลูกฝังประชาธิปไตยแท้จริงให้ ปชช.ปลุกกระแสเทิดทูนสถาบัน เร่งให้ทุกจังหวัดทำโครงการให้คนแสดงความจงรักภัคดี ด้าน “สาทิตย์” ลั่นดึงสยามเมืองยิ้มกลับสู่สังคม วาดฝันผุดช่อง 11 เป็น 2 เวอร์ชัน ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น จี้ผู้ว่าฯ ใช้สื่อให้เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด
วันนี้ (7 พ.ค.) ที่หอประชุมกองทัพเรือ เวลา 10.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายเรื่องการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในความมั่นคงของประเทศไทย” ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยระบุตอนหนึ่งว่า เหตุการณ์ความมั่นคงที่เกิดขึ้นจนทำให้การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับคู่เจรจาที่ จ.ชลบุรี ต้องยกเลิกไปนั้น ทำให้เครดิตของประเทศไทยพังยับเยิน จนทำให้เกิดการตั้งคำถามว่าประเทศไทยสามารถจัดการประชุมดังกล่าวได้อีกหรือไม่ จะมีผู้นำที่ไหนกล้ามาประเทศไทยอีกหรือไม่ แต่โชคดีที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมกับนำทหาร 49 กองพันเข้ามาทำให้ความวุ่นวายสงบลงโดยการนำกฎหมายมาบังคับใช้โดยไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อ ถือเป็นการกู้สถานการณ์ให้กลับคืนมาได้ และหากการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนรอบใหม่ที่ จ.ภูเก็ต ประสบความสำเร็จก็จะทำให้เกียรติภูมิรวมถึงความเชื่อมั่นของประเทศกลับคืนมา
“ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเกิดความกังวลขึ้นมาว่าประเทศไทยมีปัญหาด้านความมั่นคงหรือไม่ ซึ่งต้องตอบว่าคนจำนวนมากมีความกังวลในเรื่องนี้จริงๆ ดังนั้น หากจะพึ่งรัฐบาล และโยนภาระนายกฯ อย่างเดียวคงไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ แต่หากคนไทยทุกระดับช่วยกันปัญหานี้ก็จะไม่เป็นปัญหาที่ยากเกินจะแก้ไขได้ และจะสามารถแก้ไขได้ในเวลาอันสั้นนี้ ส่วนที่มีกลุ่มองค์กรที่แสดงออกเรื่องหยุดทำร้ายประเทศไทยนั้น ฝากให้ผู้ว่านำแนวคิดนี้ไปรณรงค์กับประชาชนเพื่อให้เกิดความสันติสุขในสังคมขึ้นมาได้” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพกล่าวว่า แผนงานที่ตนอยากเห็นในแต่ละกลุ่มจังหวัด คือ การรณรงค์ปลูกฝังเรื่องของระบอบประชาธิปไตย เพราะขณะนี้คนมีความสับสน โดยเฉพาะเมื่อมีคนแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมกับแปลงสาร บิดเบือนทฤษฎีประชาธิปไตย ให้ออกไปเป็นความเชื่อในแบบของกลุ่มตนเองเพื่อให้เป็นประโยชน์กับกลุ่มของตัวเองมากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนมีความคิดที่แตกต่างในระบอบประชาธิปไตยมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ผู้ว่าฯ รู้ดีแต่ไม่ยอมทำ เพราะอาจจะเห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของนักการเมือง ดังนั้น จึงอยากฝากให้ผู้ว่าฯ จัดทำโครงการเช่นการจัดการฝึกอบรม เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ มีความคิดที่ถูกต้องเกี่ยวกับหลักประชาธิปไตย กับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยหาทางรณรงค์ให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธาในทางนี้ ส่วนการใช้สิทธิประท้วงชุมนุมนั้น จะต้องไม่ล้ำเส้นเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ หากเกินจากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดต้องไม่ยอม หากเรื่องใดจัดการไม่ได้ก็สามารถติดต่อกับตนได้ทันที
“หากในหมู่บ้านไหนยังแบ่งฝักแบ่งฝ่ายก็ถือว่ายังไม่มีความคิดพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย วันนี้ผมคิดว่าเป็นหน้าที่ของผู้ว่าฯ ช่วยรณรงค์ให้เกิดกระแสรักและหวงแหนในระบอบประชาธิปไตย ไม่ยอมให้ใครมาโกงการเลือกตั้ง ไม่ยอมให้มีการซื้อสิทธิ์ ชายเสียง เพราะนี่คือที่มาของอำนาจประชาธิปไตย และหากเอ็กซเรย์การเมืองไทยตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่ารากฐานมาจากการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ นอกจากนี้ จะต้องทำให้ประชาชนหันมาคิดเหมือนกันว่าประเทศไทยจะต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะขณะนี้มีคนกำลังคิดวิถีประชาธิปไตยแบบใหม่” นายสุเทพ กล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ในแผนงานของผู้ว่าฯ จะต้องมีโครงการเปิดโอกาสให้ประชาชนแสดงออกถึงความจงรักภัคดีสถาบันพระมหากษัตริย์ เหมือนเช่นกิจกรรมวันฉัตรมงคลที่ผ่านมา เพื่อทำให้ชาวต่างประเทศที่รับรู้ข่าวสารก่อนหน้านี้ได้รับทราบข้อเท็จจริงว่า สิ่งที่ได้รับข่าวสารจากอีกฝ่ายก่อนหน้านี้นั้นไม่เป็นความจริง ซึ่งรัฐบาลจะจัดงานในลักษณะดังกล่าวอีกในวันแม่แห่งชาติ และ วันพ่อแห่งชาติ ขณะเดียวกัน ในแต่ละกลุ่มจังหวัดต้องมีการรณรงค์ขนบธรรมเนียมประเพณี ให้เป็นจุดขายของจังหวัด เช่นการพาบุตรหลานเข้าวัด ซึ่งจังหวัดใดที่ทำเช่นนี้อาจมีรางวัลพิเศษ
นายสุเทพกล่าวว่า นอกจากนี้ยังอยากให้ผู้ว่าฯ ในกลุ่มจังหวัดต่างๆ ตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อศึกษาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง ลึกซึ้ง และปลูกฝังให้ประชาชนมีอุดมการณ์ยึดถือปรัชญานี้ในการดำเนินชีวิตของประชาชน โดยจัดประกวดหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความมั่นคง ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ ในแต่ละจังหวัดจะต้องสำรวจประชาชนในจังหวัดตนเองว่ามีชุมชนใดที่ประชาชนยังมีเศรษฐกิจไม่ดีพอที่จะดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีได้
ต่อมาเวลา 11.30 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อหัวหน้าส่วนราชการ และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ในหัวข้อ “การเสริมสร้างความเชื่อมั่น ในการสร้างภาพลักษณ์ประเทศไทย” ว่า จากวิกฤติทางการเมือง และเศรษฐกิจโลก รัฐบาลมีภารกิจในเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทย และต้องนำความเป็นสยามเมืองยิ้มกลับคืนมา โดยแนวทางการสร้างความเชื่อมั่น ตนได้รับมอบหมายให้ดูแล และได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศ โดยสร้างข่าวดี และความเชื่อมั่นในประเทศ ขยายไปสู่สังคมโลก ให้รับรู้ร่วมกัน จะมีกิจกรรม โครงการหลายอย่าง โดยมีสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงการต่างประเทศเป็นหลัก และขอให้ทุกหน่วยงานมีส่วนร่วมด้วย
นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า ยุคนี้เป็นยุคสงครามข่าวสารอย่างแท้จริง จะเห็นได้ชัดเจนที่สุดช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาฉะนั้นการสร้างข่าวดีต้องครอบคลุมทุกจังหวัด ตำบล หมู่บ้าน ต้องมีการรวมพลัง จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการประชาสัมพันธ์ โดยต้องวิเคราะห์ว่าสังคมไทยและสังคมโลกต้องการอะไร สำหรับช่องทางการใช้สื่อนั้น ขณะนี้มีสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ ของส่วนกลาง และมีศูนย์ของกรมประชาสัมพันธ์ 8 ศูนย์ทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการขยายเป็น 10 ศูนย์ ต่อไปจะมีการเปิดสถานีโทรทัศน์ภูมิภาค ศูนย์ละ 1 ช่องเฉพาะของตัวเอง เช่น ที่ จ.ยะลา จะเป็นสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นเพื่อความมั่นคง เป็นการเสนอข่าวของส่วนกลาง 50% และภูมิภาค 50% นอกจากนี้ วิทยุชุมชน ที่มีอยู่ 4,100 แห่งทั่วประเทศ จะมีการออกกฎและให้ลงทะเบียนในเดือน มิ.ย.นี้ รวมทั้งช่องทางการใช้เอสเอ็มเอส ของกรมประชาสัมพันธ์ รวมถึงตัววิ่งที่สามารถขึ้นได้ตลอดเวลาแม้แต่เวลาที่ดูละคร ซึ่งเป็นการประชาสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี ที่มีสมาชิกอยู่มากมาย และเว็บไซต์ต่างๆที่มีคนไทยเข้าถึง 14 ล้านคน และกำลังโตขึ้นเรื่อยๆ โดยรัฐกำลังปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความทันสมัย โดยทำให้มีการสร้างเครือข่ายในเว็บไซต์ให้ได้มากที่สุด