นายกฯ อภิสิทธิ์ แจงเหตุประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง ไม่ต้องการให้ซ้ำรอยเหตุการณ์เมษายน ระบุสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงวัตถุประสงค์หวังจ้อง “ล้มล้างอำมาตย์-รัฐบาล” ไม่ชัดเจน หลังเปิด ร.ร.อบรมเตรียมสถาปนารัฐใหม่ เผยเป็นข้อดีของผู้ชุมนุมช่วยตรวจอาวุธหลังแสดงข้อห่วงใย ยันไม่กระทบสิทธิประชาชน เชื่อภาคธุรกิจ-ต่างชาติเข้าใจ แจง “ยูเอ็น” ได้ยันไม่อยู่เหนือ รธน. เผยประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงนานเป็นอาทิตย์หวังครอบคลุม
วันนี้ (15 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประเมินตัวเลขของผู้ชุมนุมที่จะเดินทางมาในวันที่ 19 ก.ย.ว่า ทางฝ่ายความมั่นคงประเมินอยู่ แต่ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ทั้งหมด ส่วนเหตุผลในการประกาศพื้นที่ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงที่อ้างว่าสถานการณ์มีแนวโน้มจะรุนแรงนั้น เพราะแกนนำได้ประกาศว่าจะมีการชุมนุมใหญ่ ถ้อยคำในแง่การใช้วัตถุประสงค์การชุมนุม มีลักษณะในการจะล้มล้างซึ่งไม่ชัดเจนว่าจะล้มล้างพวกอำมาตย์ หรือทั้งเรื่องรัฐบาล และในช่วงที่ผ่านมามีการอบรม เรื่องการสถาปนารัฐใหม่ ฉะนั้นมีข้อห่วงใยว่าถ้าเกิดความสับสน ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไรกันแน่ ก็จะเป็นปัญหา
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ประการที่ 2 สาเหตุที่ใช้กฎหมายความมั่นคงเพราะว่าวัตถุประสงค์หลัก หากมีการชุมนุมก็จะต้องให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย คือไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์กระทบกระเทือนความมั่นคงและความสงบโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่อยากให้เห็นการซ้ำรอยเหตุการณ์เดือนเมษายนเท่านั้นเอง อีกทั้งการจำกัดสิทธิของพี่น้องประชาชนจะทำให้น้อยที่สุด เช่นเดียวกันการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ในแง่ของผู้ชุมนุม เราก็มีนโยบายชัดเจนตั้งแต่ต้นว่าจะพยายามอย่างยิ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหา มีการยั่วยุ ปะทะกัน แต่การมีเครื่องมือครั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่มากยิ่งขึ้น
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พร้อมกันนี้จะช่วยในแง่การจัดการการชุมนุมของผู้ชุมนุมเอง เช่น การทำให้การตรวจตราอาวุธทำได้มากขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีของผู้ชุมนุมเองเพราะผู้ชุมนุม ได้แสดงความห่วงใยเองว่าอาจจะมีผู้แทรกเข้ามา โดยไม่ใช่กลุ่มของเขาแล้วเกิดปัญหาขึ้น อย่างที่ย้ำว่าเราทำมาแล้ว 2 ครั้ง จะเห็นว่ากระทบต่อสิทธิของประชาชนน้อยมากหรือแทบไม่กระทบเลย
เมื่อถามว่า นายกฯ จะนำข้อห่วงใยของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนที่เกรงว่าการใช้กฎหมายดังกล่าวจะกระทบสิทธิของประชาชน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แนวปฏิบัติของรัฐบาลในเรื่องการปฏิบัติต่อผู้ชุมนุม และสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำคือต้องการให้ทำให้เกิดความระเบียบเรียบร้อยในแง่ของการชุมนุม เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุแทรกซ้อน ความเข้าใจผิด การลุกลามหรือเหตุการณ์ที่จะทำให้ความไม่สงบเกิดขึ้น และหากเกิดสถานการณ์เช่นนั้นจะกระทบต่อสิทธิของประชาชนมาก อย่างเช่นกรณีของเดือน เม.ย. ชัดเจนว่ามีผู้เสียชีวิตจากปัญหาการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับประชาชน เป็นต้น
เมื่อถามว่า คณะกรรมการสิทธิห่วงเรื่องการใช้กำลังทหารติดอาวุธเข้ามาควบคุมฝูงชน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แนวทางการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ อาวุธ ความจริงตั้งแต่เดือน เม.ย. มีแนวทางที่ชัดเจนว่ารัฐมีแนวทางชัดเจนแน่นอนว่าไม่ทำร้ายประชาชน หลังจากเหตุการณ์เมือเดือน เม.ย. ได้ทำร้ายประชาชน ก็ได้เปิดโอกาสให้คณะกรรมการต่างๆ เข้ามาตรวจสอบ แนวทางต่างๆ นั้นยังเหมือนเดิม ฉะนั้นตนเข้าใจดี และมีความห่วงใย รวมทั้งให้ความสำคัญ และเข้าใจในการทำหน้าที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนที่มีความห่วงใยดี ขอยืนยันว่าสิ่งที่เราทำ จะหลีกเลี่ยงและเชื่อว่าจะไม่ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ในทางตรงกันข้าม การรักษาบ้านเมืองให้มีความสงบเรียบร้อยได้จะทำให้ผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ ไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ตามน่าจะน้อยที่สุด
เมื่อถามว่า ภาคธุรกิจได้แสดงความเป็นห่วงอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีปัญหาเพราะเคยประกาศมาแล้ว 2 ครั้ง ที่ภูเก็ต และกรุงเทพฯ ได้มีการทำความเข้าใจ ต่างประเทศ ก็เข้าใจต้องยืนยันว่าเป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันเป็น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ดีกว่าปล่อยให้เกิดปัญหาขึ้นและมาแก้ไขกัน ซึ่งจะเป็นเรื่องยาก เมื่อถามว่าจะชี้แจงในที่ประชุมยูเอ็นอย่างไร เมื่อมีการใช้ทหารเข้าควบคุมตามประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ของเราไม่มีปัญหา เพราะกฎหมายของเรากฎหมายไม่อยู่เหนือรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ทำไมถึงกำหนดกรอบเวลาในการประกาศถึงวันที่ 22 ก.ย.นี้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เพราะว่าหากมีความยืดเยื้อของเหตุการณ์จำเป็นต้องมีการประชุม ครม. จึงครอบคลุมการประชุม ครม.ครั้งต่อไป หลักเหมือนการประกาศครั้งที่แล้ว เพราะหากจำเป็นต้องต่ออายุ ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง ครม.สามารถประชุมเพื่อพิจารณาได้ ถ้าทำไม่ถึงก็ต้องเรียกประชุม ครม.นัดพิเศษ
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าใช้ระยะเวลานานมากในการประกาศทำให้มีความรู้สึกว่าเหมือนรัฐบาลเป็นรัฐบาลเผด็จการ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มี ผ่านมา 9 เดือน น่าจะชัดเจนว่ารัฐบาลนี้ไม่มีความปรารถนาที่ใช้อำนาจเกินเลยขอบเขต และต้องการให้การทำงานมีความโปร่งใส และมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย รักษากฎหมาย รักษาบรรยากาศของบ้านเมือง
เมื่อถามว่า ไม่เกี่ยวกับการตัดสินคดีกล้ายางในวันที่ 22 ก.ย.นี้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะมีข้อกำหนด อาจจะมีการตั้งด่านการตรวจอาวุธ อาจจะมีบางเส้นทางที่จำเป็นจะกำหนดการใช้เส้นทาง ยกตัวอย่างเช่น การดูแลทำเนียบรัฐบาล ดูแลไม่ให้เกิดปัญหาการปะทะกัน
“ตรงนี้อยากจะย้ำอีกครั้งว่า ประกาศเพื่อมีเครื่องมือเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่ได้ประกาศเพื่อจะได้เกิดปัญหากัน วันข้างหน้าถ้าเรามีกฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งนักวิชาการเห็นตรงกันมาก ความจำเป็นที่จะประกาศตรงนี้ก็จะหมดไป แต่วันนี้เรายังไม่มีเครื่องมือทางกฎหมายอื่น ซึ่งตัวนี้เป็นตัวที่ถือว่าเบาที่สุด ถ้าไล่จากเบาไปหาหนักจะเห็นว่า พ.ร.ก.บริหารราชาการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ประกาศกฎอัยการศึก หนักที่สุด ซึ่งเราคิดว่าไม่ถึงขนาดนั้น” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมจะไปชุมนุมที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เบื้องต้นจะขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามประสานกับแกนนำผู้ชุมนุมว่าวัตถุประสงค์คืออะไรให้ทุกอย่างอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ไม่เกิดความเข้าใจผิด หรือปะทะกัน เมื่อถามว่าจะขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ไปปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะไปที่ไหน จะไปทำไม ถ้าไปแล้วอยู่ในความสงบ ภายใต้กฎหมายก็ไม่มีปัญหา แต่หากไปที่ไหนแล้วไปละเมิดกฎหมาย รัฐบาลก็ต้องรักษากฎหมาย
เมื่อถามว่า กลุ่มผู้ชุมนุมอาจจะมีการเคลื่อนตัวตอนกลางคืนอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ด้วยเหตุผลนี้จึงต้องมีกฎหมายความมั่นคงเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาวุธซึ่งน่าจะช่วยลดความเสี่ยงตรงนั้น
เมื่อถามว่า รัฐบาลได้ประเมินสถานการณ์หน้าบ้าน พล.อ.เปรม หรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ นปช.บุกบ้านป๋า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในชั้นนี้คงตอบอะไรยาก เพราะทางผู้ชุมนุมยังไม่ได้สรุปทั้งหมดว่าการเคลื่อนไหวแต่ละช่วงเป็นอย่างไร ด้านการข่าวก็มีอยู่แต่ไม่ใช่เรื่องที่ตนจะหยิบยกมาพูดตรงนี้เรามีการฟังข้อมูลและประเมินหลายด้าน หน้าที่ของรัฐบาลคือไม่ประมาทและจะทำอะไรที่เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดปัญหามากขึ้น ตนจึงไม่ขออนุญาตตอบคำถามว่าจะมีผู้ชุมนุมกี่คน ขอยืนยันว่าหากผู้ชุมนุมใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญก็สามารถทำได้
เมื่อถามว่า ทางการข่าวห่วงเรื่องมือที่สามอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องระวังอยู่ตลอด ส่วนความเป็นห่วงที่ตำรวจจะมีอาการเกียร์ว่างนั้น ตนคิดว่ากฎหมายนี้จะช่วยคุ้มครองเจ้าหน้าที่ในระดับที่สูงขึ้น เมื่อถามถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้เครื่องมือที่มีความถี่ในการควบคุมฝูงชนหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันนี้ ซึ่งมีผลกระทบนำไปฟ้องร้อง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีการนำมาใช้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการนำมาใช้ที่สภาฯ พอมีรายงานของการร้องเรียนของผู้ชุมนุม ตนจึงได้สั่งการให้มีการรายงานถึงผลกระทบ