xs
xsm
sm
md
lg

ถกนายกฯ8ต.ค.แก้มาบตาพุดเอกชนหวั่นถูกฟ้อง-เกิดหนี้เสีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาคเอกชนในนามกกร.เตรียมตบเท้าหารือนายกฯด่วน 8 ต.ค.นี้แก้ปัญหาคำสั่งศาลปกครองฯ ระงับ 76 โครงการชั่วคราว ยันไม่เข้าข่าย 8 กิจการกระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชนร้ายแรง เอกชนบางรายเล็งยื่นฟ้องขอทุเลาคำสั่งศาลฯ หวั่นผู้รับเหมาฟ้อง ขณะที่อัยการตัวแทน 8 หน่วยงานรัฐ ยื่นอุทธรณ์ฯแล้ว แย้มหน่วยงานรัฐไม่มีอำนาจไปสั่งระงับกิจการได้ “กรณ์”มั่นใจกรณีนี้ไม่กระทบลงทุน
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยหลังการหารือกับตัวแทนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลปกครองสูงสุดกรณีให้ระงับการดำเนินงาน 67 โครงการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่นวานนี้( 2 ต.ค.) ว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)จะขอเข้าหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีวันที่ 8 ต.ค.นี้ เพื่อยื่นข้อเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเร่งด่วน เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อการลงทุนและเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะที่ ภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบต้องหยุดการดำเนินงานชั่วคราว โดยเฉพาะที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและเปิดดำเนินการแล้วนั้น เตรียมที่จะพิจารณายื่นฟ้องขอทุเลาคำสั่งศาลเพิ่มเติม เกี่ยวกับกรณีคำสั่งศาลฯที่ออกมาในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อการจ้างแรงงาน ผู้รับเหมาก่อสร้าง รวมไปถึงลูกค้า และมีผลกระทบต่อเนื่องไปถึงระบบการจ่ายหนี้ของสถาบันการเงิน ซึ่งจะเป็นปัญหาหนักของประเทศและอาจลามเหมือนกับกรณีวิกฤติปี 2540 ที่ระบบสถาบันการเงินมีปัญหา

ผวาผู้รับเหมาฟ้องหากต้องหยุด
นอกจากนี้ เอกชนยังเห็นว่า 76 โครงการนั้น ไม่ได้อยู่ในกิจการที่กระทรวงอุตสาหกรรมออกประกาศว่าด้วย 8 กิจการที่กระทบสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างรุนแรง ที่ออกมาเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา 67 แต่อย่างใด ซึ่งหากในที่สุดทั้ง 67 โครงการต้องหยุดชะงักจะส่งผลกระทบต่อแรงงานนับแสนคน อีกทั้ง ภาคเอกชนยังวิตกว่า โรงงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ แต่ผู้รับเหมาต้องทำตามสัญญาก่อสร้าง หากไปสั่งระงับให้หยุดเขาก็มีโอกาสฟ้องร้องได้

นักลงทุนตปท.ใหม่จ่อไปที่อื่น
นายสันติกล่าวว่า ล่าสุดตัวแทนจากส.อ.ท.เดินทางไปประชุมที่รัสเซียมีนักลงทุนสอบถามจำนวนมาก โดยเฉพาะเป็นนักลงทุนใหม่ และยังระบุว่าหากประเทศไทยไม่ชัดเจนก็คงจะต้องงัดแผน 2 คือการไปยังประเทศอื่นๆแทน ซึ่งสอดคล้องกับที่เอกชนมีการสอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)จำนวนมากเช่นกัน หากปล่อยให้เรื่องนี้ล่าช้าจะยิ่งกระทบต่อประเทศไทย
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้หอการค้าต่างประเทศ ได้ส่งหนังสือเข้ามาสอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบ้างแล้ว เช่น หอการค้าญี่ปุ่นและหอการค้าสหรัฐฯ ที่เริ่มรู้สึกวิตกกับบรรยากาศการลงทุนแบบนี้ เพราะที่ผ่านามานักลงทุนก็ทำตามขั้นตอนทุกอย่างแล้ว แต่ก็ยังเกิดปัญหาขึ้น
ทำให้เห็นว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะลงทุนทำธุรกิจ

กรณ์ยันต่างชาติไม่ถอนลงทุน
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า ตนได้ชี้แจงต่อนักธุรกิจจากเบลเยี่ยม นอร์เวย์ สวีเดน ในการเดินทางไปประเทศตุรกีว่า รัฐบาลไทยได้มีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแล้ว นอกจากนี้ ยังมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่สิ่งสำคัญต้องพิสูจน์คำนิยาม และความหมายถึงผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้โครงการที่ได้รับอนุญาตแล้ว สามารถเดินหน้าต่อไปได้
“ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากกรณีที่เกิดขึ้น เชื่อว่าการถอนเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากที่ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานในประเทศ คงไม่ง่ายเหมือนการถอนการลงทุนในตลาดหุ้นที่เป็นการลงทุนระยะสั้น "

โรงกลั่นขอเลื่อนบังคับยูโรโฟร์
นายชายน้อย เผื่อโกสุม ประธานกลุ่มโรงกลั่น ส.อ.ท.กล่าวว่า กลุ่มโรงกลั่นอาจต้องเสนอกระทรวงพลังงาน ให้เลื่อนการบังคับใช้มาตรฐานน้ำมันยูโรโฟร์ที่จะมีผล 1 ม.ค. 55 ออกไป หากโครงการปรับเปลี่ยนมาตรฐานน้ำมันยูโรโฟร์ซึ่งมี 2 โรงกลั่นได้รับผลกระทบจาก 67 โครงการต้องชะลอการก่อสร้างออกไป เนื่องจากกำหนดเดิมจะต้องเสร็จปลายปี 2554 คงไม่สามารถทำได้ทัน
ด้านนายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่าพร้อมที่จะพิจารณาให้หากโรงกลั่นทำหนังสือมาถึง เพราะไม่ได้เกิดจากตัวบริษัท แต่เป็นเรื่องนโยบายรัฐ

กนอ.ร่อนหนังสือสัปดาห์หน้า
นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.)กล่าวว่า กนอ.เตรียมหารืออัยการเพื่อที่จะพิจารณาข้อกฏหมายก่อนที่จะส่งหนังสือถึงผู้ประกอบการที่อยู่ในการดูแลของ กนอ. 60 ราย ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อชี้แจงสาระสำคัญของคำสั่งศาลปกครองและผลกระทบจากคำสั่งศาลฯที่เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบการรับทราบและเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลปกครองสูงสุดวานนี้ (2ต.ค.)นาย ประศาสน์ชัย ตัณฑพานิช อธิบดีอัยการฝ่ายคดีปกครอง สำนักงานอัยการสูงสุด รับมอบอำนาจจากรัฐบาลและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อขอให้ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาและกลับคำสั่งศาลปกครองกลาง ที่มีคำสั่งบรรเทาทุกข์ชั่วคราวและให้หยุดดำเนินการ 76 โครงการ ในพื้นที่ ต.มาบตาพุด อ.บ้านฉาง และพื้นที่ใกล้เคียง จ.ระยอง ชี้ไม่มีกม.ให้หน่วยงานรัฐบังคับชะลอโครงการ
นายประศาสน์ชัย กล่าวว่า การที่เดินทางเข้ายื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอให้ศาลพิจารณาใน 2 ประเด็น คือ 1.ขอให้กลับคำสั่งศาลปกครองกลาง โดยให้ยกคำร้องที่ขอคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวของผู้ฟ้องคดีทั้ง 43 คน 2.ขอให้ศาลมีคำสั่งระงับคำสั่งของศาลปกครองกลาง ที่มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องระงับโครงการหรือกิจกรรมทั้ง 76 โครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ในพื้นที่ ต.มาบตาพุด และพื้นที่ใกล้เคียง จ.ระยอง
“ ขณะนี้ ไม่มีกฎหมายให้หน่วยงานของรัฐไปสั่งระงับการดำเนิน 76 โครงการได้ แต่กฎหมายรัฐธรรมนูญได้กำหนดให้รัฐบาลเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งตนเชื่อว่า หน่วยงานของรัฐที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดและเป็นธรรมที่สุดต่อผู้ลงทุน เพียงแต่บางอย่างอาจไม่สอดคล้องกับความเห็นของประชาชน ส่วนกลุ่มองค์กรอิสระระบุการยื่นอุทธรณ์เป็นการกระทำที่ไร้คิดว่า เรื่องนี้เป็นการมองคนละมุมระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยหากมีผลกระทบต่อภาพรวมมาก ก็ควรแก้ไขที่กฎหมาย”นายประศาสน์ชัยกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น