xs
xsm
sm
md
lg

เปิดกลโกงขบวนการฮุบป่าเชียงราย (ตอนที่2) : เล่ห์ป่าไม้-ที่ดินร่วมเอกชนฮุบสวนป่าราชการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การทุจริตบุกรุกพื้นที่สวนป่าของรัฐที่ได้ลงทุนปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจบริเวณทางขึ้นดอยแม่สลอง เขต ต.ป่าซาง อ.แม่จัน จ.เชียงราย มีความซับซ้อนและเป็นมายาวนาน ผู้เกี่ยวข้องมีทั้งเอกชนจากส่วนกลาง ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ที่ดิน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และนักการเมืองในพื้นที่
เมื่อเร็วๆ นี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) ได้บินสำรวจ ป่าแม่สลอง พบว่า มีการบุกรุกอย่างหนัก เหลือป่าที่สมบูรณ์ประมาณ 20-30%
ภาพข่าวทางโทรทัศน์เผยแพร่ไปทั่วประเทศเมื่อเร็ว ๆ นี้แสดงให้เห็นถึงการบุกรุกพื้นที่ต้นน้ำและเทือกเขาแหว่งวิ่นเป็นที่พื้นที่กว้างหลายพันไร่

เดิมนั้นป่าแห่งนี้เป็นพื้นที่ปลูกป่าของหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สลอง ต่อมากรมป่าไม้ได้ส่งมอบแปลงปลูกป่าดังกล่าวให้แก่องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(อ.อ.ป.)จำนวน 6,650 ไร่ เมื่อ 3 มิถุนายน 2548 แต่ปรากฏว่า อ.อ.ป. ได้ไปเฉพาะเอกสาร เพราะในทางปฏิบัติที่ดินทั้งหมดกลายเป็นที่โฉนดของเอกชนไปแล้ว จากการตรวจสอบพบเป็นโฉนดถึง 5,481 ไร่ อ.อ.ป.จึงขอส่งมอบพื้นที่กลับคืน

การตรวจสอบของคณะกรรมการสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้รื้อแฟ้มคดีย้อนหลังและติดต่อทราบปากคำจากผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนพบความจริงที่น่าตระหนก เพราะที่ดินเกือบทั้งหมดที่เป็นโฉนดนั้นคือที่ดินของรัฐที่ได้ลงทุนงบประมาณปลูกป่ามาอย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญในการขอออกโฉนดในพื้นที่หลายพันไร่ เมื่อปี 2534 มีขบวนการแอบอ้างประชาชนในพื้นที่มาบังหน้า มีการใช้เอกสารปลอมประกอบการขอออกเอกสารที่มาจากกรมป่าไม้เป็นของปลอม

แท้จริงแล้วชื่อของประชาชนที่ปรากฏในโฉนดก่อนจะขายต่อให้บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ 2 รายหาใช่เจ้าของที่ดินตัวจริงเลย

กรมป่าไม้เจ้าของพื้นที่เดิม ทราบเรื่องการออกโฉนดทับแปลงปลูกป่าต้นน้ำเป็นอย่างดี เพราะเมื่อ วันที่ 10 มิถุนายน 2536 ได้มีหนังสือลับ ด่วนที่สุดที่ กษ.0722/14 ไปยังพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงราย สาขาแม่จัน ว่า เอกสารคำรับรองและแผนที่เพื่อประกอบการออกเอกสารสิทธิเป็นเอกสารปลอม และปฏิเสธความรับผิดชอบในเอกสารดังกล่าวไม่ว่ากรณีใด ๆ

น่าประหลาดใจที่นับจากกรมป่าไม้มีหนังสือลับ และด่วนที่สุดดังกล่าวไป เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ทุกระดับน่าจะรับทราบถึงความไม่ชอบมาพากลและต้องระมัดระวังในการดำเนินการใด ๆ ในที่ผืนนี้ และต้องพยายามติดตามที่ปลูกป่าของราชการคืนมา กลับปรากฏว่า ในอีกไม่กี่ปีต่อมา กลับมีเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้ สนับสนุนเอกชนผู้ถือครองที่ดินอนุญาตให้เป็นแปลงปลูกป่าเอกชน ทำให้เรื่องราวซับซ้อนยุ่งยากขึ้นไปอีก ที่สำคัญคือ การได้เข้าร่วมโครการงบการส่งเสริมปลูกไม้เศรษฐกิจจะได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลไร่ละ 3,000 บาท/ปี

หากขึ้นทะเบียน 1 พันไร่ จะได้เงินจากการนี้ 3,000,000 บาท/ปี

ไม่นับรวมที่ขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่าเอกชนที่จะมีตราตีไม้ของตนเอง เพื่อสวมไม้เศรษฐกิจมูลค่าสูงที่รัฐได้ลงทุนปลูกไปก่อนหน้า

การสืบสวนของเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องหลายปาก โดยทางภาครัฐคือผู้ที่หน้าที่ปลูกป่าของหน่วยจัดการต้นน้ำ บอกว่า ทางหน่วยได้ปลูกต้นไม้ที่มีค่าทางเศรษฐกิจหลายชนิด ปรากฏว่า แปลงปลูกป่าของปี 2523 ที่มีต้นสักรวมอยู่ด้วย กลับถูกตัดโค่น 50-60 ท่อน และน่าเจ็บใจกว่านั้นคือ ต้นสักของราชการถูกตีตรากลายเป็นต้นสักในแปลงสวนป่าเอกชน

ปัจจุบันแปลงปลูกป่าปี 2523 กลายเป็นสวนป่าของบริษัทไฮแลนด์รีสอร์ท จำกัด และแปลงปลูกป่าปี 2522 เป็นของบริษัท ไพน์เลคฮิลล์ จำกัด ทั้งสองบริษัทมีผู้ประสานงานในพื้นที่นามสกุลเดียวกันคือ นามสกุล ปัญญาโกน

ราษฎรบังหน้า-ปลอมเอกสารขอโฉนด

การสืบสวนได้ถามราษฎร ที่มีรายชื่อเป็นเจ้าของโฉนดก่อนจะขายให้บริษัทเอกชนหลายราย ทั้งหมดยืนยันว่าเมื่อประมาณปี 2534 ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ได้เรียกไปลงนามในหนังสือที่จัดเตรียมไว้ และต่อมาให้ไปลงนามขอที่ดินที่สำนักงานที่ดิน สาขาแม่จัน เอกสารทั้งหมดมีผู้จัดเตรียมไว้ให้ ต่อมาเมื่อออกโฉนดแล้วเสร็จผู้ใหญ่บ้านนำเงินมาให้รายละ 4,000-15,000 บาท

แต่นี่ยังไม่สำคัญเท่ากับมีการนำเอกสารของกรมป่าไม้รับรองแนวเขต เพื่อประกอบการขอออกกรรมสิทธิ์ที่ดินด้วยซึ่งต่อมาทางกรมป่าไม้ได้มีหนังสือปฏิเสธความเกี่ยวข้องใด ๆ

เหตุการณ์ในชั้นต่อมาเมื่อปี 2540 ระหว่างที่ นายดำรงค์ พิเดช ดำรงตำแหน่งป่าไม้จังหวัดเชียงราย บริษัทเอกชนได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่าเอกชน ผ่านเทคนิคให้เกษตรกรเช่าช่วงที่ดิน ในโครงการส่งเสริมเอกชนปลูกป่า ผลประโยชน์จากการนี้จะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลไร่ละ 3,000 บาท

การสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องที่มีชื่อขอรับการส่งเสริมระบุว่า ตัวแทนของบริษัทเอกชนเรียกให้ตนไปลงชื่อในโครงการซึ่งมีการเตรียมการเอาไว้เรียบร้อย ต่อมาก็เรียกให้ไปชี้แปลงปลูกต้นไม้ที่ได้เตรียมเอาไว้ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ป่าไม้

ขั้นตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยโดยตรง แต่ป่าไม้จังหวัดในยุคนั้นกลับไม่ยึดเอาหนังสือการปฏิเสธไม่รับรองการออกโฉนดที่ได้ส่งไปเมื่อปี 2536 เพราะหากยึดหนังสือฉบับนั้นกรมป่าไม้จะต้องถือว่า ที่ดินทั้งหมดยังคงเป็นแปลงปลูกป่าของรัฐบาลเช่นเดิม

ผู้ให้ปากคำยังบอกว่า ต่อมาตนจะได้รับเช็คจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ แต่ก็มีตัวแทนบริษัทนำไปหมด ตนได้รับค่าตอบแทนในการลงชื่อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หลักฐานสำคัญ ที่ชี้ให้เห็นว่า ป่าไม้จังหวัดได้เคยยืนยันไปถึงเจ้าพนักงานที่ดิน ว่า  เอกสารที่นำไปประกอบการออกโฉนด เป็นเอกสารปลอม ขณะที่ 4 ปี ต่อมา เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัด กลับไปอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่าเอกชน
มือดีแช่เรื่อง เตะสกัด

เมื่อปี 2547 ระหว่างที่รัฐบาลมีนโยบายเข้มงวดการบุกรุกป่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ในยุคที่มีนาย สุวิทย์ คุณกิตติ เอาจริงกับเรื่องดังกล่าวมีการตั้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบปัญหาการออกโฉนดรุกแปลงปลูกป่ารัฐบาลที่แม่สลอง

แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีเมื่อเดือนมีนาคม 2548 และมีการตั้งอธิบดีกรมอุทยานฯคนใหม่เป็นนายดำรงค์ พิเดช ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน บรรดาข้าราชการที่ทำคดีบุกรุกดังกล่าวต่างถูกโยกย้ายออกจากพื้นที่ทั้งหมด

คดีเอกชนออกโฉนดทับที่ป่า และมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นให้หาประโยชน์จากขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่าเอกชนคดีนี้ก็เงียบหายไป

มีพยายามรื้อฟื้นเรื่องนี้มาเป็นระยะโดยเฉพาะในปี 2550 และเมื่อปี 2551 กรมอุทยานฯ ได้โดยได้รายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตออกโฉนดทับซ้อนพื้นที่สวนป่าหน่วยจัดการต้นน้ำแม่สลอง ให้กับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามหนังสือประทับตราลับ ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2551

แต่น่าสนใจว่า ไม่มีการดำเนินการใด ๆ เพื่อจัดการปัญหานี้อย่างจริงจัง และน่าเชื่อว่ามีการสกัดเรื่องเอาไว้ไม่ให้ถึงมือระดับนโยบาย แม้กระทั่งถึงโต๊ะของปลัดกระทรวงก็ยังไม่ถึงทั้ง ๆ ที่เรื่องได้ผ่านไปกว่าปีจนกระทั่งได้มีการรื้อฟื้นเรื่องมาใหม่โดยผ่านทางส.ส.รัฐบาล ประสานไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติในทางหนึ่ง และทางหนึ่งผ่านการร้องเรียนยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5

เรื่องนี้จึงกลับเข้ามาสู่เส้นทางการตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง

(ติดตามอ่านตอน3-จบ เดิมพันสูง-คดีมีตอ)
กำลังโหลดความคิดเห็น