ศูนย์ข่าวภาคเหนือ - กลุ่มเสื้อแดงเชียงรายวงแตก หลังผลประโยชน์ไม่ลงตัว ตั้งโต๊ะถล่ม 24 มิถุนาฯเละ แฉบีบสมาชิกขายปุ๋ยให้แต่ "ชัยสิทธิ์"-อมเงินค่าหัวขนคนเข้ากรุง "บุ๋ม-แกนนำ24มิถุนาฯ" ลากใส่กลับทันควันมีแกนนำบางคนในเชียงรายแอบรับค่าเดินทางแล้ว 20,000 บาท แต่ยังจะเอาอีก 5,000 บาท
รายงานข่าวจาก จ.เชียงรายแจ้งว่า ที่ร้าน ส.เฟอร์นิเจอร์ หมู่บ้านขัวแคร่ หมู่ 1 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นของ น.ส.เกษนีย์ ชื่นชม หรือ"เจ๊ดำ" และนายออด สุกตะโก หรือ "ลุงออดหมวกใหญ่" สองแกนนำเสื้อแดงคนสำคัญที่เคยอยู่กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยเชียงราย ได้นำแกนนำคนเสื้อแดงหลายคนร่วมกันประชุมหารือเมื่อวันที่ 28 ก.ย.52 เกี่ยวกับจุดยืนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงในเชียงรายในอนาคต ซึ่งในครั้งนี้มีการหารือกันถึงการร่วมกับกลุ่ม 24 มิถุนาฯที่มี น.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ หรือ "บุ๋ม" เป็นแกนนำ
**ประกาศแยกตัวกลุ่ม24มิถุนาฯ
จากนั้นทั้งหมดได้มีมติว่า ขอถอนตัวออกจากกลุ่มนี้ทั้งหมดและหันไปร่วมกับชมรมคนรักทักษิณที่มีประธานชมรมคือนางมติ แซ่อั้ง หรือ "เจ๊หมวย" เจ้าของร้านเนื้อวัวรสเยี่ยมซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีอาญานิยมไปรับประทานแทน
น.ส.เกษนีย์ และนายออด ได้นำคณะออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า กลุ่มมีความเห็นในการแยกตัวออกจากกลุ่ม 24 มิถุนาฯ และไปร่วมกับชมรมคนรักทักษิณแทน สาเหตุหลักๆ เกิดจากการไม่สามารถทำงานร่วมกับ น.ส.จิรนันท์ เพราะไม่มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ในกลุ่มเสื้อแดง มีท่าทีรุนแรง ไม่ประกอบกิจกรรมตามแนวคิดในการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ กลับคืนสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และหันไปประกอบธุรกิจในโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างถาวรของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขายปุ๋ย รวมทั้งไม่มีความโปร่งใสด้านการเงินภายในกลุ่ม และใช้การตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ฟังเสียงของสมาชิกส่วนใหญ่ด้วย
**อัด"บุ๋ม"รับแต่งานของ"ชัยสิทธิ์"
นายออด กล่าวว่า พวกเราจำเป็นต้องลาออกเพราะเราอยู่ร่วมอุดมการณ์กันไม่ได้ เพราะเป็นคนก้าวร้าวไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ และตั้งแต่ได้โครงการแก้จนอย่างถาวรของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปโดยมุ่งแต่จะหาสมาชิกมาดำเนินโครงการนี้มาโดยตลอด กระทั่งเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาเป็นวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมกันที่กรุงเทพฯ ก็ปรากฏว่า น.ส.จิรนันท์ ได้ประกาศห้ามทุกคนทั้งเชียงรายและที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ไม่ให้เดินทางไปชุมนุมอ้างว่าจะพาคนไปตายเสียอีก
นายออด กล่าวอีกว่า โครงการแก้จนอย่างถาวรนั้นมีการจำหน่ายปุ๋ยเพื่อให้ได้กำไรกระสอบละ 20-40 บาท ตนเข้าใจและไม่ได้โง่เหมือนควาย แต่ขอบอกว่ามันผิดวัตถุประสงค์ของการต่อสู้ของกลุ่ม 24 มิถุนาฯ และครั้งหนึ่งตนเคยไปรวบรวมกลุ่มที่ อ.แม่สรวย ได้คนประมาณ 500 คนทุกคนมีแนวทางเคลื่อนไหวด้วยอุดมการณ์คนเสื้อแดงแต่ตนกลับถูกต่อว่าว่าไม่ได้ดูแลคนในกลุ่มเรื่องการซื้อปุ๋ยจากโครงการอีก
"เมื่อมีการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาผมก็จะไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ ด้วย แต่ก็มีการประกาศทางวิทยุชุมชนไม่ให้ชาวบ้านไป ผมก็งงสอบถามไปหลายฝ่ายก็ทราบว่า น.ส.จิรนันท์ ไม่ให้ไป แต่มีปรากฏว่ากลับมีคนโทรศัพท์ไปหาคุณสมชาย (สมชาย ไพบูลย์ ตัวแทนที่รับรองคนเสื้อแดงเข้ากรุงเทพฯ) กลับบอกว่ามีคนโทรศัพท์ไปประสานค่าใช้จ่ายแล้ว 5,000 บาท"
นายออด กล่าวว่า ตนรู้ว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้างและเมื่อแยกตัวออกมาแล้วก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าขับเคลื่อนกับคนเสื้อแดงต่อไปแม้จะไม่มีวิทยุชุมชนที่ น.ส.จิรนันท์ ได้จัดอยู่ก็ตามแต่ก็จะใช้การประสานงานกันทางโทรศัพท์ โดยวันที่ 13 ต.ค.จะพากันเดินทางไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ เพื่อรำลึกเหตุการณ์ 14 ต.ค.2519 จำนวนคนประมาณ 1 รถบัส
**แฉถูกบีบขายปุ๋ยกระสอบละ 900
ด้าน น.ส.เกษนีย์ กล่าวว่า ระยะหลังมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง และไม่ได้ต่อสู้ตามอุดมการณ์เดิมพวกเราคงอยู่ในกลุ่มเดิมอีกไม่ได้ เพราะการเคลื่อนไหวต้องทำอย่างต่อเนื่องและไม่ใช่เน้นทำเฉพาะในพื้นที่เท่านั้น เพราะถ้าพูดกันอย่างหยาบๆ หมาถ้าเห่าในบ้านไม่ออกไปกัดข้างนอกมันก็ไม่มีประโยชน์ คนเราจะมีผลงานเราต้องออกไปข้างนอก กิจกรรมสำคัญๆ ที่เราพูดถึงคือวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาแต่กลับมีการประกาศทางวิทยุชุมชนห้ามไม่ให้ไปกัน ทั้งๆ ที่เป็นวันครบรอบ 3 ปีของการปฏิวัติ และเมื่อมีข่าวว่าพวกเราจะแยกตัวออกมาก็มีการประกาศด่ากันทางวิทยุอีกดังนั้นต่อไปนี้เมื่อพวกเราถอนตัวออกมาแล้วยังมีการกล่าวหาให้ร้ายกันอีกก็คงดำเนินการตามกฎหมาย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากนั้นได้มีการจัดให้แกนนำอีกหลายคนผลัดเปลี่ยนกันแถลง บางคนระบุว่ายอดเงินบริจาคเพื่อสมทบทุนสร้างวิทยุชุมชนที่ผ่านมามีการแจกแจงเฉพาะเงินบาทที่ประชาชนบริจาคแต่ไม่แจกแจงเงินดอลล่าร์สหรัฐ รวมทั้งระบุว่าที่ผ่านมามีปัญหาในการขับเคลื่อนอย่างหนักเพราะเมื่อมีงบประมาณดำเนินการดังกล่าวแต่การชุมนุมแต่ละครั้งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะไม่มีค่ารถ ค่าอาหาร ฯลฯ บางคนถูกบังคับให้ไปขายปุ๋ยกระสอบละ 900 บาท โดยแกนนำระดับอำเภอต้องรับประกันการขายหากว่าขายไม่หมดก็ต้องชดเชยด้วยเงินของตัวเอง
ขณะเดียวกันมีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดตั้งวิทยุชุมชนของกลุ่ม 24 มิถุนาฯว่า ตั้งบนที่ดินภายในบ้านของ น.ส.จิรนันท์ โดยไม่ยอมให้ไปสร้างที่อื่น หรือไม่ยอมรับการบริจาคแบบให้ฟรีจากผู้ที่มีจิตศรัทธาจะบริจาค แต่กลับไปรับการบริจาคเป็นเงินจากนักการเมืองซึ่งก็ไม่รู้ว่ายอดเงินที่เหลือหายไปไหนด้วย
**"บุ้ม"แฉกลับรับ 2 หมื่นยังจะเอาอีก
ด้าน น.ส.จิรนันท์ กล่าวตอบโต้ว่า ตนยืนยันว่ามีการชี้แจงเรื่องการเงินของกลุ่มให้กับสมาชิกได้รับทราบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ส่วนค่าจัดทำห้องส่งวิทยุชุมชนก็มีเม็ดเงินที่ตรวจสอบได้จำนวน 270,000 บาท แต่มีคนอยากจะให้นำเงินเหล่านี้ออกไปให้สมาชิกบางคนกู้ยืมซึ่งตนขอแจ้งว่าทำไม่ได้เพราะไม่ใช่เงินของเรา แต่เป็นของประชาชนและผู้ทรงคุณวุฒิที่ร่วมบริจาค จึงเป็นที่มาของขบวนการใส่ร้ายป้ายสี
สำหรับกรณีวันที่ 19 ก.ย.สาเหตุที่ตนไม่สนับสนุนให้คนไปกรุงเทพฯ เพราะรู้ข่าวว่ารัฐบาลจะมีการใช้ความรุนแรงและรู้ว่าแกนนำบางคนในพื้นที่ จ.เชียงราย ได้รับเงินค่าเดินทางแล้ว 20,000 บาท แต่ยังจะเอาอีก 5,000 บาท ตนจึงต่อรองให้นำไปเข้ากลุ่มเสีย 2,500 บาท เพราะกลุ่มต้องมีกิจกรรมต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของการใส่ร้ายตนอีกเช่นกัน ถึงขั้นมีการโทรศัพท์ไปยังสภาพัฒนาการเมืองให้ยกเลิกงบประมาณสนับสนุนกลุ่มในพื้นที่ อ.แม่จัน อีก 80,000 บาทด้วย ทั้งนี้ ยืนยันว่าการขับเคลื่อนทางการเมืองของตนจะเดินหน้าต่อไปแม้จะมีคนถอนตัวไปก็ตาม
รายงานข่าวจาก จ.เชียงรายแจ้งว่า ที่ร้าน ส.เฟอร์นิเจอร์ หมู่บ้านขัวแคร่ หมู่ 1 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย ซึ่งเป็นของ น.ส.เกษนีย์ ชื่นชม หรือ"เจ๊ดำ" และนายออด สุกตะโก หรือ "ลุงออดหมวกใหญ่" สองแกนนำเสื้อแดงคนสำคัญที่เคยอยู่กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยเชียงราย ได้นำแกนนำคนเสื้อแดงหลายคนร่วมกันประชุมหารือเมื่อวันที่ 28 ก.ย.52 เกี่ยวกับจุดยืนการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดงในเชียงรายในอนาคต ซึ่งในครั้งนี้มีการหารือกันถึงการร่วมกับกลุ่ม 24 มิถุนาฯที่มี น.ส.จิรนันท์ จันทวงษ์ หรือ "บุ๋ม" เป็นแกนนำ
**ประกาศแยกตัวกลุ่ม24มิถุนาฯ
จากนั้นทั้งหมดได้มีมติว่า ขอถอนตัวออกจากกลุ่มนี้ทั้งหมดและหันไปร่วมกับชมรมคนรักทักษิณที่มีประธานชมรมคือนางมติ แซ่อั้ง หรือ "เจ๊หมวย" เจ้าของร้านเนื้อวัวรสเยี่ยมซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคดีอาญานิยมไปรับประทานแทน
น.ส.เกษนีย์ และนายออด ได้นำคณะออกแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า กลุ่มมีความเห็นในการแยกตัวออกจากกลุ่ม 24 มิถุนาฯ และไปร่วมกับชมรมคนรักทักษิณแทน สาเหตุหลักๆ เกิดจากการไม่สามารถทำงานร่วมกับ น.ส.จิรนันท์ เพราะไม่มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่ในกลุ่มเสื้อแดง มีท่าทีรุนแรง ไม่ประกอบกิจกรรมตามแนวคิดในการช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ กลับคืนสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และหันไปประกอบธุรกิจในโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างถาวรของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขายปุ๋ย รวมทั้งไม่มีความโปร่งใสด้านการเงินภายในกลุ่ม และใช้การตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ฟังเสียงของสมาชิกส่วนใหญ่ด้วย
**อัด"บุ๋ม"รับแต่งานของ"ชัยสิทธิ์"
นายออด กล่าวว่า พวกเราจำเป็นต้องลาออกเพราะเราอยู่ร่วมอุดมการณ์กันไม่ได้ เพราะเป็นคนก้าวร้าวไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ และตั้งแต่ได้โครงการแก้จนอย่างถาวรของ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปโดยมุ่งแต่จะหาสมาชิกมาดำเนินโครงการนี้มาโดยตลอด กระทั่งเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาเป็นวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงนัดชุมนุมกันที่กรุงเทพฯ ก็ปรากฏว่า น.ส.จิรนันท์ ได้ประกาศห้ามทุกคนทั้งเชียงรายและที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ไม่ให้เดินทางไปชุมนุมอ้างว่าจะพาคนไปตายเสียอีก
นายออด กล่าวอีกว่า โครงการแก้จนอย่างถาวรนั้นมีการจำหน่ายปุ๋ยเพื่อให้ได้กำไรกระสอบละ 20-40 บาท ตนเข้าใจและไม่ได้โง่เหมือนควาย แต่ขอบอกว่ามันผิดวัตถุประสงค์ของการต่อสู้ของกลุ่ม 24 มิถุนาฯ และครั้งหนึ่งตนเคยไปรวบรวมกลุ่มที่ อ.แม่สรวย ได้คนประมาณ 500 คนทุกคนมีแนวทางเคลื่อนไหวด้วยอุดมการณ์คนเสื้อแดงแต่ตนกลับถูกต่อว่าว่าไม่ได้ดูแลคนในกลุ่มเรื่องการซื้อปุ๋ยจากโครงการอีก
"เมื่อมีการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาผมก็จะไปร่วมชุมนุมที่กรุงเทพฯ ด้วย แต่ก็มีการประกาศทางวิทยุชุมชนไม่ให้ชาวบ้านไป ผมก็งงสอบถามไปหลายฝ่ายก็ทราบว่า น.ส.จิรนันท์ ไม่ให้ไป แต่มีปรากฏว่ากลับมีคนโทรศัพท์ไปหาคุณสมชาย (สมชาย ไพบูลย์ ตัวแทนที่รับรองคนเสื้อแดงเข้ากรุงเทพฯ) กลับบอกว่ามีคนโทรศัพท์ไปประสานค่าใช้จ่ายแล้ว 5,000 บาท"
นายออด กล่าวว่า ตนรู้ว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้างและเมื่อแยกตัวออกมาแล้วก็ยืนยันว่าจะเดินหน้าขับเคลื่อนกับคนเสื้อแดงต่อไปแม้จะไม่มีวิทยุชุมชนที่ น.ส.จิรนันท์ ได้จัดอยู่ก็ตามแต่ก็จะใช้การประสานงานกันทางโทรศัพท์ โดยวันที่ 13 ต.ค.จะพากันเดินทางไปชุมนุมที่กรุงเทพฯ เพื่อรำลึกเหตุการณ์ 14 ต.ค.2519 จำนวนคนประมาณ 1 รถบัส
**แฉถูกบีบขายปุ๋ยกระสอบละ 900
ด้าน น.ส.เกษนีย์ กล่าวว่า ระยะหลังมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง และไม่ได้ต่อสู้ตามอุดมการณ์เดิมพวกเราคงอยู่ในกลุ่มเดิมอีกไม่ได้ เพราะการเคลื่อนไหวต้องทำอย่างต่อเนื่องและไม่ใช่เน้นทำเฉพาะในพื้นที่เท่านั้น เพราะถ้าพูดกันอย่างหยาบๆ หมาถ้าเห่าในบ้านไม่ออกไปกัดข้างนอกมันก็ไม่มีประโยชน์ คนเราจะมีผลงานเราต้องออกไปข้างนอก กิจกรรมสำคัญๆ ที่เราพูดถึงคือวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมาแต่กลับมีการประกาศทางวิทยุชุมชนห้ามไม่ให้ไปกัน ทั้งๆ ที่เป็นวันครบรอบ 3 ปีของการปฏิวัติ และเมื่อมีข่าวว่าพวกเราจะแยกตัวออกมาก็มีการประกาศด่ากันทางวิทยุอีกดังนั้นต่อไปนี้เมื่อพวกเราถอนตัวออกมาแล้วยังมีการกล่าวหาให้ร้ายกันอีกก็คงดำเนินการตามกฎหมาย
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากนั้นได้มีการจัดให้แกนนำอีกหลายคนผลัดเปลี่ยนกันแถลง บางคนระบุว่ายอดเงินบริจาคเพื่อสมทบทุนสร้างวิทยุชุมชนที่ผ่านมามีการแจกแจงเฉพาะเงินบาทที่ประชาชนบริจาคแต่ไม่แจกแจงเงินดอลล่าร์สหรัฐ รวมทั้งระบุว่าที่ผ่านมามีปัญหาในการขับเคลื่อนอย่างหนักเพราะเมื่อมีงบประมาณดำเนินการดังกล่าวแต่การชุมนุมแต่ละครั้งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะไม่มีค่ารถ ค่าอาหาร ฯลฯ บางคนถูกบังคับให้ไปขายปุ๋ยกระสอบละ 900 บาท โดยแกนนำระดับอำเภอต้องรับประกันการขายหากว่าขายไม่หมดก็ต้องชดเชยด้วยเงินของตัวเอง
ขณะเดียวกันมีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการจัดตั้งวิทยุชุมชนของกลุ่ม 24 มิถุนาฯว่า ตั้งบนที่ดินภายในบ้านของ น.ส.จิรนันท์ โดยไม่ยอมให้ไปสร้างที่อื่น หรือไม่ยอมรับการบริจาคแบบให้ฟรีจากผู้ที่มีจิตศรัทธาจะบริจาค แต่กลับไปรับการบริจาคเป็นเงินจากนักการเมืองซึ่งก็ไม่รู้ว่ายอดเงินที่เหลือหายไปไหนด้วย
**"บุ้ม"แฉกลับรับ 2 หมื่นยังจะเอาอีก
ด้าน น.ส.จิรนันท์ กล่าวตอบโต้ว่า ตนยืนยันว่ามีการชี้แจงเรื่องการเงินของกลุ่มให้กับสมาชิกได้รับทราบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ส่วนค่าจัดทำห้องส่งวิทยุชุมชนก็มีเม็ดเงินที่ตรวจสอบได้จำนวน 270,000 บาท แต่มีคนอยากจะให้นำเงินเหล่านี้ออกไปให้สมาชิกบางคนกู้ยืมซึ่งตนขอแจ้งว่าทำไม่ได้เพราะไม่ใช่เงินของเรา แต่เป็นของประชาชนและผู้ทรงคุณวุฒิที่ร่วมบริจาค จึงเป็นที่มาของขบวนการใส่ร้ายป้ายสี
สำหรับกรณีวันที่ 19 ก.ย.สาเหตุที่ตนไม่สนับสนุนให้คนไปกรุงเทพฯ เพราะรู้ข่าวว่ารัฐบาลจะมีการใช้ความรุนแรงและรู้ว่าแกนนำบางคนในพื้นที่ จ.เชียงราย ได้รับเงินค่าเดินทางแล้ว 20,000 บาท แต่ยังจะเอาอีก 5,000 บาท ตนจึงต่อรองให้นำไปเข้ากลุ่มเสีย 2,500 บาท เพราะกลุ่มต้องมีกิจกรรมต่อเนื่อง จึงเป็นที่มาของการใส่ร้ายตนอีกเช่นกัน ถึงขั้นมีการโทรศัพท์ไปยังสภาพัฒนาการเมืองให้ยกเลิกงบประมาณสนับสนุนกลุ่มในพื้นที่ อ.แม่จัน อีก 80,000 บาทด้วย ทั้งนี้ ยืนยันว่าการขับเคลื่อนทางการเมืองของตนจะเดินหน้าต่อไปแม้จะมีคนถอนตัวไปก็ตาม
