ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.โหมโรง "LTF-RMF" เอาใจมนุษย์เงินเดือน รับสิทธิลดหย่อนภาษีช่วงปลายปี "เอ็มเอฟซี" ส่งแคมเปญลุ้นโชค 3 ต่อ แจกสลากออมสินลุ้นรางวัลใหญ่ พร้อมเกาะกระแส BlackBerry ซื้อครบ 1.5 ล้านให้สิทธิร่วมลุ้น ล่าสุ เตรียมนำทัพเดินสายโรดโชว์ให้ข้อมูลทั่วกรุงเดือนหน้า ด้าน "อเบอร์ดีน" แนะ ซื้อสะสมทุกเดือนเฉลี่ยต้นทุน ชี้ดัชนีมีโอกาสปรับฐาน แต่ไม่น่ากลัว
นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปีมีโอกาสที่จะปรับขึ้นไปได้อีก เนื่องจากยังคงมีกระแสเงินสดไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงนับเป็นจังหวะที่ดีของการลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี และเพื่อเป็นการกระตุ้นการลงทุนในช่วงปลายปี บลจ.เอ็มเอฟซี จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF) ขึ้น ภายใต้แคมเปญ “Double Bonus” ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนที่จะลงทุนผ่านกองทุน RMF/LTF กับบลจ.เอ็มเอฟซี รับโชคเพิ่มถึง 3 ต่อ
โดยโชคต่อที่ 1 ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดถึง 500,000 บาท โชคต่อที่ 2 รับฟรีหน่วยสลากออมสินจากเดิมมูลค่า 50 บาทเพิ่มเป็น 2 เท่าคือ 100 บาท เพื่อลุ้นรับรางวัลจากสลากออมสินกว่า 20 ล้านบาททุกเดือน ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของเอ็มเอฟซี เมื่อลงทุนในกองทุน RMF/LTF ทุกๆ 10,000 บาท พร้อมรับเพิ่มถุงผ้าลดโลกร้อนจากเอ็มเอฟซี ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน ถึง 30 ตุลาคม 2552 ส่วนโชคต่อที่ 3 ในปีนี้บริษัทเปิดโอกาสให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปที่ลงทุนในกองทุน RMF/LTF กองทุนทาร์เก็ตฟันด์ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่เปิดขายเป็นครั้งแรกในช่วงระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึง 30 พฤศจิกายน 2552 ที่มียอดซื้อสะสมรวมกันจำนวน 1,500,000 บาท มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลโทรศัพท์มือถือ BlackBerry Bold จำนวน 5 รางวัล
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมจัดกิจกรรมโรดโชว์ นำผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน เดินสายพบปะพร้อมให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง รวมทั้งตระเวนให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุน RMF/LTF แก่ผู้ที่สนใจลงทุน เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีประจำปี 2552 โดยได้จัดกิจกรรมบนสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้แก่ สถานีศาลาแดง สถานีอโศก และสถานีสยาม รวมถึงตามแหล่งธุรกิจ อาคารสำนักงานและศูนย์ราชการ อีก 7 จุด ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ อาคาร Software Park ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครอง อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ถนนสาทร อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ออฟฟิศ ถนนพระราม 1 อาคารอื้อ จือ เหลียง ถนนพระราม 4 โรงพยาบาลกรุงเทพ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ทุกวันทำการของเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ 9 กองทุน แบ่งเป็น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว จำนวน 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว (MV-LTF) และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มทรัพย์หุ้นระยะยาว (MA-LTF) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีโกลบอลหุ้นระยะยาว (MG-LTF) และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อิสลามิกหุ้นระยะยาว (MIF-LTF) รวมถึงกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ จำนวน 5 กองทุน ซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกัน โดยผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถเลือกประเภทและนโยบายการลงทุนให้เหมาะสมกับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงและผลตอบแทนได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีคุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ (M-CR) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีออมทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ (M-SAVING) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีพันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (M-BOND) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (M-FIX) และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเงินทุนสร้างค่าเพื่อการเลี้ยงชีพ (M-VALUE)
ด้านนายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บลจ. อเบอร์ดีน กล่าวว่า เนื่องจากตลาดหุ้นค่อนข้างจะมีความผันผวน ในขณะเดียวกันราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปสูงมาก ดังนั้น การลงทุนในหุ้นยังมีความเสี่ยงอยู่ ซึ่งหากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้น้อยและต้องการผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแล้ว ควรจัดสรรเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ได้ตั้งแต่ในช่วงนี้ โดยการทยอยลงทุนตามแผนการลงทุนรายเดือน (Monthly Investment Plan : MIP) เพื่อเป็นการเฉลี่ยต้นทุนในการซื้อแต่ละครั้งให้ได้ราคาที่ถูกซึ่งทาง บลจ.อเบอร์ดีนได้แนะนำเครื่องมือนี้แก่นักลงทุนมาตลอด
ทั้งนี้ กองทุน LTF และ RMF ของอเบอร์ดีนนั้น ยังคงเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งเป็นการลงทุนตามแนวทางของ อเบอร์ดีน ขณะเดียวกัน ทางบริษัทได้เยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัทต่างๆในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องซึ่งในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้ก็จะไปเยี่ยมชมอีกเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการตัดสินใจถึงการลงทุนในหุ้นของบริษัทเหล่านี้ รวมทั้งยังคงเน้นไปที่การบริการหลังารขายอยู่เช่นเดิมเพื่อให้ลูกค้าได้สอบถามข้อสงสัย ในเรื่องการลงทุนได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กองทุน LTF และ RMF ของอเบอร์ดีนนั้น ไม่ได้มีการปรับสัดส่วนการลงทุนแต่อย่างไร
ส่วนทิศทางของตลาดหุ้นไทยนั้น นายชัยเกษม กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยนั้น มีการเคลื่อนไหวตามตลาดในภูมิภาค ขณะที่ในเรื่องขงอการเมืองก็ยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลถึงตลาดหุ้นอยู่ แต่หุ้นที่บริษัทเลือกอยู่นั้นเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ทั้งนี้ มองว่า ทิศทางของตลาดหุ้นยังคงมีการขายทำกำไรกันออกมาบ้าง โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากตลาดหุ้นปรับขึ้นไปมาก แต่แนวโน้มไม่น่ากลัวแต่อย่างใด
"ตลาดหุ้นคงมีการขายทำกำไรกันออกมา แต่คงไม่หนักเหมือนกับตลาดของสหรัฐฯและยุโรป ในช่วงที่เกิดวิกฤตสถาบันการเงิน" หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน ระบุ
ปัจจุบัน บลจ.อเบอร์ดีน มีกองทุน LTF และ RMF จำนวน 3 กองทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว (ABLTF) กองทุนสมาร์ทแคปปิตอลเพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSC-RMF) และกองทุน อเบอร์ดีนสมาร์ทอินคัมเพื่อการเลี่ยงชีพ (ABSI-RMF)
นายศุภกร สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงปลายปีมีโอกาสที่จะปรับขึ้นไปได้อีก เนื่องจากยังคงมีกระแสเงินสดไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงนับเป็นจังหวะที่ดีของการลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนสิ้นปี และเพื่อเป็นการกระตุ้นการลงทุนในช่วงปลายปี บลจ.เอ็มเอฟซี จึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund: RMF) ขึ้น ภายใต้แคมเปญ “Double Bonus” ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนที่จะลงทุนผ่านกองทุน RMF/LTF กับบลจ.เอ็มเอฟซี รับโชคเพิ่มถึง 3 ต่อ
โดยโชคต่อที่ 1 ผู้ลงทุนจะได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้สูงสุดถึง 500,000 บาท โชคต่อที่ 2 รับฟรีหน่วยสลากออมสินจากเดิมมูลค่า 50 บาทเพิ่มเป็น 2 เท่าคือ 100 บาท เพื่อลุ้นรับรางวัลจากสลากออมสินกว่า 20 ล้านบาททุกเดือน ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวของเอ็มเอฟซี เมื่อลงทุนในกองทุน RMF/LTF ทุกๆ 10,000 บาท พร้อมรับเพิ่มถุงผ้าลดโลกร้อนจากเอ็มเอฟซี ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน ถึง 30 ตุลาคม 2552 ส่วนโชคต่อที่ 3 ในปีนี้บริษัทเปิดโอกาสให้นักลงทุนและประชาชนทั่วไปที่ลงทุนในกองทุน RMF/LTF กองทุนทาร์เก็ตฟันด์ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทที่เปิดขายเป็นครั้งแรกในช่วงระหว่างวันที่ 28 กันยายน ถึง 30 พฤศจิกายน 2552 ที่มียอดซื้อสะสมรวมกันจำนวน 1,500,000 บาท มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลโทรศัพท์มือถือ BlackBerry Bold จำนวน 5 รางวัล
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมจัดกิจกรรมโรดโชว์ นำผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน เดินสายพบปะพร้อมให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง รวมทั้งตระเวนให้ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในกองทุน RMF/LTF แก่ผู้ที่สนใจลงทุน เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีประจำปี 2552 โดยได้จัดกิจกรรมบนสถานีรถไฟฟ้า BTS ได้แก่ สถานีศาลาแดง สถานีอโศก และสถานีสยาม รวมถึงตามแหล่งธุรกิจ อาคารสำนักงานและศูนย์ราชการ อีก 7 จุด ทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้แก่ อาคาร Software Park ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลปกครอง อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ถนนสาทร อาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี อาคารเซ็นทรัลเวิลด์ ออฟฟิศ ถนนพระราม 1 อาคารอื้อ จือ เหลียง ถนนพระราม 4 โรงพยาบาลกรุงเทพ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ทุกวันทำการของเดือนตุลาคมนี้
ทั้งนี้ ปัจจุบัน บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดขายกองทุนรวมหุ้นระยะยาว และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ 9 กองทุน แบ่งเป็น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว จำนวน 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มค่าหุ้นระยะยาว (MV-LTF) และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มทรัพย์หุ้นระยะยาว (MA-LTF) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีโกลบอลหุ้นระยะยาว (MG-LTF) และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อิสลามิกหุ้นระยะยาว (MIF-LTF) รวมถึงกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ จำนวน 5 กองทุน ซึ่งมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกัน โดยผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถเลือกประเภทและนโยบายการลงทุนให้เหมาะสมกับความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงและผลตอบแทนได้แก่ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีคุ้มครองเงินต้นเพื่อการเลี้ยงชีพ (M-CR) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีออมทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ (M-SAVING) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีพันธบัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (M-BOND) กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (M-FIX) และกองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเงินทุนสร้างค่าเพื่อการเลี้ยงชีพ (M-VALUE)
ด้านนายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บลจ. อเบอร์ดีน กล่าวว่า เนื่องจากตลาดหุ้นค่อนข้างจะมีความผันผวน ในขณะเดียวกันราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปสูงมาก ดังนั้น การลงทุนในหุ้นยังมีความเสี่ยงอยู่ ซึ่งหากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้น้อยและต้องการผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแล้ว ควรจัดสรรเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ได้ตั้งแต่ในช่วงนี้ โดยการทยอยลงทุนตามแผนการลงทุนรายเดือน (Monthly Investment Plan : MIP) เพื่อเป็นการเฉลี่ยต้นทุนในการซื้อแต่ละครั้งให้ได้ราคาที่ถูกซึ่งทาง บลจ.อเบอร์ดีนได้แนะนำเครื่องมือนี้แก่นักลงทุนมาตลอด
ทั้งนี้ กองทุน LTF และ RMF ของอเบอร์ดีนนั้น ยังคงเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ เช่น ธนาคาร วัสดุก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งเป็นการลงทุนตามแนวทางของ อเบอร์ดีน ขณะเดียวกัน ทางบริษัทได้เยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัทต่างๆในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องซึ่งในช่วงไตรมาสที่ 3 นี้ก็จะไปเยี่ยมชมอีกเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการตัดสินใจถึงการลงทุนในหุ้นของบริษัทเหล่านี้ รวมทั้งยังคงเน้นไปที่การบริการหลังารขายอยู่เช่นเดิมเพื่อให้ลูกค้าได้สอบถามข้อสงสัย ในเรื่องการลงทุนได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา กองทุน LTF และ RMF ของอเบอร์ดีนนั้น ไม่ได้มีการปรับสัดส่วนการลงทุนแต่อย่างไร
ส่วนทิศทางของตลาดหุ้นไทยนั้น นายชัยเกษม กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยนั้น มีการเคลื่อนไหวตามตลาดในภูมิภาค ขณะที่ในเรื่องขงอการเมืองก็ยังเป็นปัจจัยที่ส่งผลถึงตลาดหุ้นอยู่ แต่หุ้นที่บริษัทเลือกอยู่นั้นเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ทั้งนี้ มองว่า ทิศทางของตลาดหุ้นยังคงมีการขายทำกำไรกันออกมาบ้าง โดยเฉพาะตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากตลาดหุ้นปรับขึ้นไปมาก แต่แนวโน้มไม่น่ากลัวแต่อย่างใด
"ตลาดหุ้นคงมีการขายทำกำไรกันออกมา แต่คงไม่หนักเหมือนกับตลาดของสหรัฐฯและยุโรป ในช่วงที่เกิดวิกฤตสถาบันการเงิน" หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน ระบุ
ปัจจุบัน บลจ.อเบอร์ดีน มีกองทุน LTF และ RMF จำนวน 3 กองทุน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว (ABLTF) กองทุนสมาร์ทแคปปิตอลเพื่อการเลี้ยงชีพ (ABSC-RMF) และกองทุน อเบอร์ดีนสมาร์ทอินคัมเพื่อการเลี่ยงชีพ (ABSI-RMF)