xs
xsm
sm
md
lg

ค่ายรถบิ๊กทรีมะกันลงทุนเพิ่มมุกเก่าฉายซ้ำเรียกเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทย!

เผยแพร่:   โดย: สุวิชชา เพียราษฎร์

‘มาร์ค’ กล่อมอยู่หมัด!

3 บริษัทรถยนต์จ่อลงทุนไทย 3 หมื่นล้าน...


ข่าวพาดหัวใหญ่หน้าเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์หลายฉบับเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งตรงมาไกลจากสหรัฐอเมริกาเห็นแล้วทำให้โลกนี้ดูช่างสดใสชวนให้คิดว่านักลงทุนต่างชาติช่างมีความเชื่อมั่นกับเศรษฐกิจไทยเหลือเกิน

เพราะขนาดบริษัทรถยนต์ข้ามชาติระดับโลกอย่างค่าย “บิ๊กทรี” จีเอ็ม ฟอร์ด และไครสเลอร์ ที่เพิ่งโดนพิษวิกฤตแฮมเบเกอร์กระหน่ำซะจนล้มทั้งยืน ยังให้ความ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ถึงกับเตรียมหอบเงินข้ามน้ำข้ามทะเลมาลงทุนในไทย รายละไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท!

แต่...ช้าก่อน

หากพิจารณาอย่างถ้วนถี่และมองย้อนกลับไปจะเห็นว่า ข่าวนี้ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่เลย มิหนำซ้ำดูเหมือนจะเคยถูกผลิตซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อช่วยเรียกความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยตลอดช่วงเข้ามาบริหารงาน 9 เดือนที่ผ่านมาของรัฐบาลอภิสิทธิ์

ช่วงกลางปีระหว่างพฤษภาคมถึงมิถุนายนที่ผ่านมา หากยังจำได้ คณะผู้บริหารของจีเอ็มและฟอร์ดเทียวไล้เทียวขื่อเข้าพบรัฐบาลเข้าพบนายกฯ อภิสิทธิ์หลายครั้งซึ่งครั้งนั้นนายกฯ ถึงกับนำมาบอกเล่าข่าวดีผ่านรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์”

ทว่า ข่าวค่ายรถยักษ์ใหญ่ให้ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยประโคมไปได้เพียงชั่วข้ามวัน 1 วันต่อมาเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม ก็ประกาศล้มละลาย!

และกาลต่อมากลายเป็นว่าเหตุที่จีเอ็มตื้อขอเข้าพบรัฐบาลก็เพื่อร้องขอให้ช่วยเหลือสนับสนุนเงินกู้ ในโครงการตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซล และปรับไลน์การผลิตปิกอัพรุ่นใหม่ในไทยมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้ประกาศลงทุนไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา แต่สะดุดไม่สามารถดำเนินการได้ ต้องเลื่อนออกไปไม่ต่ำกว่า 1 ปี เพราะประสบปัญหาล้มละลาย จนต้องวิ่งวุ่นหาเงินกู้ในไทยมาดำเนินการต่อ

เรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงกันพอสมควรขณะที่ค่ายรถญี่ปุ่นซึ่งก็มีเงินลงทุนในไทยมหาศาลมองค้อนและทักท้วงรัฐบาลว่า หากจะช่วยต้องช่วยให้หมดหรืออย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย ที่ประสบปัญหาจากพิษเศรษฐกิจแฮมเบเกอร์เช่นกัน

ในที่สุดรัฐบาลก็ต้องตีกรรเชียงหนีจีเอ็ม

การประกาศเชื่อมั่นประเทศไทย ที่ส่งมาไกลถึงสหรัฐอเมริกาของนายกฯ และทีมเศรษฐกิจครั้งล่าสุดนี้ จึงสร้างความงุนงงให้กับแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอย่างมาก?!

เนื่องเพราะจำนวนเงินลงทุนเพิ่มรายละไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาทตามข่าวนั้น ไปพ้องกับเงินลงทุนมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาทของจีเอ็มที่ประกาศไปแล้ว แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ จนต้องเลื่อนออกไป เนื่องจากประสบปัญหาล้มละลายเสียก่อน…

หรือเป็นโครงการใหม่?

ค้นหาคำตอบเท่าไหร่ก็ไม่ใช่เพราะโครงการตั้งโรงงานผลิตเครื่องยนต์ดีเซลมูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท จนป่านนี้จีเอ็มประเทศไทยก็ยังไม่สามารถหาเงินมาลงทุนได้..นี่ข้อที่หนึ่ง และล่าสุดในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทย เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ภายหลังการผ่านแผนฟื้นฟูตามกระบวนการล้มละลาย หรือ Chapter 11 ของสหรัฐอเมริกา จีเอ็มก็บอกเพียงมีแนวโน้มข่าวดี ที่จะมีแหล่งเงินกู้จากทั้งต่างประเทศและในไทยรวมกัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้

ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีโครงการใหม่ มูลค่าการลงทุนนับหมื่นล้านบาท แค่โครงการเดิมจีเอ็มก็จะเอาตัวไม่รอดแล้ว!

มาดู “ฟอร์ด” อีกค่ายที่รัฐบาลโอบามาร์ค นำมาอ้างเชื่อมั่นประเทศไทย ถือเป็นค่ายที่มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ก็ใช่ว่าฟอร์ดจะมีเงินถุงเงินถังเหมือนในอดีต อาจจะดีกว่าจีเอ็มหน่อย แค่รอดสภาวะล้มละลายได้แบบหวุดหวิด ด้วยการขายทรัพย์สินหรือแบรนด์รถยนต์อื่นๆ ในมือไปก่อนจะเกิดวิกฤตแฮมเบเกอร์ไม่กี่เดือนเท่านั้น

จริงที่ฟอร์ดลงทุนในไทยเพิ่มกว่าหมื่นล้านบาท แต่นั่นเป็นโครงการเมื่อ 1-2 ปีที่แล้ว โดยตั้งโรงงานแห่งที่ 2 ในไทย (ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย หรือ AAT) ร่วมกับค่ายมาสด้า เพื่อผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็ก “ฟอร์ด เฟียสตา-มาสด้า 2” และเพิ่งเปิดโรงงานไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

โดยจะมีรถยนต์รุ่นใหม่จากสายการผลิตโรงงานใหม่นี้ และเปิดตัวสู่ตลาดประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ในชื่อ “มาสด้า 2” และตามมาด้วย “ฟอร์ด เฟียสตา” ในช่วงไตรมาสแรกปี 2553

ฉะนั้นจึงเป็นโครงการที่ประกาศและลงทุนไปก่อนรัฐบาลโอบามาร์คเข้ามาบริหารงานเสียอีก!

ส่วนเงินลงทุนใหม่จากฟอร์ดเร็วๆ นี้ เป็นเพียงการปรับไลน์ผลิตปิกอัพโมเดลใหม่ ในโรงงานเอเอทีเดิมแห่งที่ 1 แต่ถือเป็นเงินลงทุนปกติไม่ใช่โครงการใหม่ และมูลค่าไม่กี่พันล้านบาท...

สำหรับเงินลงทุนใหม่ที่เป็นของแท้แน่นอน ฟอร์ดเพิ่งประกาศลงทุนมูลค่า 490 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.64 หมื่นล้านบาท ตั้งโรงงานแห่งที่ 3 ณ เมืองจุงกิง ประเทศจีน ไม่ใช่ประเทศไทย!

หรือหากจะวัดระดับความสำคัญของไทยในสายตาฟอร์ด คงจะอธิบายได้จากการย้ายสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคเอเชียจากไทยไปยังเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง!!

ทีนี้มาดูค่าย “ไครสเลอร์” ซึ่งเป็นหนึ่งในค่ายที่ทีมงานเศรษฐกิจรัฐบาลโอบามาร์ค นำมาอ้างถึงความเชื่อมั่นประเทศไทย...

นี่ก็แทบจะมองไม่เห็นความเป็นไปได้ แม้แต่แบรนด์ “จี๊ป” ในมือของไครสเลอร์ก็เป็นเพียงแค่ตำนานในตลาดรถยนต์ไทยเท่านั้น ยิ่งปัจจุบันตลาดเอสยูวีเรียกว่า ตายสนิทในไทย ถูกรถประเภทพีพีวี (PPV) อย่างโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ หรือมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ทุบซะจนเอสยูวีกลายเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มไปแล้ว

และไม่ต้องพูดถึง “ไครสเลอร์” เอง ที่ถูกพิษเศรษฐกิจกระหน่ำล้มทั้งยืน แทบไม่ต่างจากจีเอ็ม จนปัจจุบันต้องประกาศขายกิจการให้กับเฟียตกรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มยานยนต์ที่แทบจะไม่เคยมีบทบาทในไทยเลย

ความเป็นไปได้ในการเข้ามาลงทุนมูลค่านับหมื่นล้านบาทในไทย จึงมีโอกาสน้อยเสียกว่าจีเอ็มและฟอร์ดเสียอีก!

“ค่ายรถมะกันจ่อลงทุนเพิ่มในไทย” ชั่วโมงนี้จึงบอกได้เพียงว่า ไม่มีอะไร (ใหม่) ในกอไผ่!

กำลังโหลดความคิดเห็น