การศึก..หากกลัว-อย่าออกรบ แต่..หากออกรบ-ต้องรบด้วยใจมั่นคงแน่วนิ่งจนกว่าจะชนะ!
จอมยุทธ์ “เถิกง่ามถ่อ” แม้นได้แต่งชุดเขียวลายพรางพร้อมออกรบ ทว่า..ที่ยังเงอะงะละล้าละลังไม่ยอมชักดาบวิ่งสู่สนามรบ เพื่อช่วยประชาชีปราบคนชั่วทางการเมือง-อภิบาลคนดีนั้น เพราะรอ “ผลไม้” ทางการเมืองสุกงอมเหลืองอร่าม ถึงเวลาควรแก่การบริโภค..เอิ๊กๆๆ..คร๊าบบบ...
ดังนั้น..“เถิกง่ามถ่อ” จึงยังนั่งดีดลูกคิด รอคอยโอกาสต่อไปอย่างใจเย็นไงล่ะครับ มิพักต้องสงสัยว่าทำไม..สถานการณ์ในเสียมก๊กวุ่นวายวิกฤตขนาดนี้ “เถิกง่ามถ่อ” จึงยังไม่ถ่อรถถังวิ่งฝ่าไฟแดงออกมาบนท้องถนนไงล่ะครับ..ฮ่าฮ่าฮ่า..
ทว่า..“เถิกง่ามถ่อ” มิใช่ผู้ลิขิตทุกสิ่งบนผืนดินอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพราะในเสียมก๊กนั้น..มีจอมยุทธผู้หาญกล้ามากมายเหลือเกิน ที่พร้อมพิชิต “จมูกชมพู่” ถึงขั้นแตกหักในเดือนกันยายนนี้แหละ!
ฉะนั้น..ขณะ “เถิกง่ามถ่อ” ยังมัวแต่เอ้อละเหยลอยชาย รอดูผลการต่อกรระหว่างพันธมิตรฯกับ “จมูกชมพู่” อยู่นั้น สถานการณ์บ้านเมืองก็เดินหน้าหาได้หยุดดุจดั่งน้ำนิ่งในบึงใหญ่
5 อธิการบดีมหาวิทยาลัยมัฆวาน แห่งถนนราชดำเนินตัดสินใจรบครั้งสุดท้าย โดยนำนักศึกษาพันธมิตรฯ นับแสนๆ คน บุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลไทยคู่ฟ้าได้สำเร็จ จนเป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วโลก
อืม..ปฏิบัติการสองมือเปล่าผสมส้นเท้าครั้งนี้ ถือเป็นการเหยียบโครมลงไปบน “จมูกชมพู่”โดยตรงโครมใหญ่..โอ้ย..โอ้ย..เจ็บโว้ย...
“จมูกชมพู่” ผู้รักหน้ายิ่งชีวิตถูกกระทำครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องขายหน้าครั้งมโหฬารที่สุดในชีวิต แน่นอน... “จมูกชมพู่” ย่อมยอมไม่ได้..ยอมไม่ด้ายยย...
ความคั่งแค้นที่สุมอกของ “จมูกชมพู่” ยิ่งเพิ่มพูนทวียิ่งขึ้นไปอีก เมื่อรัฐบาล “จมูกชมพู่” ได้ใช้รัฐ “หมาต๋า” กลั่นแกล้งยัดข้อหา “กบฏ” ให้แกนนำพันธมิตรฯ 5 คนกับอีก 4 คน รวม 9 คนในทันที
แต่..ทีมหมาต๋าที่จัดไว้..ไม่ทันได้รวบตัว “9 กบฏ” ไว้ในกำมือ ประชาชนนับแสนๆ คนในทำเนียบฯ ไทยคู่ฟ้า ได้เข้าโอบอุ้มคุ้มครองป้องภัยให้กับ 9 กบฏทันท่วงที ต้องถือว่า..รัฐบาล “จมูกชมพู่”มักก้าวย่างช้ากว่าพันธมิตรฯ ทุกครั้งครา
นั่นทำให้โรควิกลจริตกำเริบจนแทบอกแตกตาย ในที่สุดก็สะกดกลั้นต่อไปไม่ได้อีกแล้ว “จมูกชมพู่” จึงเรียกประชุมร่วมระหว่างขุนทหารกับหมาต๋าใหญ่ มีการถามในที่ประชุมแห่งหนึ่งว่า..ใครจะปราบพวกพันธมิตรฯ ให้ข้าพเจ้าได้บ้าง?
เสนาบดี “โกเต๊กซ์” ผู้โง่เขลากับอดีตหมาต๋าใหญ่ชื่อย่อ “อ” ซึ่งรู้กันในวงการหมาต๋าไทยว่า “อ” คนนี้เป็นผู้ชำนาญการซื้อ-ขายตำแหน่งหมาต๋า ด้วยการแลกกับการต้องซื้อพระปลอมของเขา ตามราคาที่หมาต๋าใหญ่ “อ” ตั้งไว้นะ ใครไม่ยอมซื้อพระปลอมตามราคาที่เขากำหนด ก็จะอดเลื่อนยศตำแหน่งขอรับกระผม
หนึ่ง “โกเต๊กซ์” กับอดีตหมาต๋าใหญ่ “อ” จึงขันอาสาเจ้า “จมูกชมพู่” มาปราบพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมกันอยู่นับแสนๆ คนในทำเนียบฯ ไทยคู่ฟ้า ให้ราบคาบเป็นหน้ากลองในทันที
วิธีการเจ้าเล่ห์ของ “โกเต๊กซ์”และ “อ” ก็คือ ฉวยโอกาสลักไก่และแปรการปิดหมายศาลแพ่ง มาเป็นปฏิบัติการโหดปราบประชาชนในทันที
ดังนั้น..กำลังหมาต๋าหลายพันคนจึงถือทั้งโล่ห์และไม้กระบอง แถมกระบองบางอันยังมีการเหลาปลายแหลมเปี๊ยบ ชนิดหากประชาชนคนไหนทะเล่อทะล่ามาขวาง ก็เสียบแทงได้ทุกท่วงท่าลีลาเลยหละ หมาต๋าราวหมาบ้ากระหายเลือดเหล่านั้น ได้ดาหน้าบุกไปยังเวทีพันธมิตรตรงสะพานมัฆวานทันที
เมื่อพบพันธมิตรฯเด็ก-หนุ่มสาว-ผู้หญิง- คนชรา หมาต๋ากระหายเลือดก็กระหน่ำตีสุดแรง ไม่เลือกหน้าไม่ปรานีปราศรัย พันธมิตรฯสองมือเปล่าผู้น่าสงสาร ต่างร่วงผล็อยลงคนแล้วคนเล่า บาดเจ็บมากเจ็บน้อยจนเลือดหลั่งสู่ถนนมัฆวาน
ที่สำคัญ..หมาต๋ายังไม่ยอมให้รถพยาบาลเข้าไปรับคนเจ็บหนักอีกต่างหาก
อืมมม..ใจหมาต๋าใหญ่บางคนนี่อำมหิตจริงๆ ขนาดสงครามโลก..เขายังมีกติกาว่าด้วยมนุษยธรรม โดยทหารทุกฝ่ายจะต้องให้ความสะดวกเป็นพิเศษ ต่อหมอ-พยาบาลเหล่านั้นสำหรับการรักษาคนเจ็บได้ทุกฝ่าย
เฮ้อ..หมาต๋าไทยบางคนนี่ จิตใจมิใช่คน..อ้อ..น่าจะเป็นสัตว์ที่โผล่มาจากขุมนรกว่ะ!
นอกจากนั้นหมาต๋ายังทำเกินเลย กว่าการปิดหมายศาลต่อไปอีก นั่นคือ มีการรื้อทำลายข้าวของมีค่า-เต๊นท์ที่พักอาศัย-เวทีพันธมิตรฯ แถมยังมีการขนข้าวของเหล่านั้นทิ้งลงคลองอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นหมาต๋าใหญ่บางคนยังสั่งกำลังพล ยกกำลังพร้อมโล่-กระบอง-บางคนยังถือปืนบุกเข้าประตูทำเนียบฯ ด้านหนึ่ง มีการทุบตีผู้คนสองมือเปล่าที่นั่งขวางประตูอยู่ กระทั่งหมาต๋าบางคนยังใช้ปืนจ่อหัวประชาชนอีกด้วย
แต่ประชาชนทั้งเด็ก-หญิง-ชาย-ผู้เฒ่าทั้งหลายสองมือเปล่า ก็ยืนหยัดเฝ้าปากประตูอย่างเหนียวแน่น จนในที่สุดหมาต๋าผู้กระหายเลือดก็ไม่อาจเข้าสู่ทำเนียบฯ ได้ เพราะสู้หัวจิตหัวใจพันธมิตรฯ เหล่านี้ไม่ไหว จำต้องล่าถอยกลับไปอย่างไม่เป็นกระบวน
หลังภาพปฏิบัติการกระหายเลือดอันทารุณของหมาต๋าไทยเป็นข่าวระบือไปทั่วทั้งโลก น้ำตาของผู้รักความเป็นธรรมก็นองหน้าไปทุกหนแห่ง รัฐบาล “จมูกชมพู่” กับตำรวจไทยจึงโดนประณามด่าทอต่อต้านอย่างหนัก
จากนั้นผู้คนที่รักความเป็นธรรมทั่วประเทศ ต่างหลั่งไหลมายังทำเนียบฯ ไทยคู่ฟ้า สนับสนุนการต่อสู้ของพันธมิตรฯ และประชาชนผู้หาญกล้าอย่างท่วมท้น
“จมูกชมพู่” อารมณ์คั่งแค้นยิ่งนัก แค้นจนแทบกระอักออกมาเป็นโลหิต ให้ตายคาซอยโอฬารให้รู้แล้วรู้แรดเลยล่ะ การคิดใช้กำลังตำรวจเข้าปราบปรามประชาชนในทำเนียบฯ ไทยคู่ฟ้า จึงถูกวางแผนอย่างไม่แนบเนียนจนน่าเกลียดน่าชังจริงๆ
นั่นคือ “จมูกชมพู่-ยี้ห้อย” กับรัฐมนตรีบางคน ได้จ้างพวกอันธพาลของรัฐ “นรกป่วนกรุง”จากต่างจังหวัดเข้า กทม.ตำรวจที่รู้เห็นเป็นใจได้ปล่อยให้อันธพาลเหล่านี้ถือ-มีด-ไม้-ปืนยกพลจากสนามหลวง มาหาเรื่องทำร้ายพันธมิตรฯ และประชาชน ที่ชุมนุมอย่างสงบอยู่ในทำเนียบฯ
แผนชั่วของ “จมูกชมพู่” กับพวกดังกล่าว นำความเสียหายต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งสองฝ่าย จนถึงขั้นบาดเจ็บและเสียชีวิตแล้ว!
รุ่งเช้าของวันที่ 2 กันยายน 2551 รัฐบาล “จมูกชมพู่” ที่สิ้นความชอบธรรมโดยสิ้นเชิงแล้ว ได้ตัดสินใจปราบประชาชนขั้นเด็ดขาด ด้วยการประกาศใช้ พ.ร.ก.ความมั่นคงทันที โดยมี “เถิกง่ามถ่อ” รับหน้าเสื่อเป็น “แม่ทัพใหญ่”
จอมยุทธ์หลายคนตั้งคำถามกับ “เชี่ยวชวนะ”ว่า แล้วการเมืองไทยกับสถานการณ์แบบนี้..บทจบจะเป็นอย่างไรหว่า?
“ตั๊กสิม-อ้อแอ้”และพลพรรคพลังประชาชนกับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ยอมให้ “จมูกชมพู่” ยุบสภาฯ-ลาออก เรียกว่า..ห้ามถอดกางเกง..เอ๊ย..ถอดใจ ห้ามชูธงขาวให้ชูแต่ธงแดง นปก.สู้-สู้-สู้ลูกเดียวนะเฟ้ย
ที่สำคัญแนวปฏิบัตินี้ มันตรงใจของนายกฯ “จมูกชมพู่” ที่คิดเสมอว่า..เรื่องอะไรตูจะลาออกหรือยุบสภาฯ ง่ายๆ พันธมิตรฯ หรือใครหน้าไหนจะเรียกร้อง และถึงแม้นการเป็นนายกฯ ของตูจะส่งผลต่อความหายนะให้ชาติบ้านเมืองมากแค่ไหน? ขอบอกไว้เลยว่า... “จมูกชมพู่” ไม่สนจริงๆ ครับ
เพราะ “จมูกชมพู่” รู้อยู่แก่ใจว่า วันนี้..หากก้าวลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ ชาตินี้ชาติหน้าตูไม่มีวันจะได้กลับมาเป็นนายกฯ ซ้ำสองอีกแล้ว..
สรุป..คติในใจของ “จมูกชมพู่” คือ “กูไม่สน-กูไม่ออก-กูไม่ยุบ”นั่นเอง
อืมมม..สถานการณ์วิกฤตขนาดนี้ จอมยุทธ์ “เถิกง่ามถ่อ” จะนั่งกระดิกนิ้วหัวแม่โป้งเท้า (ตีน)ไม่ได้อีกแล้ว จะถือคติช่างมันฉันไม่แคร์ว่า..บ้านเมืองใกล้จะล่มจมแบบนี้ แต่ฉันยังเสือกลับ-ลวง-พรางอีก..ก็ไม่ได้เช่นกันว่ะ..เฮ้อ..
ถึงตอนนี้ “เถิกง่ามถ่อ” คงต้องชักดาบ แล้วตะโกนบอกไพร่พลสีเขียวของตนว่า..
เอ้า..พวกเราชาวสีเขียว..อึ๊บ..รัฐบาล “จมูกชมพู่หมักเน่า” ได้แล้วว้อยยยย...
จอมยุทธ์ “เถิกง่ามถ่อ” แม้นได้แต่งชุดเขียวลายพรางพร้อมออกรบ ทว่า..ที่ยังเงอะงะละล้าละลังไม่ยอมชักดาบวิ่งสู่สนามรบ เพื่อช่วยประชาชีปราบคนชั่วทางการเมือง-อภิบาลคนดีนั้น เพราะรอ “ผลไม้” ทางการเมืองสุกงอมเหลืองอร่าม ถึงเวลาควรแก่การบริโภค..เอิ๊กๆๆ..คร๊าบบบ...
ดังนั้น..“เถิกง่ามถ่อ” จึงยังนั่งดีดลูกคิด รอคอยโอกาสต่อไปอย่างใจเย็นไงล่ะครับ มิพักต้องสงสัยว่าทำไม..สถานการณ์ในเสียมก๊กวุ่นวายวิกฤตขนาดนี้ “เถิกง่ามถ่อ” จึงยังไม่ถ่อรถถังวิ่งฝ่าไฟแดงออกมาบนท้องถนนไงล่ะครับ..ฮ่าฮ่าฮ่า..
ทว่า..“เถิกง่ามถ่อ” มิใช่ผู้ลิขิตทุกสิ่งบนผืนดินอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพราะในเสียมก๊กนั้น..มีจอมยุทธผู้หาญกล้ามากมายเหลือเกิน ที่พร้อมพิชิต “จมูกชมพู่” ถึงขั้นแตกหักในเดือนกันยายนนี้แหละ!
ฉะนั้น..ขณะ “เถิกง่ามถ่อ” ยังมัวแต่เอ้อละเหยลอยชาย รอดูผลการต่อกรระหว่างพันธมิตรฯกับ “จมูกชมพู่” อยู่นั้น สถานการณ์บ้านเมืองก็เดินหน้าหาได้หยุดดุจดั่งน้ำนิ่งในบึงใหญ่
5 อธิการบดีมหาวิทยาลัยมัฆวาน แห่งถนนราชดำเนินตัดสินใจรบครั้งสุดท้าย โดยนำนักศึกษาพันธมิตรฯ นับแสนๆ คน บุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลไทยคู่ฟ้าได้สำเร็จ จนเป็นข่าวใหญ่โตไปทั่วโลก
อืม..ปฏิบัติการสองมือเปล่าผสมส้นเท้าครั้งนี้ ถือเป็นการเหยียบโครมลงไปบน “จมูกชมพู่”โดยตรงโครมใหญ่..โอ้ย..โอ้ย..เจ็บโว้ย...
“จมูกชมพู่” ผู้รักหน้ายิ่งชีวิตถูกกระทำครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องขายหน้าครั้งมโหฬารที่สุดในชีวิต แน่นอน... “จมูกชมพู่” ย่อมยอมไม่ได้..ยอมไม่ด้ายยย...
ความคั่งแค้นที่สุมอกของ “จมูกชมพู่” ยิ่งเพิ่มพูนทวียิ่งขึ้นไปอีก เมื่อรัฐบาล “จมูกชมพู่” ได้ใช้รัฐ “หมาต๋า” กลั่นแกล้งยัดข้อหา “กบฏ” ให้แกนนำพันธมิตรฯ 5 คนกับอีก 4 คน รวม 9 คนในทันที
แต่..ทีมหมาต๋าที่จัดไว้..ไม่ทันได้รวบตัว “9 กบฏ” ไว้ในกำมือ ประชาชนนับแสนๆ คนในทำเนียบฯ ไทยคู่ฟ้า ได้เข้าโอบอุ้มคุ้มครองป้องภัยให้กับ 9 กบฏทันท่วงที ต้องถือว่า..รัฐบาล “จมูกชมพู่”มักก้าวย่างช้ากว่าพันธมิตรฯ ทุกครั้งครา
นั่นทำให้โรควิกลจริตกำเริบจนแทบอกแตกตาย ในที่สุดก็สะกดกลั้นต่อไปไม่ได้อีกแล้ว “จมูกชมพู่” จึงเรียกประชุมร่วมระหว่างขุนทหารกับหมาต๋าใหญ่ มีการถามในที่ประชุมแห่งหนึ่งว่า..ใครจะปราบพวกพันธมิตรฯ ให้ข้าพเจ้าได้บ้าง?
เสนาบดี “โกเต๊กซ์” ผู้โง่เขลากับอดีตหมาต๋าใหญ่ชื่อย่อ “อ” ซึ่งรู้กันในวงการหมาต๋าไทยว่า “อ” คนนี้เป็นผู้ชำนาญการซื้อ-ขายตำแหน่งหมาต๋า ด้วยการแลกกับการต้องซื้อพระปลอมของเขา ตามราคาที่หมาต๋าใหญ่ “อ” ตั้งไว้นะ ใครไม่ยอมซื้อพระปลอมตามราคาที่เขากำหนด ก็จะอดเลื่อนยศตำแหน่งขอรับกระผม
หนึ่ง “โกเต๊กซ์” กับอดีตหมาต๋าใหญ่ “อ” จึงขันอาสาเจ้า “จมูกชมพู่” มาปราบพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมกันอยู่นับแสนๆ คนในทำเนียบฯ ไทยคู่ฟ้า ให้ราบคาบเป็นหน้ากลองในทันที
วิธีการเจ้าเล่ห์ของ “โกเต๊กซ์”และ “อ” ก็คือ ฉวยโอกาสลักไก่และแปรการปิดหมายศาลแพ่ง มาเป็นปฏิบัติการโหดปราบประชาชนในทันที
ดังนั้น..กำลังหมาต๋าหลายพันคนจึงถือทั้งโล่ห์และไม้กระบอง แถมกระบองบางอันยังมีการเหลาปลายแหลมเปี๊ยบ ชนิดหากประชาชนคนไหนทะเล่อทะล่ามาขวาง ก็เสียบแทงได้ทุกท่วงท่าลีลาเลยหละ หมาต๋าราวหมาบ้ากระหายเลือดเหล่านั้น ได้ดาหน้าบุกไปยังเวทีพันธมิตรตรงสะพานมัฆวานทันที
เมื่อพบพันธมิตรฯเด็ก-หนุ่มสาว-ผู้หญิง- คนชรา หมาต๋ากระหายเลือดก็กระหน่ำตีสุดแรง ไม่เลือกหน้าไม่ปรานีปราศรัย พันธมิตรฯสองมือเปล่าผู้น่าสงสาร ต่างร่วงผล็อยลงคนแล้วคนเล่า บาดเจ็บมากเจ็บน้อยจนเลือดหลั่งสู่ถนนมัฆวาน
ที่สำคัญ..หมาต๋ายังไม่ยอมให้รถพยาบาลเข้าไปรับคนเจ็บหนักอีกต่างหาก
อืมมม..ใจหมาต๋าใหญ่บางคนนี่อำมหิตจริงๆ ขนาดสงครามโลก..เขายังมีกติกาว่าด้วยมนุษยธรรม โดยทหารทุกฝ่ายจะต้องให้ความสะดวกเป็นพิเศษ ต่อหมอ-พยาบาลเหล่านั้นสำหรับการรักษาคนเจ็บได้ทุกฝ่าย
เฮ้อ..หมาต๋าไทยบางคนนี่ จิตใจมิใช่คน..อ้อ..น่าจะเป็นสัตว์ที่โผล่มาจากขุมนรกว่ะ!
นอกจากนั้นหมาต๋ายังทำเกินเลย กว่าการปิดหมายศาลต่อไปอีก นั่นคือ มีการรื้อทำลายข้าวของมีค่า-เต๊นท์ที่พักอาศัย-เวทีพันธมิตรฯ แถมยังมีการขนข้าวของเหล่านั้นทิ้งลงคลองอีกด้วย
ไม่เพียงเท่านั้นหมาต๋าใหญ่บางคนยังสั่งกำลังพล ยกกำลังพร้อมโล่-กระบอง-บางคนยังถือปืนบุกเข้าประตูทำเนียบฯ ด้านหนึ่ง มีการทุบตีผู้คนสองมือเปล่าที่นั่งขวางประตูอยู่ กระทั่งหมาต๋าบางคนยังใช้ปืนจ่อหัวประชาชนอีกด้วย
แต่ประชาชนทั้งเด็ก-หญิง-ชาย-ผู้เฒ่าทั้งหลายสองมือเปล่า ก็ยืนหยัดเฝ้าปากประตูอย่างเหนียวแน่น จนในที่สุดหมาต๋าผู้กระหายเลือดก็ไม่อาจเข้าสู่ทำเนียบฯ ได้ เพราะสู้หัวจิตหัวใจพันธมิตรฯ เหล่านี้ไม่ไหว จำต้องล่าถอยกลับไปอย่างไม่เป็นกระบวน
หลังภาพปฏิบัติการกระหายเลือดอันทารุณของหมาต๋าไทยเป็นข่าวระบือไปทั่วทั้งโลก น้ำตาของผู้รักความเป็นธรรมก็นองหน้าไปทุกหนแห่ง รัฐบาล “จมูกชมพู่” กับตำรวจไทยจึงโดนประณามด่าทอต่อต้านอย่างหนัก
จากนั้นผู้คนที่รักความเป็นธรรมทั่วประเทศ ต่างหลั่งไหลมายังทำเนียบฯ ไทยคู่ฟ้า สนับสนุนการต่อสู้ของพันธมิตรฯ และประชาชนผู้หาญกล้าอย่างท่วมท้น
“จมูกชมพู่” อารมณ์คั่งแค้นยิ่งนัก แค้นจนแทบกระอักออกมาเป็นโลหิต ให้ตายคาซอยโอฬารให้รู้แล้วรู้แรดเลยล่ะ การคิดใช้กำลังตำรวจเข้าปราบปรามประชาชนในทำเนียบฯ ไทยคู่ฟ้า จึงถูกวางแผนอย่างไม่แนบเนียนจนน่าเกลียดน่าชังจริงๆ
นั่นคือ “จมูกชมพู่-ยี้ห้อย” กับรัฐมนตรีบางคน ได้จ้างพวกอันธพาลของรัฐ “นรกป่วนกรุง”จากต่างจังหวัดเข้า กทม.ตำรวจที่รู้เห็นเป็นใจได้ปล่อยให้อันธพาลเหล่านี้ถือ-มีด-ไม้-ปืนยกพลจากสนามหลวง มาหาเรื่องทำร้ายพันธมิตรฯ และประชาชน ที่ชุมนุมอย่างสงบอยู่ในทำเนียบฯ
แผนชั่วของ “จมูกชมพู่” กับพวกดังกล่าว นำความเสียหายต่อเพื่อนมนุษย์ทั้งสองฝ่าย จนถึงขั้นบาดเจ็บและเสียชีวิตแล้ว!
รุ่งเช้าของวันที่ 2 กันยายน 2551 รัฐบาล “จมูกชมพู่” ที่สิ้นความชอบธรรมโดยสิ้นเชิงแล้ว ได้ตัดสินใจปราบประชาชนขั้นเด็ดขาด ด้วยการประกาศใช้ พ.ร.ก.ความมั่นคงทันที โดยมี “เถิกง่ามถ่อ” รับหน้าเสื่อเป็น “แม่ทัพใหญ่”
จอมยุทธ์หลายคนตั้งคำถามกับ “เชี่ยวชวนะ”ว่า แล้วการเมืองไทยกับสถานการณ์แบบนี้..บทจบจะเป็นอย่างไรหว่า?
“ตั๊กสิม-อ้อแอ้”และพลพรรคพลังประชาชนกับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ยอมให้ “จมูกชมพู่” ยุบสภาฯ-ลาออก เรียกว่า..ห้ามถอดกางเกง..เอ๊ย..ถอดใจ ห้ามชูธงขาวให้ชูแต่ธงแดง นปก.สู้-สู้-สู้ลูกเดียวนะเฟ้ย
ที่สำคัญแนวปฏิบัตินี้ มันตรงใจของนายกฯ “จมูกชมพู่” ที่คิดเสมอว่า..เรื่องอะไรตูจะลาออกหรือยุบสภาฯ ง่ายๆ พันธมิตรฯ หรือใครหน้าไหนจะเรียกร้อง และถึงแม้นการเป็นนายกฯ ของตูจะส่งผลต่อความหายนะให้ชาติบ้านเมืองมากแค่ไหน? ขอบอกไว้เลยว่า... “จมูกชมพู่” ไม่สนจริงๆ ครับ
เพราะ “จมูกชมพู่” รู้อยู่แก่ใจว่า วันนี้..หากก้าวลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ ชาตินี้ชาติหน้าตูไม่มีวันจะได้กลับมาเป็นนายกฯ ซ้ำสองอีกแล้ว..
สรุป..คติในใจของ “จมูกชมพู่” คือ “กูไม่สน-กูไม่ออก-กูไม่ยุบ”นั่นเอง
อืมมม..สถานการณ์วิกฤตขนาดนี้ จอมยุทธ์ “เถิกง่ามถ่อ” จะนั่งกระดิกนิ้วหัวแม่โป้งเท้า (ตีน)ไม่ได้อีกแล้ว จะถือคติช่างมันฉันไม่แคร์ว่า..บ้านเมืองใกล้จะล่มจมแบบนี้ แต่ฉันยังเสือกลับ-ลวง-พรางอีก..ก็ไม่ได้เช่นกันว่ะ..เฮ้อ..
ถึงตอนนี้ “เถิกง่ามถ่อ” คงต้องชักดาบ แล้วตะโกนบอกไพร่พลสีเขียวของตนว่า..
เอ้า..พวกเราชาวสีเขียว..อึ๊บ..รัฐบาล “จมูกชมพู่หมักเน่า” ได้แล้วว้อยยยย...