xs
xsm
sm
md
lg

"ปทีป"เต็งหนึ่งจ่อคิวนั่งรักษาการผบ.ตร.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน-ปชป.อัด"เพื่อไทย" ไร้มารยาท จุ้นกิจการภายในรัฐบาล ที่มาบีบ"มาร์ค" ตั้งผบ.ตร.-ปรับครม. ยันเมื่อยังไม่มี ผบ.ตร. ก็ตั้งรักษาการไปก่อนได้ ไม่ผิดกฎหมาย ด้าน"เพื่อไทย" จี้มาร์คลาออกหากยังหา ผบ.ตร.ไม่ได้ แอบหวังส้มหล่นใส่ "เพรียวพันธ์" จับตาชู'ปทีป'รักษาการผบ.ตร.

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ปรับ ครม. และแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ให้เสร็จสิ้นก่อน30 ก.ย.นี้ว่า ถ้าดูระยะเวลาเหลืออีก 2-3 วัน ก็จะสิ้นเดือนก.ย.แล้ว จึงไม่สามารถที่จะทำตามข้อเสนอนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ยังไม่มี ผบ.ตร. ก็สามารถตั้งผู้รักษาการแทนได้ ตามที่กฏหมายกำหนด เพราะบางหน่วยงานก็ยังไม่สามารถแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง ข้าราชการระดับรองลงมา ก็สามารถดำเนินงานได้

ดังนั้นพรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องมาเร่งรัด และพยายามทำเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นการเมือง

"รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญอยู่แล้ว โดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ตร. ที่ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช และรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ผบ.ตร. ก็มีการแต่งตั้งตำแหน่งรักษาการแทนทั้งสิ้น ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด หรือผิดกฏหมายใดๆ ในการบริหาร" นายเทพไทกล่าว

สำหรับข้อเรียกร้องที่ให้มีการปรับ ครม.นั้น นายเทพไท กล่าวว่าการตัดสินใจทั้งหมดเป็นของนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยควรที่จะมีมารยาททางการเมือง ไม่ต้องมาจุ้นจ้านกับกิจการภายในของรัฐบาล เพราะรัฐบาลชุดนี้ได้บริหารงานไปด้วยดี ราบรื่น ยังไม่เห็นรัฐมนตรีคนใดที่สร้างความเสียหาย หรือบกพร่องจนถึงขั้นต้องปรับออก

"เราไม่ควรปรับ ครม.พร่ำเพรื่อ โดยมองตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นเก้าอี้ดนตรี เหมือนที่เคยเกิดกับรัฐบาลทักษิณ ที่มีการปรับครม.เป็นว่าเล่นตามความพอใจของพ.ต.ท.ทักษิณ บางกระทรวง เช่น ศึกษาธิการ ระยะเวลา 6 ปี มีรัฐมนตรีถึง 8 คน ทำให้ระบอบการศึกษาไทยถอยหลังเข้าคลอง และตกต่ำจนถึงทุกวันนี้ จนรัฐบาลชุดนี้ต้องเข้ามาปฏิรูป และฟื้นฟูระบบการศึกษาใหม่" นายเทพไท กล่าว

ตอกไม่ใช้ตร.เป็นเครื่องมือการเมือง

ด้าน น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก หลังจากไม่สามารถแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่ได้ ว่า สาเหตุที่นายกฯ ต้องเลื่อนการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ออกไป เพื่อไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลและนายกฯ ต้องการส่งเสริมค่านิยมในเรื่องระบบคุณธรรม และจริยธรรมในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งผิดกับอดีตในช่วงที่ พล.ต.ท.ชัชจ์ เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยเฉพาะคดีการฆ่าตัดตอนที่ถูกสอบถามเป็นอย่างมากในเวทีโลก หลังจากนายกฯ เดินทางไปร่วมประชุมใหญ่กับสหประชาชาติที่สหรัฐอเมริกา รวมถึงคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความของผู้ถูกกล่าวหาก่อความไม่สงบใน 3 จ.ชายแดนภาคใต้ ซึ่งล่าสุดนิตยสารไทม์ ประจำสัปดาห์นี้ ได้ยกย่อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯของไทยว่า เป็นผู้นำคนแรกที่ยึดหลักสิทธิมนุษยชน และหลักนิติธรรม

น.พ.บุรณัชย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเปิดเผย และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินคดี เพราะขณะนี้มีกระบวนการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม จึงขอสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเปิดเผยข้อมูลบริษัทนอมินี ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในกลุ่มกุหลาบแก้ว บริษัทวินมาร์ค และบริษัทแอมเพิลริช ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของพ.ต.ท.ทักษิณ 6.7 หมื่นล้านบาท ถึงเวลาแล้ว ที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน ในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงที่เป็นฝ่ายค้านได้ออกมาเปิดเผยในเรื่องนี้

อ้าง"เพรียวพันธ์"อาวุโสเบอร์ 1

ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ใช่โลกทั้งใบหมุนอยู่กับ ผบ.ตร. นั้นเป็นคำพูดที่ฟังดูเหมือนจะดี แต่ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ก็ดำเนินการเรื่องการแต่งตั้งไม่แล้วเสร็จ จนจะถึงวันหมดอายุราชการของ ผบ.ตร. คนปัจจุบัน ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งปัญหายืดเยื้อดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ ใช้หลักกู มากกว่าหลักความยุติธรรม เมื่อไม่มีการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ส่งผลให้ตำแหน่งข้าราชการระดับสูงไม่มีความชัดเจนทำให้ข้าราชการตำรวจเกิดเกียร์ว่าง เกิดปัญหาสังคม เศรษฐกิจ อาชญากรรม และหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น ถ้านายอภิสิทธิ์ ยังแก้ปัญหาตรงนี้ไม่ได้ ก็ควรแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออก แล้วให้ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์มาแก้ปัญหาความเป็นผู้นำกันใหม่ อย่าดันทุรังกันต่อไปเลย

นอกจากนี้ รอง ผบ.ตร. อาวุโสระดับหนึ่ง คือพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ควรได้รับโอกาสเช่นกัน

หนังสือเวียนสั่งการ'ชาตรี'นั่งหน.นรป.

วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) รายงานข่าวแจ้งว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) ได้มีหนังสือเวียนแจ้งไปยังก.ตร.ทุกคน เพื่อแจ้งว่ามีคำสั่งแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ชาตรี สุนทรศร ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็นหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ(สบ10) (หน.นรป.(สบ10) ) แทน พล.ต.อ.ปรุง บุญผดุง หน.นรป.(สบ10) ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน นี้ โดยให้คำสั่งมีผลวันที่ 1 ตุลาคม หลังจากชื่อของพล.ต.ท.ชาตรี ผ่านความเห็นชอบในคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติผู้ได้รับการแต่งตั้ง หรือบอร์ดกลั่นกรองแล้ว แต่ยังไม่ผ่านก.ตร.เนื่องจากการประชุมก.ตร.เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ยังไม่สามารถพิจารณาในวาระแต่งตั้งโยกย้ายได้

ทั้งนี้หนังสือเวียนดังกล่าว ระบุว่าให้ถือว่าคำสั่งแต่งตั้งดังกล่าวนี้ผ่านมติก.ตร.แล้ว ส่วนการแต่งตั้งระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ.จนถึงผู้บัญชาการ ทดแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นให้เลื่อนออกไปยังไม่มีกำหนด

จับตาชู'ปทีป'รักษาการผบ.ตร.

ขณะที่มีรายงานว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) เพื่อแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่แต่อย่างใด คาดว่าจะมีความชัดเจนก็ต่อเมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ต.ช.เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว อย่างไรก็ตามแม้จะมีการแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ก่อนวันที่ 30 กันยายน ก็ตาม แต่ด้วยกระบวนการการแต่งตั้งต้องมีการเสนอเพื่อให้ทรงพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ดังนั้น ในวันที่ 1 ตุลาคม ก็ต้องมีการตั้งรักษาราชการแทนผบ.ตร.ทำหน้าที่แทนไปก่อน

ซึ่งหากไม่มีการแต่งตั้งบุคคลใดเข้ามารักษาราชการแทนผบ.ตร.ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 72 (2) รอง.ผบ.ตร. ที่มีตำแหน่งอาวุโสสูงสุด จะขึ้นมารักษาราชการแทนโดยอัตโนมัติ แต่หากไม่มีการตั้งรักษาราชการแทน ผบ.ตร. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง.ผบ.ตร.อาวุโส อันดับหนึ่งก็จะเข้ารักษาราชการแทน แต่คาดว่า นายกรัฐมนตรีน่าจะมีการแต่งตั้งพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.)เป็นรักษาราชการแทน ผบ.ตร.

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เคยมีการตั้ง รักษาการแทน.ผบ.ตร.ทำหน้าที่นานถึง 7 เดือน โดยครั้งนั้นมีการตั้ง พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ รองผบ.ตร.เป็น รักษาการแทน.ผบ.ตร. หลังจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ผบ.ตร.ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 19 มีนาคม 2547

ทั้งนี้ ในห้วงนั้น ไม่มีการออกคำสั่งปลดออกหรือไล่ออก หรือแม้แต่การยื่นหนังสือลาออกของ พล.ต.อ.สันต์ แต่อย่างใด ทำให้ตำแหน่งผบ.ตร.ยังไม่ว่างลง จึงไม่สามารถตั้งผบ.ตร.คนใหม่ได้ทันที ต้องรอจนกว่า พล.ต.อ.สันต์ เกษียณอายุราชการใน วันที่30 กันยายน 2547 ก.ต.ช.จึงตั้ง พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ขึ้นเป็นผบ.ตร.คนต่อไปนับวันที่ 1 ตุลาคม 2547 ซึ่งเป็นคนละกรณีกับครั้งนี้ ที่ในวันที่ 1 ตุลาคม ที่จะถึงตำแหน่งผบ.ตร.จะว่างลง และจะต้องมีการตั้งรักษาการแทน.ผบ.ตร.ทำหน้าที่โดยยังไม่มีผบ.ตร.ตัวจริง
กำลังโหลดความคิดเห็น