ปชป.ย้ำจุดยืน แก้ไข รธน.ต้องทำประชามติ อัดเพื่อไทยพลิกลิ้นหวังใช้ รธน.เป็นตัวประกัน ต่อรอง หวังผลทางการเมือง ยัน “มาร์ค” ไม่คิดยุบสภาหลังแก้ รธน.ตอกกลับ “ชัชจ์” ทำให้ สตช.มัวหมอง
วันนี้ (27 ก.ย.) นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรธน.ที่พรรคเพื่อไทยออกมาเรียกร้อง ว่า ต้องฟังเสียงของประชาชน แต่ขณะนี้กลับพบว่าพรรคเพื่อไทยมีความพยายามเกณฑ์คนเสื้อแดง ออกมาสร้างเงื่อนไขและต่อรอง ในขณะที่หลายฝ่ายกำลังอยู่ในกระบวนการหาทางออก ไม่ว่าจะเป็นการทำประชามติ หรือคณะกรรมการสมานฉันท์ แต่วันนี้พรรคฝ่ายค้านกลับไม่เอาแนวทางการทำประชามติ ก็เท่ากับว่า ไม่ฟังเสียงของประชาชน จึงเป็นห่วงเรื่องของการแก้ไข รธน.จะนำไปสู่เกมการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องเกี่ยวกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและลงทุนในประเทศ
“แนวคิดเรื่องการแก้ไข รธน.พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนอย่างชัดเจน คือ ต้องฟังแนวคิดของประชาชนโดยการทำประชามติ ซึ่งเป็นการสะท้อนว่าทุกฝ่ายเคารพและยอมรับฟังเสียงของประชาชน เชื่อว่า แนวทางนี้จะเป็นทางออกที่เหมาะสมสำหรับการแก้ไข รธน.” นายสาธิต กล่าว
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องการแก้ไข รธน.ต้องรอการประชุมของวิป 3 ฝ่าย ร่วมกับนายกรัฐมนตรีในวันที่ 1 ต.ค.นี้อีกครั้ง ซึ่งจะมีการหยิบยกข้อเสนอมาหารือ ส่วนจะได้ข้อสรุปอย่างไรต้องรอฟังมติ เพราะขณะนี้ยังมีความเห็นหลากหลายโดยสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ จะมีการประชุม ส.ส.และกรรมการบริหารพรรค ในวันที่ 29 ก.ย.นี้ เพื่อกำหนดจุดยืนและแนวทางของพรรคต่อไป ยืนยันว่า นายกฯไม่เคยประกาศจุดยืนว่าจะแก้ไข รธน.เสร็จแล้วจะยุบสภาทันที เพราะขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะมีรูปแบบหรือแนวทางแก้ไขอย่างไร แต่พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าต้องฟังเสียประชาชน ส่วนจะเสร็จภายใน 6 เดือนหรือไม่พรรคไม่ยืนยัน แต่เชื่อว่า ในระยะเวลา 6 เดือนประชาชนจะเห็นความคืบหน้าและสถานการณ์คลี่คลายนำไปสู่การแก้ปัญหา
“เราเห็นด้วยกับแนวทางการปฏิรูปการเมือง ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดพรรคไม่ขัดข้องหากแก้วิกฤติของบ้านเมืองและนำไปสู่ความสงบสุขได้ แต่ไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยหรือกลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหว โดยเอาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองมาเป็นตัวประกัน เพื่อต่อรองทางการเมือง”
นพ.บุรณัชย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก หลังไม่สามารถแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ได้ ว่า สาเหตุที่นายกฯ ต้องเลื่อนการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ออกไป เพื่อไม่ต้องการสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลและนายกฯ ต้องการส่งเสริมค่านิยม ในเรื่องระบบคุณธรรมและจริยธรรมในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งผิดกับอดีตในช่วงที่ พล.ต.ท.ชัชจ์ เป็นรองเลขาธิการนายกฯ ได้ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยเฉพาะคดีการฆ่าตัดตอนที่ถูกสอบถามเป็นอย่างมากในเวทีโลก หลังจากนายกฯเดินทางไปร่วมประชุมใหญ่กับสหประชาชาติที่สหรัฐฯ รวมถึงคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความของผู้ถูกกล่าวหาก่อความไม่สงบใน จ.ชายแดนใต้ ซึ่งล่าสุดนิตยสารไทม์ประจำสัปดาห์นี้ ได้ยกย่อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ของไทยว่าเป็นผู้นำคนแรกที่ยึดหลักสิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรม
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการเปิดเผยและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ต่อการดำเนินคดี เพราะขณะนี้มีกระบวนการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม จึงขอสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาเปิดเผยข้อมูลบริษัทนอมินี ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในกลุ่มกุหลาบแก้ว บริษัท วินมาร์ค และบริษัท แอมเพิลริช ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ 6.7 หมื่นล้านบาท ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนในฐานะที่พรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงที่เป็นฝ่ายค้านได้ออกมาเปิดเผยในเรื่องนี้
นพ.บุรณัชย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ออกมาเรียกร้องรัฐบาลเปลี่ยนชื่อโครงการชุมชนพอเพียง ว่า ยืนยันว่า โครงการชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง เป็นโครงการที่ดีตามแนวพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นแบบอย่างที่ดีในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและในเวทีระดับโลกให้ความสนใจในเรื่องนี้ จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อ และพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการนี้ โดยพยายามทำทุกรูปแบบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้และจัดการเด็ดขาดกับพวกที่แสวงหาผลประโยชน์ หากเห็นว่าหางกระดิกก็ตัดหางก่อนซึ่งผิดกับรัฐบาลที่ผ่านมา ที่ปล่อยให้หัวกระดิกและหางก็กระดิกตาม ซึ่งในขณะนี้พบว่าโครงการเอสเอ็มแอลและโครงการอยู่ดีมีสุข ในพื้นที่ภาคอีสานมีคนของพรรคการเมืองฝ่ายค้านเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย