ASTVผู้จัดการรายวัน – โบรกเกอร์อสังหาฯภูเก็ตกระเตื้องยอดเข้าชมโครงการเพิ่ม 10% ต้นปี เผยหลายบริษัทปีนี้ยังไม่มียอดขาย คาดอสังหาฯหลังจากนี้ ฟื้นตามเศรษฐกิจโลก ล่าสุดจัดงาน “Taste of Living” สยามพารากอน ขน 10 โครงการอัดแคมเปญลดราคา 10-18% ขู่ซื้ออสังหาฯปีนี้ถูกกว่าปีหน้าแน่ เหตุน้ำมันขยับขึ้นรายวัน
นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัทไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวยอมรับว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ชะลอตัวอย่างมาก โดยเฉพาะตามเมืองท่องเที่ยว ภูเก็ต สมุย ที่หลายโครงการยังไม่มียอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจโลกและของไทยมีสัญญาณเป็นบวกมากขึ้น ทำให้เชื่อว่าภาวะตลาดอสังหาฯหลังจากนี้ จะมีทิศทางดีขึ้น ซึ่งหากพิจารณาจากอัตราเข้าเยี่ยมชมโครงการพบว่ามียอดลูกค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 10% นับจากต้นปี แม้ว่าจะยังไม่มียอดขายตามมา แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดี
“ ตอนนี้ผู้ประกอบการหลายรายที่ภูเก็ต ยังไม่มียอดขาย ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก เพราะโครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านหรือวิลลา ที่จะลงทุนก่อสร้างก็ต่อเมื่อมีลูกค้าจอง วางเงินดาวน์ อีกทั้งยังเก็บเงินตามงวดงาน ลูกค้าจึงไม่ทิ้งบ้าน หากไม่มีคนซื้อก็ไม่ได้ลงทุนทำให้ยังสามารถอยู่รอดได้ แม้ไม่มีรายได้ อย่างไรก็ดี จากสัญญาณเศรษฐกิจโลกที่จะเริ่มฟื้นตัว ทำให้บริษัทเชื่อมั่นใจว่าตลาดอสังหาฯจะปรับตัวดีขึ้นตาม โดยเริ่มเห็นได้จากตลาดสิงคโปร์และฮ่องกงที่อสังหาฯเริ่มขายดี ” นายพนมกล่าว
สำหรับแนวโน้มอสังหาฯของไทย หากพิจารณาจากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องปัจจุบันมาอยู่ที่ระดับ 70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จะเป็นตัวผลักดันให้ต้นทุนการก่อสร้างสูงขึ้น บ้านหรือโครงการคอนโดฯที่สร้างใหม่ ย่อมมีราคาสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กอปรกับในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังมีความต้องการขายมาก ทำให้ลดราคาลงมาพร้อมทั้งมอบโปรโมชันจำนวนมาก ดังนั้น ช่วงนี้จึงถือเป็นจังหวะที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาฯ
นายแฟรงค์ ข่าน ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ฯ กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทเตรียมจัดงาน “ Taste of Living ” ระหว่างวันที่ 15-25 ต.ค.นี้ ณ ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยนำที่อยู่อาศัย 10 โครงการ มาจัดโปรโมชันพิเศษให้แก่ลูกค้า ซึ่งบางโครงการสามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย นอกจากนี้ ยังคัดเลือก 5 ยูนิต/โครงการมาลดราคาพิเศษ 10-18% อีกด้วย โดยบริษัทคาดว่าจะมียอดขายจากในงานดังกล่าวไม่น้อยกว่า 300-400 ล้านบาท
(ตัดส่วนนี้ทิ้งได้ )สำหรับ 10 โครงการได้แก่ 1โครงการโบ๊ทเฮ้าส์ หัวหิน, 2.โครงการบ้านชานทะเล ชะอำ-หัวหิน, 3. โครงการมายรีสอร์ท แบงคอก, 4.โครงการพาร์คเลน จอมเทียน รีสอร์ท, 5. โครงการภูผาธารา จ.ระยอง, 6. โครงการศุภาลัย คาซา ริวา, 7.โครงการศุภาลัย คาซา ริวา วิสต้า, 8 โครงการเดอะ สตาร์ เอสเตท พัฒนาการ, 9.โครงการโกลเด้นท์ โคสท์ และ 10.โครงการเดอะฟายน์ อารีย์
นายพนมกล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทรับบริหารงานขายทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวม 12,500 ล้านบาท ล่าสุดได้เซ็นสัญญาบริหารงานขายอีก 1 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่ผสมผสานระหว่างโรงแรมและคอนโดฯ โดยบริษัทจะรับบริหารงานขายในส่วนของคอนโดฯ มูลค่าขาย 1,000 ล้านบาท และคาดว่าภายในปีนี้จะรับบริหารเพิ่มอีก 2 โครงการในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
“ เป้าหมายยอดขายนั้น ปีนี้ไม่ได้คาดหวังมาก เพราะต้องยอมรับภาวะตลาดแต่ก็จะพยายามเต็มที่ ส่วนปีหน้าปลายปีจะมีโครงการขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทเป็นที่ปรึกษาโครงการตลอดจนบริหารงานขายให้ โดยในแต่ละปีบริษัทจะรับบริหารเพียง 7-8 โครงการ ตามกำลังที่มีอยู่ ”
นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัทไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวยอมรับว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ชะลอตัวอย่างมาก โดยเฉพาะตามเมืองท่องเที่ยว ภูเก็ต สมุย ที่หลายโครงการยังไม่มียอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจโลกและของไทยมีสัญญาณเป็นบวกมากขึ้น ทำให้เชื่อว่าภาวะตลาดอสังหาฯหลังจากนี้ จะมีทิศทางดีขึ้น ซึ่งหากพิจารณาจากอัตราเข้าเยี่ยมชมโครงการพบว่ามียอดลูกค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 10% นับจากต้นปี แม้ว่าจะยังไม่มียอดขายตามมา แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดี
“ ตอนนี้ผู้ประกอบการหลายรายที่ภูเก็ต ยังไม่มียอดขาย ซึ่งก็ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก เพราะโครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านหรือวิลลา ที่จะลงทุนก่อสร้างก็ต่อเมื่อมีลูกค้าจอง วางเงินดาวน์ อีกทั้งยังเก็บเงินตามงวดงาน ลูกค้าจึงไม่ทิ้งบ้าน หากไม่มีคนซื้อก็ไม่ได้ลงทุนทำให้ยังสามารถอยู่รอดได้ แม้ไม่มีรายได้ อย่างไรก็ดี จากสัญญาณเศรษฐกิจโลกที่จะเริ่มฟื้นตัว ทำให้บริษัทเชื่อมั่นใจว่าตลาดอสังหาฯจะปรับตัวดีขึ้นตาม โดยเริ่มเห็นได้จากตลาดสิงคโปร์และฮ่องกงที่อสังหาฯเริ่มขายดี ” นายพนมกล่าว
สำหรับแนวโน้มอสังหาฯของไทย หากพิจารณาจากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องปัจจุบันมาอยู่ที่ระดับ 70 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จะเป็นตัวผลักดันให้ต้นทุนการก่อสร้างสูงขึ้น บ้านหรือโครงการคอนโดฯที่สร้างใหม่ ย่อมมีราคาสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กอปรกับในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังมีความต้องการขายมาก ทำให้ลดราคาลงมาพร้อมทั้งมอบโปรโมชันจำนวนมาก ดังนั้น ช่วงนี้จึงถือเป็นจังหวะที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาฯ
นายแฟรงค์ ข่าน ผู้อำนวยการฝ่ายโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ฯ กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทเตรียมจัดงาน “ Taste of Living ” ระหว่างวันที่ 15-25 ต.ค.นี้ ณ ชั้น M ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยนำที่อยู่อาศัย 10 โครงการ มาจัดโปรโมชันพิเศษให้แก่ลูกค้า ซึ่งบางโครงการสามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย นอกจากนี้ ยังคัดเลือก 5 ยูนิต/โครงการมาลดราคาพิเศษ 10-18% อีกด้วย โดยบริษัทคาดว่าจะมียอดขายจากในงานดังกล่าวไม่น้อยกว่า 300-400 ล้านบาท
(ตัดส่วนนี้ทิ้งได้ )สำหรับ 10 โครงการได้แก่ 1โครงการโบ๊ทเฮ้าส์ หัวหิน, 2.โครงการบ้านชานทะเล ชะอำ-หัวหิน, 3. โครงการมายรีสอร์ท แบงคอก, 4.โครงการพาร์คเลน จอมเทียน รีสอร์ท, 5. โครงการภูผาธารา จ.ระยอง, 6. โครงการศุภาลัย คาซา ริวา, 7.โครงการศุภาลัย คาซา ริวา วิสต้า, 8 โครงการเดอะ สตาร์ เอสเตท พัฒนาการ, 9.โครงการโกลเด้นท์ โคสท์ และ 10.โครงการเดอะฟายน์ อารีย์
นายพนมกล่าวต่อว่า ปัจจุบันบริษัทรับบริหารงานขายทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวม 12,500 ล้านบาท ล่าสุดได้เซ็นสัญญาบริหารงานขายอีก 1 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่ผสมผสานระหว่างโรงแรมและคอนโดฯ โดยบริษัทจะรับบริหารงานขายในส่วนของคอนโดฯ มูลค่าขาย 1,000 ล้านบาท และคาดว่าภายในปีนี้จะรับบริหารเพิ่มอีก 2 โครงการในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
“ เป้าหมายยอดขายนั้น ปีนี้ไม่ได้คาดหวังมาก เพราะต้องยอมรับภาวะตลาดแต่ก็จะพยายามเต็มที่ ส่วนปีหน้าปลายปีจะมีโครงการขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท โดยบริษัทเป็นที่ปรึกษาโครงการตลอดจนบริหารงานขายให้ โดยในแต่ละปีบริษัทจะรับบริหารเพียง 7-8 โครงการ ตามกำลังที่มีอยู่ ”
