ASTVผู้จัดการรายวัน-ทอท.ชงบอร์ดตรวจร่างทีโออาร์รถเข็นกระเป๋าครั้งสุดท้ายเพื่อความโปร่งใส ก่อนเปิดประมูลวิธีพิเศษ เชิญชวนรายใหญ่ระดับโลกเข้ายื่นแข่งขัน เพื่อเร่งส่งมอบช่วงม.ค.53 พร้อมสรุปค่าพื้นที่ส่วนเกินร้านค้าคิงเพาเวอร์ส่วนที่เหลือ 5,000 ตร.ม. หารือเตรียมการพิธีเปิดสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการหวังประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ทอท. ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธานวันนี้ (24 ก.ย.) จะเสนอร่างทีโออาร์ในการคัดเลือกเอกชนรายใหม่เข้ามาดำเนินการจัดหาและให้บริการรถเข็นกระเป๋า ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งได้จัดทำรายละเอียดเงื่อนไขการเชิญชวนเรียบร้อยแล้ว รายงานต่อที่ประชุมบอร์ดทอท.ก่อนเร่งดำเนินการคัดเลือกเอกชน
ทั้งนี้ ทอท.จะใช้วิธีพิเศษ เชิญเอกชนที่มีประสบการณ์ในการจัดหาและให้บริการรถเข็นในสนามบินต่างๆ ไม่น้อยกว่า 3 ราย ยื่นข้อเสนอเข้าแข่งขัน ซึ่งทีโออาร์จะกำหนดคุณสมบัติของรถเข็นกระเป๋า และเป็นยี่ห้อชั้นนำใน 3 อันดับแรกของโลก มีคุณสมบัติเบื้องต้นผลิตด้วยอลูมิเนียม มีขนาดเบา เป็นการแก้ไขปัญหาการใช้งานจากรถเข็นกระเป๋าเดิมที่มีน้ำหนักมาก ต้องยึดเกาะบันไดเลื่อนได้ จำนวน 9,034 คัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติมาตรฐานของรถเข็นกระเป๋า โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการพิจารณาคัดเลือก โดยจะทยอยการส่งมอบรถเข็นกระเป๋าเข้ามาได้เดือนม.ค.2553 ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติของรถเข็นกระเป๋าที่เป็นมาตรฐานจะทำให้ด้านเทคนิคไม่แตกต่างกันมากนัก แต่จะตัดสินกันที่ข้อเสนอด้านการบริหารจัดการและค่าจ้าง ซึ่งทอท.กำหนดไว้ว่าค่าจ้างบริหารจัดการจะต้องไม่สูงกว่าเดิมที่ทอท.เคยจ้าง บริษัทไทยแอร์พอร์ต กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด(แทกส์) ขณะที่ประสิทธิภาพในการให้บริการต้องดีกว่าเดิมซึ่งสัญญาการบริการรถเข็นกระเป๋าเดิมกับแทกส์นั้น กำหนดอายุสัญญา 7 ปี วงเงินค่าจ้าง 532.86 ล้านบาท คิดเป็นค่าจ้าง6.34 ล้านบาทต่อเดือน รวม 84 เดือน
“หลังจากทอท.ยกเลิกสัญญารถเข็นกระเป๋ากับบริษัทแทกส์ ก็พยายามเร่งรัดเพื่อจัดหาผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋ารายใหม่ตามนโยบายของประธานบอร์ดทอท.เพื่อให้ผู้ใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิได้รับความสะดวกมากที่สุด”นายเสรีรัตน์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบันรถเข็นกระเป๋าชั้นนำของโลก เช่นยี่ห้อ WANZAL , EXPRESSO ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทล็อกซเล่ย์ฯ เคยเสนอรถเข็นกระเป๋ายี่ห้อ EXPRESSO ของเยอรมนีแต่ผลิตในประเทศจีน ส่วนแทกส์เคยเสนอยี่ห้อ Wuhan Chuang Yuan ประเทศจีนมาใช้ หลังมีปัญหารถเข็นกระเป๋าหาย ขณะที่มีกระแสข่าวว่าบริษัท คิงเพาเวอร์อาจจะร่วมชิงสัญญารถเข็นกระเป๋าด้วยแต่ยังไม่มีความชัดเจน โดยคิงเพาเวอร์ได้สัญญาการโฆษณาบนรถเข็นกระเป๋าซึ่งขณะนี้ต้องหยุดสัญญาไว้ชั่วคราวเพื่อรอการจัดหารถเข็นกระเป๋าใหม่
นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้จะรายงานความคืบหน้าการเจรจากรณีการเก็บค่าเช่าพื้นที่ส่วนเกินจากบริษัท คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ ที่ได้รับสัมปทานเป็นผู้จัดสรรพื้นที่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งในเบื้องต้นได้กำหนดพื้นที่ร้านค้าเชิงพาณิชย์ไม่เกิน 20,000 ตร.ม. แต่มีการใช้จริงเกินไปกว่า 5,000 ตร.ม.คิดเป็น มูลค่าประมาณ 300-400 ล้านบาท
“มูลค่าที่ทางคิงเพาเวอร์จ่ายให้นั้นเป็นการคิดค่าเช่าย้อนหลังนับตั้งแต่สุวรรณภูมิเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2548 – ธันวาคม 2551 ประมาณ 300-400 ล้านบาท“นายเสรีรันต์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2552 ทอท.ได้รายงานรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีการเก็บค่าเช่าในพื้นที่ส่วนเกินจากบริษัทคิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรี จำกัดให้บอร์ดรับทราบ ว่ามีการใช้พื้นที่ในส่วนนี้จริง 11,000 ตร.ม. ซึ่งเกินกำหนดตามสัญญาที่กำหนดไว้ที่ 5,000 ตร.ม. ทั้งนี้ฝ่ายการพาณิชย์ที่รับผิดชอบในงานส่วนนี้ได้ไปเจรจาเพื่อเรียกเก็บค่าเช่าย้อนหลังนับตั้งแต่สุวรรณภูมิเปิดให้บริการเมื่อปี 28 กันยายน 2549 – พฤษภาคม 2552 โดยทางคิงส์เพาเวอร์ยืนยันแล้วว่าจะจ่ายค่าเช่าให้ โดยแบ่งออกเป็น 2 งวด ประกอบด้วย งวดแรกจำนวน 514 ล้านบาท ซึ่งจะจ่ายวันที่ 30 สิงหาคม 2552 และงวดที่2 จำนวน 475 ล้านบาท ในวันที่ 31 ตุลาคม 2552 นี้
นอกจากนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมบอร์ดทอท.จะมีการหารือถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับพิธีเปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ (Grand Opening) โดยคาดว่าจะเป็นช่วงประมาณเดือนเม.ย. 2553 ทั้งนี้ พิธีเปิดอย่างเป็นทางการจะเป็นการประชาสัมพันธ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งด้านภาพลักษณ์และการบริการที่ดี โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้เปิดใช้เชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 2549
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ ทอท. ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธานวันนี้ (24 ก.ย.) จะเสนอร่างทีโออาร์ในการคัดเลือกเอกชนรายใหม่เข้ามาดำเนินการจัดหาและให้บริการรถเข็นกระเป๋า ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งได้จัดทำรายละเอียดเงื่อนไขการเชิญชวนเรียบร้อยแล้ว รายงานต่อที่ประชุมบอร์ดทอท.ก่อนเร่งดำเนินการคัดเลือกเอกชน
ทั้งนี้ ทอท.จะใช้วิธีพิเศษ เชิญเอกชนที่มีประสบการณ์ในการจัดหาและให้บริการรถเข็นในสนามบินต่างๆ ไม่น้อยกว่า 3 ราย ยื่นข้อเสนอเข้าแข่งขัน ซึ่งทีโออาร์จะกำหนดคุณสมบัติของรถเข็นกระเป๋า และเป็นยี่ห้อชั้นนำใน 3 อันดับแรกของโลก มีคุณสมบัติเบื้องต้นผลิตด้วยอลูมิเนียม มีขนาดเบา เป็นการแก้ไขปัญหาการใช้งานจากรถเข็นกระเป๋าเดิมที่มีน้ำหนักมาก ต้องยึดเกาะบันไดเลื่อนได้ จำนวน 9,034 คัน ซึ่งเป็นคุณสมบัติมาตรฐานของรถเข็นกระเป๋า โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการพิจารณาคัดเลือก โดยจะทยอยการส่งมอบรถเข็นกระเป๋าเข้ามาได้เดือนม.ค.2553 ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติของรถเข็นกระเป๋าที่เป็นมาตรฐานจะทำให้ด้านเทคนิคไม่แตกต่างกันมากนัก แต่จะตัดสินกันที่ข้อเสนอด้านการบริหารจัดการและค่าจ้าง ซึ่งทอท.กำหนดไว้ว่าค่าจ้างบริหารจัดการจะต้องไม่สูงกว่าเดิมที่ทอท.เคยจ้าง บริษัทไทยแอร์พอร์ต กราวด์ เซอร์วิสเซส จำกัด(แทกส์) ขณะที่ประสิทธิภาพในการให้บริการต้องดีกว่าเดิมซึ่งสัญญาการบริการรถเข็นกระเป๋าเดิมกับแทกส์นั้น กำหนดอายุสัญญา 7 ปี วงเงินค่าจ้าง 532.86 ล้านบาท คิดเป็นค่าจ้าง6.34 ล้านบาทต่อเดือน รวม 84 เดือน
“หลังจากทอท.ยกเลิกสัญญารถเข็นกระเป๋ากับบริษัทแทกส์ ก็พยายามเร่งรัดเพื่อจัดหาผู้ให้บริการรถเข็นกระเป๋ารายใหม่ตามนโยบายของประธานบอร์ดทอท.เพื่อให้ผู้ใช้บริการสนามบินสุวรรณภูมิได้รับความสะดวกมากที่สุด”นายเสรีรัตน์กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบันรถเข็นกระเป๋าชั้นนำของโลก เช่นยี่ห้อ WANZAL , EXPRESSO ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทล็อกซเล่ย์ฯ เคยเสนอรถเข็นกระเป๋ายี่ห้อ EXPRESSO ของเยอรมนีแต่ผลิตในประเทศจีน ส่วนแทกส์เคยเสนอยี่ห้อ Wuhan Chuang Yuan ประเทศจีนมาใช้ หลังมีปัญหารถเข็นกระเป๋าหาย ขณะที่มีกระแสข่าวว่าบริษัท คิงเพาเวอร์อาจจะร่วมชิงสัญญารถเข็นกระเป๋าด้วยแต่ยังไม่มีความชัดเจน โดยคิงเพาเวอร์ได้สัญญาการโฆษณาบนรถเข็นกระเป๋าซึ่งขณะนี้ต้องหยุดสัญญาไว้ชั่วคราวเพื่อรอการจัดหารถเข็นกระเป๋าใหม่
นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า นอกจากนี้จะรายงานความคืบหน้าการเจรจากรณีการเก็บค่าเช่าพื้นที่ส่วนเกินจากบริษัท คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ ที่ได้รับสัมปทานเป็นผู้จัดสรรพื้นที่ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งในเบื้องต้นได้กำหนดพื้นที่ร้านค้าเชิงพาณิชย์ไม่เกิน 20,000 ตร.ม. แต่มีการใช้จริงเกินไปกว่า 5,000 ตร.ม.คิดเป็น มูลค่าประมาณ 300-400 ล้านบาท
“มูลค่าที่ทางคิงเพาเวอร์จ่ายให้นั้นเป็นการคิดค่าเช่าย้อนหลังนับตั้งแต่สุวรรณภูมิเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2548 – ธันวาคม 2551 ประมาณ 300-400 ล้านบาท“นายเสรีรันต์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2552 ทอท.ได้รายงานรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีการเก็บค่าเช่าในพื้นที่ส่วนเกินจากบริษัทคิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรี จำกัดให้บอร์ดรับทราบ ว่ามีการใช้พื้นที่ในส่วนนี้จริง 11,000 ตร.ม. ซึ่งเกินกำหนดตามสัญญาที่กำหนดไว้ที่ 5,000 ตร.ม. ทั้งนี้ฝ่ายการพาณิชย์ที่รับผิดชอบในงานส่วนนี้ได้ไปเจรจาเพื่อเรียกเก็บค่าเช่าย้อนหลังนับตั้งแต่สุวรรณภูมิเปิดให้บริการเมื่อปี 28 กันยายน 2549 – พฤษภาคม 2552 โดยทางคิงส์เพาเวอร์ยืนยันแล้วว่าจะจ่ายค่าเช่าให้ โดยแบ่งออกเป็น 2 งวด ประกอบด้วย งวดแรกจำนวน 514 ล้านบาท ซึ่งจะจ่ายวันที่ 30 สิงหาคม 2552 และงวดที่2 จำนวน 475 ล้านบาท ในวันที่ 31 ตุลาคม 2552 นี้
นอกจากนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมบอร์ดทอท.จะมีการหารือถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับพิธีเปิดท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ (Grand Opening) โดยคาดว่าจะเป็นช่วงประมาณเดือนเม.ย. 2553 ทั้งนี้ พิธีเปิดอย่างเป็นทางการจะเป็นการประชาสัมพันธ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิทั้งด้านภาพลักษณ์และการบริการที่ดี โดยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้เปิดใช้เชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 2549
