***ASTVผู้จัดการรายวัน – การออกมาแถลงข่าวของโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ในท่วงทำนอง “เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่ผู้อื่น”เพื่อดีสเครดิตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้องจำเลยในคดีทุจริตกล้ายางทั้ง 44 คน เผยให้เห็นปมขัดแย้ง(อีกครั้ง)ระหว่างอัยการสูงสุดกับคตส.
ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ก้าวแรกที่ “ชัยเกษม นิติสิริ” เข้ารับตำแหน่งอัยการสูงสุด เมื่อปี 2550 แทน พชร ยุติธรรมดำรง ที่หมดวาระลงและต่ออายุราชการไม่สำเร็จ
พลันที่ ชัยเกษม เข้ารับตำแหน่ง เขาถูกตั้งข้อสังเกตจากสังคมทันทีว่า เป็นบุคคลที่มาจากกลุ่มอำนาจเก่าหรือ “ขั้วทักษิณ” และใช่เป็นบุคคลที่ถูกส่งมาเพื่อสกัดคดีขึ้นสู่ศาลใช่หรือไม่
***ถึงแม้ ชัยเกษม จะย้ำหนักแน่นว่าเขาไม่ใช่คนของใครและไม่มีใครสั่งเขาได้ แต่ข้อกังขานี้ได้รับการพิสูจน์ทราบในเวลาต่อมาจากผลการทำงานร่วมกันกับ คตส.และอัยการสูงสุด ที่มีปัญหาอย่างมากราว “ขมิ้นกับปูน”
ชัยเกษม เองก็ยอมรับว่าไม่ชอบใจคตส. ในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในช่วงแรกๆ ของการเข้ารับตำแหน่ง เขาบอกชัดเจนว่า “มีความรู้สึกไม่ดีต่อการทำงานของ คตส. แต่เรื่องความรู้สึกกับเรื่องพยานหลักฐานในการสั่งคดีต้องเป็นคนละเรื่องกัน”
ความไม่ชอบใจ รู้สึกไม่ดี ของอัยการสูงสุดต่อคตส. จะด้วยเหตุผลเพราะคตส.หยิบยกคดีซีทีเอ็กซ์ ขึ้นมาตรวจสอบและชี้มูลความผิดโดยกล่าวหาอัยการสูงสุดร่วมกระทำความผิดอยู่ด้วยหรือไม่ ชัยเกษม ไม่ได้ตอบข้อสงสัยนี้ต่อสังคม
***แต่สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง คตส.กับอัยการสูงสุด นับจากนั้นจวบจนวันสุดท้ายในการทำงานของ คตส. ก็คือ คดีที่ คตส. ส่งให้อัยการสูงสุด ส่งฟ้องต่อศาลฯ สะดุดหยุดลงคดีแล้วคดีเล่าด้วยเหตุผลต่างๆ นานา กระทั่งหนึ่งในคณะกรรมการ คตส. สะท้อนว่า เหมือน“สะพานถูกตัดขาด”
หากนับคดีความที่ คตส. ต้องยื่นฟ้องเองเพราะอัยการสูงสุดมีความเห็นไม่ตรงกับ คตส. โดยอ้างว่าคดีมีความไม่สมบูรณ์ มีอยู่ 3 คดี คือ คดีสลากพิเศษหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว ซึ่งศาลฎีกาฯ กำหนดวันพิพากษาในวันที่ 30 ก.ย. 52 นี้, คดีทุจริตกล้ายาง และคดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้พม่า ซึ่งทั้ง 3 คดีดังกล่าว ศาลฎีกาฯ ได้รับฟ้องคดีไว้ทั้งหมด
***คดีทุจริตกล้ายาง *** นั้น อัยการสูงสุด แจ้งข้อหาไม่สมบูรณ์ ว่าคตส. แจ้งข้อกล่าวหา มาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายอาญา แต่ยังมิได้แจ้งข้อกล่าวหา มาตรา 151 แต่คณะทำงานของ คตส. เห็นว่า ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาตามข้อเท็จจริง รายละเอียดของการกระทำความผิดทั้งหมด ตามความผิดหลักแล้ว ส่วนในชั้นสรุปสำนวน เพิ่มบทกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นการปรับบท
ซึ่งมีแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐานแล้ว จึงถือว่าได้แจ้งข้อกล่าวหาโดยชอบแล้ว เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน หาข้อยุติไม่ได้ คตส. จึงมีมติฟ้องคดีเอง
คดีข้างต้น สัก กอแสงเรือง อดีตคณะกรรมการ คตส. แถลง วานนี้ (23 ก.ย.) ชี้ชัดๆ อีกครั้งว่า ศาลฎีกา ได้พิพากษาว่า คตส.ได้แจ้งข้อกล่าวหาครบถ้วน และมีอำนาจเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย สามารถนำพยานในชั้นตรวจสอบ มาใช้ในชั้นไต่สวนได้ ส่วนที่อัยการเห็นว่า คตส.ไม่มีอำนาจฟ้องเองจนจำเลยยกมาเป็นข้อต่อสู้ ศาลฯได้พิพากษาในประเด็นนี้แล้วว่า คตส. มีอำนาจฟ้อง
ส่วน***คดีสลากพิเศษหรือหวยบนดิน***นั้น อัยการสูงสุด แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ว่า ให้คตส. สอบพยานชั้นตรวจสอบทุกปากใหม่อีกครั้งหนึ่งให้เป็นพยานชั้นไต่สวนและทั้งสองฝ่ายได้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน คณะทำงานฝ่ายคตส. เห็นว่า ตามกฎหมาย ตามระเบียบ คำให้การพยานในชั้นตรวจสอบเป็นส่วนหนึ่งของสำนวนไต่สวน จึงถือเป็นพยานหลักฐานที่ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
ไม่จำเป็นต้องให้พยานทุกปากมายืนยันคำให้การตนเองอีกครั้งหนึ่ง เมื่อความเห็นสองฝ่ายไม่สามารถหาข้อยุติได้ คตส. จึงมีมติฟ้องคดีเองเช่นกัน
รายละเอียด 5 ประเด็นที่อัยการไม่เห็นด้วยกับ คตส. ในคดีหวยบนดินนั้น มีดังนี้
1.เรื่องการนำพยานในชั้นตรวจสอบมาใช้ในชั้นไต่สวน ฝ่ายอัยการมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะถือเป็นพยานบอกเล่า ไม่มีน้ำหนัก และอาจมีการกลับคำให้การ แต่ฝ่าย คตส.มองว่า ดำเนินการได้ตามระเบียบข้อบังคับของสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ คตส. ซึ่งในชั้นการตรวจสอบ คตส.ได้แจ้งให้พยานทราบแล้วว่าคำให้การจะนำไปใช้ในศาล
ผู้ให้ถ้อยคำต้องรับผิดชอบ
2.เรื่องการหาผู้เชี่ยวชาญมายืนยันว่า สลากหวยบนดิน เป็นการพนันประเภทใด อัยการเห็นควรให้หาผู้ชำนาญการด้านการพนันมาเป็นพยาน แต่ คตส.เห็นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.), คณะกรรมการกฤษฎีกา และ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่างเห็นว่า หวยบนดินเป็นสลากกินรวบ และไม่ทราบว่าจะหาผู้เชี่ยวชาญการพนันจากไหนมาสอบ เพราะไม่มีใครมาขึ้นทะเบียนไว้
3.เรื่องที่ ครม.เคยมีมติให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกสลากหวยบนดิน เพื่อหารายได้ไปใช้ในกิจการสาธารณกุศลหรือไม่ อัยการเห็นว่า ครม.เคยมีมติเรื่องนี้ และได้รับการยกเว้นภาษี แต่ คตส.เห็นว่า การออกหวยบนดิน ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขออกสลากการกุศล และสำนักงานสลากกินแบ่งฯไม่มีวัตถุประสงค์ในเรื่องที่เกี่ยวกับการกุศล
4.เรื่องของหลักฐานเกี่ยวกับการนำรายได้ จากการจำหน่ายสลากหวยบนดิน ไม่มีปรากฏในสำนวนคดี อัยการต้องให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์ และผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับผลประโยชน์ แต่ คตส.เห็นว่า ผู้อนุมัติเงินโครงการนี้ คือ ครม. และคณะกรรมการกองสลากฯ และเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ยอมเอาเงินรายได้เข้าเป็นเงินแผ่นดิน
5.เรื่องการรับรองบัญชีงบการเงินโครงการออกสลากหวยบนดินของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งอัยการ ต้องการให้ตรวจสอบว่าคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้สอบบัญชี และรับรองบัญชีหรือไม่อย่างไร แต่คตส.เห็นว่า คตส.นำผลการสอบสวนของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาเป็นข้อพิจารณาในเบื้องต้น หากจะสอบในประเด็นนี้จะต้องสอบผู้ว่าการ สตง.
ซึ่งมองว่าเมื่อสอบไปแล้วจะมีข้อโต้แย้งว่าเอาพยานที่เป็นปฏิปักษ์มาสอบจึงไม่สอบส่วนนี้
***คดีหวยบนดิน ชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด และ วัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีที่เกี่ยวกับ คตส. ได้ขึ้นเบิกความเป็นพยานฝ่ายจำเลยด้วย เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 52 ที่ผ่านมา
คำถามถึงความเหมาะสมในการไปเป็นพยานฝ่ายจำเลย
***คำถามถึงความได้เปรียบเสียเปรียบจากการรู้ข้อมูลเชิงลึกในคดีก่อนขึ้นเป็นพยานฝ่ายจำเลย เป็นเรื่องที่สังคมต้องการคำตอบจากฝ่ายอัยการว่าจะมีผลต่อการตัดสินคดีของศาลในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้หรือไม่ ?
สำหรับ ***คดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้พม่า*** อัยการสูงสุดแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ว่า ให้ คตส. สอบพยาน 3 ปาก เพิ่มเติม คือ อดีตรมว.กระทรวงการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ อีก 2 คน คณะทำงานฝ่าย คตส. เห็นว่า ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ขอให้สอบเพิ่มเติมนั้นได้มีอยู่ในคำให้การพยานทั้ง 3 คน ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ไม่จำต้องสอบพยานเพิ่มเติม
จึงมีความเห็นไม่ตรงกัน ไม่อาจหาข้อยุติได้ภายในเวลาที่กำหนด คตส. จึงมีมติฟ้องคดีต่อศาล โดยแต่งตั้งทนายความจากสภาทนายความฯ ยื่นฟ้องคดีเอง
ในการแถลงข่าวของอดีตคณะกรรมการ คตส. เมื่อวานนี้ สัก กอแสงเรือง ยังระบุว่า กระบวนการดิสเครดิตการทำงานของ คตส. ผ่านบางกลุ่ม บางพวกในองค์กรกระบวนการยุติธรรมเริ่มขึ้นตั้งแต่ คตส.ชี้มูลความผิดคดีซีทีเอ็กซ์
บางกลุ่ม บางพวก ที่ถูกพาดพิงถึงจะใช่ อัยการสูงสุดหรือไม่ สัก ไม่ได้ระบุให้จำเพาะเจาะจงลงไป แต่เชื่อว่าผู้คนสังคมที่เฝ้าจับตาการทำงานของ คตส. และอัยการสูงสุด คงมีคำตอบอยู่ในใจ
***เมื่อผูกโยงกับการแช่แข็งคดีซีทีเอ็กซ์ ซึ่งอยู่ในมือของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขณะนี้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากประธานคณะทำงานที่รับผิดชอบคดี คือ ใจเด็ด พรไชยา อดีตอัยการ หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฝ่ายอัยการถูกตั้งข้อสงสัยไม่สิ้น
แหล่งข่าวอดีต คตส. ตั้งข้อสังเกตถึงการทำคดีซีทีเอ็กซ์ภายหลังจากที่ คตส. ส่งสำนวนมาให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อว่า ข้อสรุปของคณะทำงานร่วมป.ป.ช.และอัยการว่าจะดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในคดีซีทีเอ็กซ์อีกหลายประเด็นโดยไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าจะใช้เวลาในการหาข้อเท็จนานแค่ไหนนั้น เรื่องนี้อยากให้สังคมและสื่อมวลชนจับตาให้ดีเพราะกรรมการ ป.ป.ช.
ในฐานะประธานคณะทำงานฯ ที่รับผิดชอบคดีนี้เป็นอดีตอัยการ และคดีนี้มีอัยการสูงสุด ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย
อดีต คตส. ชี้ว่า อัยการสูงสุด คือ ชัยเกษม นิติสิริ คตส.ได้ถูกชี้มูลความผิดในคดีทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 ทาง ป.ป.ช.ต้องแยกคดีออกมาส่งฟ้องเองโดยไม่รอช้า เพราะหากยื่นไปให้อัยการสูงสุดสั่งคดีว่าจะฟ้องหรือไม่ คงไม่มีใครสั่งฟ้องตนเอง ส่วนคณะกรรมการร่วมรายอื่นๆ ที่ถูกชี้มูลความผิดก็ว่ากันไปตามกระบวนการ
แต่จนบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในคดีนี้
***เชื่อขนมกินได้เลยว่า ซีทีเอ็กซ์จะกลายเป็นแฟ้มลับคดีพิศวงตกอยู่ในหลุมดำ ป.ป.ช. อีกนานเท่านาน ตราบใดที่ฝ่ายอัยการในร่างทรง ป.ป.ช. ยังคุมคดีนี้อยู่
***ถึงที่สุดก็คงต้องถามว่า นี่หรือคือบทบาทของฝ่ายอัยการ ผู้พิทักษ์ความถูกต้อง ความยุติธรรม รักษาประโยชน์ให้แก่ประชาติ ??
ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ก้าวแรกที่ “ชัยเกษม นิติสิริ” เข้ารับตำแหน่งอัยการสูงสุด เมื่อปี 2550 แทน พชร ยุติธรรมดำรง ที่หมดวาระลงและต่ออายุราชการไม่สำเร็จ
พลันที่ ชัยเกษม เข้ารับตำแหน่ง เขาถูกตั้งข้อสังเกตจากสังคมทันทีว่า เป็นบุคคลที่มาจากกลุ่มอำนาจเก่าหรือ “ขั้วทักษิณ” และใช่เป็นบุคคลที่ถูกส่งมาเพื่อสกัดคดีขึ้นสู่ศาลใช่หรือไม่
***ถึงแม้ ชัยเกษม จะย้ำหนักแน่นว่าเขาไม่ใช่คนของใครและไม่มีใครสั่งเขาได้ แต่ข้อกังขานี้ได้รับการพิสูจน์ทราบในเวลาต่อมาจากผลการทำงานร่วมกันกับ คตส.และอัยการสูงสุด ที่มีปัญหาอย่างมากราว “ขมิ้นกับปูน”
ชัยเกษม เองก็ยอมรับว่าไม่ชอบใจคตส. ในการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในช่วงแรกๆ ของการเข้ารับตำแหน่ง เขาบอกชัดเจนว่า “มีความรู้สึกไม่ดีต่อการทำงานของ คตส. แต่เรื่องความรู้สึกกับเรื่องพยานหลักฐานในการสั่งคดีต้องเป็นคนละเรื่องกัน”
ความไม่ชอบใจ รู้สึกไม่ดี ของอัยการสูงสุดต่อคตส. จะด้วยเหตุผลเพราะคตส.หยิบยกคดีซีทีเอ็กซ์ ขึ้นมาตรวจสอบและชี้มูลความผิดโดยกล่าวหาอัยการสูงสุดร่วมกระทำความผิดอยู่ด้วยหรือไม่ ชัยเกษม ไม่ได้ตอบข้อสงสัยนี้ต่อสังคม
***แต่สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง คตส.กับอัยการสูงสุด นับจากนั้นจวบจนวันสุดท้ายในการทำงานของ คตส. ก็คือ คดีที่ คตส. ส่งให้อัยการสูงสุด ส่งฟ้องต่อศาลฯ สะดุดหยุดลงคดีแล้วคดีเล่าด้วยเหตุผลต่างๆ นานา กระทั่งหนึ่งในคณะกรรมการ คตส. สะท้อนว่า เหมือน“สะพานถูกตัดขาด”
หากนับคดีความที่ คตส. ต้องยื่นฟ้องเองเพราะอัยการสูงสุดมีความเห็นไม่ตรงกับ คตส. โดยอ้างว่าคดีมีความไม่สมบูรณ์ มีอยู่ 3 คดี คือ คดีสลากพิเศษหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัว ซึ่งศาลฎีกาฯ กำหนดวันพิพากษาในวันที่ 30 ก.ย. 52 นี้, คดีทุจริตกล้ายาง และคดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้พม่า ซึ่งทั้ง 3 คดีดังกล่าว ศาลฎีกาฯ ได้รับฟ้องคดีไว้ทั้งหมด
***คดีทุจริตกล้ายาง *** นั้น อัยการสูงสุด แจ้งข้อหาไม่สมบูรณ์ ว่าคตส. แจ้งข้อกล่าวหา มาตรา 157 ตามประมวลกฎหมายอาญา แต่ยังมิได้แจ้งข้อกล่าวหา มาตรา 151 แต่คณะทำงานของ คตส. เห็นว่า ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาตามข้อเท็จจริง รายละเอียดของการกระทำความผิดทั้งหมด ตามความผิดหลักแล้ว ส่วนในชั้นสรุปสำนวน เพิ่มบทกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นการปรับบท
ซึ่งมีแนวคำวินิจฉัยของศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐานแล้ว จึงถือว่าได้แจ้งข้อกล่าวหาโดยชอบแล้ว เมื่อความเห็นไม่ตรงกัน หาข้อยุติไม่ได้ คตส. จึงมีมติฟ้องคดีเอง
คดีข้างต้น สัก กอแสงเรือง อดีตคณะกรรมการ คตส. แถลง วานนี้ (23 ก.ย.) ชี้ชัดๆ อีกครั้งว่า ศาลฎีกา ได้พิพากษาว่า คตส.ได้แจ้งข้อกล่าวหาครบถ้วน และมีอำนาจเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย สามารถนำพยานในชั้นตรวจสอบ มาใช้ในชั้นไต่สวนได้ ส่วนที่อัยการเห็นว่า คตส.ไม่มีอำนาจฟ้องเองจนจำเลยยกมาเป็นข้อต่อสู้ ศาลฯได้พิพากษาในประเด็นนี้แล้วว่า คตส. มีอำนาจฟ้อง
ส่วน***คดีสลากพิเศษหรือหวยบนดิน***นั้น อัยการสูงสุด แจ้งข้อไม่สมบูรณ์ว่า ให้คตส. สอบพยานชั้นตรวจสอบทุกปากใหม่อีกครั้งหนึ่งให้เป็นพยานชั้นไต่สวนและทั้งสองฝ่ายได้ตั้งคณะทำงานร่วมกัน คณะทำงานฝ่ายคตส. เห็นว่า ตามกฎหมาย ตามระเบียบ คำให้การพยานในชั้นตรวจสอบเป็นส่วนหนึ่งของสำนวนไต่สวน จึงถือเป็นพยานหลักฐานที่ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
ไม่จำเป็นต้องให้พยานทุกปากมายืนยันคำให้การตนเองอีกครั้งหนึ่ง เมื่อความเห็นสองฝ่ายไม่สามารถหาข้อยุติได้ คตส. จึงมีมติฟ้องคดีเองเช่นกัน
รายละเอียด 5 ประเด็นที่อัยการไม่เห็นด้วยกับ คตส. ในคดีหวยบนดินนั้น มีดังนี้
1.เรื่องการนำพยานในชั้นตรวจสอบมาใช้ในชั้นไต่สวน ฝ่ายอัยการมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะถือเป็นพยานบอกเล่า ไม่มีน้ำหนัก และอาจมีการกลับคำให้การ แต่ฝ่าย คตส.มองว่า ดำเนินการได้ตามระเบียบข้อบังคับของสำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ คตส. ซึ่งในชั้นการตรวจสอบ คตส.ได้แจ้งให้พยานทราบแล้วว่าคำให้การจะนำไปใช้ในศาล
ผู้ให้ถ้อยคำต้องรับผิดชอบ
2.เรื่องการหาผู้เชี่ยวชาญมายืนยันว่า สลากหวยบนดิน เป็นการพนันประเภทใด อัยการเห็นควรให้หาผู้ชำนาญการด้านการพนันมาเป็นพยาน แต่ คตส.เห็นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.), คณะกรรมการกฤษฎีกา และ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่างเห็นว่า หวยบนดินเป็นสลากกินรวบ และไม่ทราบว่าจะหาผู้เชี่ยวชาญการพนันจากไหนมาสอบ เพราะไม่มีใครมาขึ้นทะเบียนไว้
3.เรื่องที่ ครม.เคยมีมติให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกสลากหวยบนดิน เพื่อหารายได้ไปใช้ในกิจการสาธารณกุศลหรือไม่ อัยการเห็นว่า ครม.เคยมีมติเรื่องนี้ และได้รับการยกเว้นภาษี แต่ คตส.เห็นว่า การออกหวยบนดิน ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขออกสลากการกุศล และสำนักงานสลากกินแบ่งฯไม่มีวัตถุประสงค์ในเรื่องที่เกี่ยวกับการกุศล
4.เรื่องของหลักฐานเกี่ยวกับการนำรายได้ จากการจำหน่ายสลากหวยบนดิน ไม่มีปรากฏในสำนวนคดี อัยการต้องให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมจากคณะกรรมการยุทธศาสตร์ และผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับผลประโยชน์ แต่ คตส.เห็นว่า ผู้อนุมัติเงินโครงการนี้ คือ ครม. และคณะกรรมการกองสลากฯ และเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ยอมเอาเงินรายได้เข้าเป็นเงินแผ่นดิน
5.เรื่องการรับรองบัญชีงบการเงินโครงการออกสลากหวยบนดินของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งอัยการ ต้องการให้ตรวจสอบว่าคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินได้สอบบัญชี และรับรองบัญชีหรือไม่อย่างไร แต่คตส.เห็นว่า คตส.นำผลการสอบสวนของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาเป็นข้อพิจารณาในเบื้องต้น หากจะสอบในประเด็นนี้จะต้องสอบผู้ว่าการ สตง.
ซึ่งมองว่าเมื่อสอบไปแล้วจะมีข้อโต้แย้งว่าเอาพยานที่เป็นปฏิปักษ์มาสอบจึงไม่สอบส่วนนี้
***คดีหวยบนดิน ชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด และ วัยวุฒิ หล่อตระกูล รองอัยการสูงสุด ในฐานะคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีที่เกี่ยวกับ คตส. ได้ขึ้นเบิกความเป็นพยานฝ่ายจำเลยด้วย เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 52 ที่ผ่านมา
คำถามถึงความเหมาะสมในการไปเป็นพยานฝ่ายจำเลย
***คำถามถึงความได้เปรียบเสียเปรียบจากการรู้ข้อมูลเชิงลึกในคดีก่อนขึ้นเป็นพยานฝ่ายจำเลย เป็นเรื่องที่สังคมต้องการคำตอบจากฝ่ายอัยการว่าจะมีผลต่อการตัดสินคดีของศาลในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้หรือไม่ ?
สำหรับ ***คดีเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้พม่า*** อัยการสูงสุดแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ว่า ให้ คตส. สอบพยาน 3 ปาก เพิ่มเติม คือ อดีตรมว.กระทรวงการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ธนาคารเอ็กซิมแบงก์ อีก 2 คน คณะทำงานฝ่าย คตส. เห็นว่า ข้อมูลข้อเท็จจริงที่ขอให้สอบเพิ่มเติมนั้นได้มีอยู่ในคำให้การพยานทั้ง 3 คน ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ไม่จำต้องสอบพยานเพิ่มเติม
จึงมีความเห็นไม่ตรงกัน ไม่อาจหาข้อยุติได้ภายในเวลาที่กำหนด คตส. จึงมีมติฟ้องคดีต่อศาล โดยแต่งตั้งทนายความจากสภาทนายความฯ ยื่นฟ้องคดีเอง
ในการแถลงข่าวของอดีตคณะกรรมการ คตส. เมื่อวานนี้ สัก กอแสงเรือง ยังระบุว่า กระบวนการดิสเครดิตการทำงานของ คตส. ผ่านบางกลุ่ม บางพวกในองค์กรกระบวนการยุติธรรมเริ่มขึ้นตั้งแต่ คตส.ชี้มูลความผิดคดีซีทีเอ็กซ์
บางกลุ่ม บางพวก ที่ถูกพาดพิงถึงจะใช่ อัยการสูงสุดหรือไม่ สัก ไม่ได้ระบุให้จำเพาะเจาะจงลงไป แต่เชื่อว่าผู้คนสังคมที่เฝ้าจับตาการทำงานของ คตส. และอัยการสูงสุด คงมีคำตอบอยู่ในใจ
***เมื่อผูกโยงกับการแช่แข็งคดีซีทีเอ็กซ์ ซึ่งอยู่ในมือของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขณะนี้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากประธานคณะทำงานที่รับผิดชอบคดี คือ ใจเด็ด พรไชยา อดีตอัยการ หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ฝ่ายอัยการถูกตั้งข้อสงสัยไม่สิ้น
แหล่งข่าวอดีต คตส. ตั้งข้อสังเกตถึงการทำคดีซีทีเอ็กซ์ภายหลังจากที่ คตส. ส่งสำนวนมาให้ ป.ป.ช. ดำเนินการต่อว่า ข้อสรุปของคณะทำงานร่วมป.ป.ช.และอัยการว่าจะดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมในคดีซีทีเอ็กซ์อีกหลายประเด็นโดยไม่ได้กำหนดกรอบเวลาว่าจะใช้เวลาในการหาข้อเท็จนานแค่ไหนนั้น เรื่องนี้อยากให้สังคมและสื่อมวลชนจับตาให้ดีเพราะกรรมการ ป.ป.ช.
ในฐานะประธานคณะทำงานฯ ที่รับผิดชอบคดีนี้เป็นอดีตอัยการ และคดีนี้มีอัยการสูงสุด ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย
อดีต คตส. ชี้ว่า อัยการสูงสุด คือ ชัยเกษม นิติสิริ คตส.ได้ถูกชี้มูลความผิดในคดีทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 ทาง ป.ป.ช.ต้องแยกคดีออกมาส่งฟ้องเองโดยไม่รอช้า เพราะหากยื่นไปให้อัยการสูงสุดสั่งคดีว่าจะฟ้องหรือไม่ คงไม่มีใครสั่งฟ้องตนเอง ส่วนคณะกรรมการร่วมรายอื่นๆ ที่ถูกชี้มูลความผิดก็ว่ากันไปตามกระบวนการ
แต่จนบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ในคดีนี้
***เชื่อขนมกินได้เลยว่า ซีทีเอ็กซ์จะกลายเป็นแฟ้มลับคดีพิศวงตกอยู่ในหลุมดำ ป.ป.ช. อีกนานเท่านาน ตราบใดที่ฝ่ายอัยการในร่างทรง ป.ป.ช. ยังคุมคดีนี้อยู่
***ถึงที่สุดก็คงต้องถามว่า นี่หรือคือบทบาทของฝ่ายอัยการ ผู้พิทักษ์ความถูกต้อง ความยุติธรรม รักษาประโยชน์ให้แก่ประชาติ ??
