xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯยึดศก.พอเพียง บริหารประเทศ-สังคม ลดช่องว่างคนจน-รวย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “นายกรัฐมนตรีไทย”บอกผ่านสื่อเทศและชาวต่างชาติ ปัญหาการเมืองไทยเป็นประชาธิปไตยที่มีชีวิตชีวา ย้ำเป็นรัฐบาลของคนทุกสี บริหารตามความต้องการของประชาชน โปร่งใส สร้าง สมานฉันท์ พร้อมประกาศยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงบริหารประเทศ บริหารเศรษฐกิจ และสังคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (Video Conference) จากประเทศสหรัฐฯมายังศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล วานนี้( 23 ก.ย.) โดยมีนาย วัชระ กรรณิกา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นพิธีกร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ๊อกนิวส์ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองของไทยว่า นี่คือประชาธิปไตยที่มีชีวิตชีวา และยืนยันว่าเราจะควบคุมให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งประเทศที่มีความเป็นประชาธิปไตยอย่างสหรัฐอเมริกาจะเข้าใจดีว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ที่มีการชุมนุมเรียกร้องเคลื่อนไหว
แต่ทุกอย่างถ้าเคลื่อนไหวในกรอบของรัฐธรรมนูญ กรอบกฎหมาย ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของสังคมประชาธิปไตย

คนไทยอยากเห็นประเทศสงบ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าจากการได้พบพูดคุยกับคนไทยในสหรัฐฯ ปัญหาที่ได้รับความสนใจ เช่นปัญหาภาคใต้ และได้ฝากข้อคิดเกี่ยวกับบทบาทของคนไทยในต่างแดนด้วย โดยเรื่องแรกต้องยอมรับว่า คนที่อยู่ที่นี่มีทั้งคนที่ถูกกฎหมายและคนที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย ทำอย่างไรให้เราอยู่ในระบบ เพราะอาจจะกระทบกับชื่อเสียงของคนไทยในภาพรวม ส่วนที่สองเน้นย้ำเหมือนทุกครั้ง
ที่ตนพบกับคนไทยในต่างแดนว่า เขาคือหน้าตา ของประเทศ ฉะนั้น อะไรที่ทำอยู่จะส่งผลมาถึงประเทศไทย
“คนไทยส่วนใหญ่ที่นี่ อยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้ามีรัฐบาลที่มีความมั่นคงระดับหนึ่ง สามารถทำให้ประเทศของเรา ฟื้นตัวจากปัญหาเศรษฐกิจได้ และอยากเห็นบ้านเมืองสงบ”
ด้านนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งร่วมแถลงข่าวกับนายกรัฐมนตรีที่สหรัฐฯกล่าวเสริมว่า สิ่งที่นายกฯ กล่าวต่อชุมชนชาวไทย ในการให้ความมั่นใจถึงเสถียรภาพของรัฐบาลต่อสังคมไทย และความมุ่งมั่นที่รัฐบาลพยายามจะนำมาซึ่งความปรองดองแห่งชาติและการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแผนไทยเข้มแข็งรวมทั้งข้อข้องใจของเขาที่มีต่อเหตุการณ์ชายแดน เรื่องต่างๆ
เหล่านี้ ได้มีการชี้แจง
ทั้งนี้ เราได้รับฟังข้อเสนอแนะและคำถามเรื่องการส่งเสริมการศึกษาในไทย ประเพณีวัฒนธรรม และการเรียนการสอนภาษาไทยให้กับลูกหลานคนไทยในสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้ปรับปรุงการปฏิรูประบบราชการเช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นการสะท้อนความห่วงใยของคนไทยที่อยู่ในสหรัฐฯ และความรักใคร่ซึ่งประสงค์ให้สังคมไทย
เป็นสังคมที่มีความคืบหน้าและมีศักดิ์ศรี

‘มาร์ค’ยันรัฐบาลเป็นตัวแทนคนทุกสี
ก่อนหน้านั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ Post-Crisis Thailand : Building a New Democratic Society ตอนหนึ่งว่า ประเทศไทยนั้นได้เผชิญกับ 2 วิกฤตที่เกิดขึ้นพร้อมกัน จากภายในประเทศของเราเองและจากภายนอกประเทศ วิกฤตเศรษฐกิจโลกได้โจมตีประเทศไทยเช่นเดียวกับในอีกหลายประเทศ ซึ่งแท้จริงแล้ววิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากโลกาภิวัตน์ และกระทบไปยังทั่วโลก
เริ่มต้นจากระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐฯและส่งผลทวีคูณไปทั่วโลก วิกฤตที่สองที่เราเผชิญ ก่อตัวขึ้นในประเทศของเราเอง นั่นคือ วิกฤตทางการเมือง ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ กลับได้รับความเชื่อมั่นจากมิตรประเทศมากขึ้น
“ในระยะเวลาดังกล่าว รัฐบาลได้พิสูจน์ให้ประชาชนชาวไทยเห็นว่า รัฐบาลชุดนี้ เป็นตัวแทนของคนทุกสี แม้กับคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลและเรียกร้องด้วยการเดินขบวนบนถนน รัฐบาลชุดนี้ยังคงเคารพสิทธิของการชุมนุมและสิทธิเสรีภาพในการเรียกร้อง ในฐานะรัฐบาล ตนจะทำให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่า
การเคารพสิทธิดังกล่าวจะต้องดำเนินการภายใต้สันติสุขและมีความรับผิดชอบต่อ หลักนิติรัฐ และต้องไม่กระทบต่อสิทธิของผู้อื่น ”

**ชี้ปชต.ไทยทำงานอย่างมีชีวิตชีวา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยอยากมีประชาธิปไตยที่นำเราไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เราตระหนักดีว่า การไปสู่ประชาธิปไตยที่สามารถทำหน้าที่ได้อย่าง สมบูรณ์แบบนั้นยากและใช้เวลายาวนาน มีอุปสรรคจนแทบมองไม่เห็นจุดจบ ประเทศไทยเองผ่านประสบการณ์ทางประชาธิปไตย ตั้งแต่ในปี 2475 ที่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปสู่ระบบ
รัฐสภาอย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมา ประเทศไทยมี 18 รัฐธรรมนูญ และมีการปฏิวัติรัฐประหารถึง 24 ครั้ง และเรามีถึง 4 รัฐบาล ในระยะเวลา 2 ปี แต่กระนั้นก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า ความเป็นประชาธิปไตยของไทยได้หายไป ในทางตรงกันข้าม ประชาธิปไตยกลับทำงานอย่างมีชีวิตชีวา เมื่อครั้งที่ นางเฮลารี คลินตัน รมว.ต่างประเทศ ได้เดินทางเยือนประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม
ที่ผ่านมาได้กล่าวว่า การเมืองไทย เผ็ดร้อนเช่นเดียวกับอาหารไทย

***เปิดรับต่างชาติเข้าสู่สังคมไทย
สังคมประชาธิปไตยที่เปิดกว้างกว่า 9 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาล ได้ริเริ่มแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ เพราะการลงทุนในประเทศไทยจึงไม่ใช่เพียงแค่การลงทุนในตลาดที่มีพลเมืองแค่ 64 ล้านคนเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการลงทุนในฐานการส่งออกสู่ภูมิภาคอาเซียน ที่กำลังจะกลายเป็นประชาคมอาเซียนในปี 2015 ซึ่งมีประชากรประมาณ 600 ล้านคน
ระบบเปิดไม่ใช่แค่เพียงรูปแบบทางเศรษฐกิจ แต่ยังหมายถึงทัศนคติและวิถีการดำเนินชีวิตคนไทย เป็นที่รู้จักกันดีในความใจ กว้าง โดยได้เปิดรับชาวต่างชาติให้เข้ามาสู่สังคมไทยทั้งในฐานะ ผู้ค้าขาย ที่ปรึกษา นักเผยแผ่ศาสนา ฯลฯ กว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมา

**ต้องบริหารจัดการอย่างโปร่งใส
การสนับสนุนการบริหารจัดการที่โปร่งใส การบริหารจัดการที่โปร่งใสเป็นปัจจัยสำคัญ ของระบอบประชาธิปไตยและการพัฒนาประเทศ ซึ่งสถานการณ์ทางการเมืองที่เรากำลังเผชิญอยู่ แท้จริงแล้วมีสาเหตุมาจากการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส ขาดการตรวจสอบ รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนมักอ้างความนิยมที่ได้รับ และอาศัยฐานอำนาจนั้นในการแสวงหาผลประโยชน์สู่ตนเอง
ทั้งที่จริงแล้วประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงการเลือกตั้งเท่านั้น แต่ยังหมายถึง ความโปร่งใส ในการบริหาร

***สนับสนุนความร่วมมือระดับภูมิภาค
การสนับสนุนความร่วมมือในระดับภูมิภาค กลุ่มอาเซียนกำลังเติบโต สู่ความเป็นประชาคม โดยได้มีการสร้างความตกลงทางการค้าต่อประเทศต่างๆ เช่น จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เกาหลี อินเดีย และ ญี่ปุ่น โดยอาเซียนจะเป็นพลังขับเคลื่อน พลังแรงงาน ที่สำคัญของโลก และยังอยู่ใกล้ กับ 2 ประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ เร็วที่สุดในโลก คือ จีน อินเดีย ทำให้ได้รับการขยาย
โอกาสทางการค้าและการลงทุน เป็นอย่างดี
เน้นปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
แนวนโยบายทางเศรษฐกิจ แนวนโยบายทางเศรษฐกิจจะต้องช่วยแก้ปัญหาและลดช่องว่างรายได้ของประชาชนในประเทศ นอกจากนี้ รัฐบาลได้ตระหนักในความสำคัญของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ การดำรงชีวิต ตามทางสายกลาง
ประเทศไทยได้เรียนรู้จากวิกฤตครั้งที่ผ่านมาว่า ประเทศที่มีเศรษฐกิจระบบเปิดขนาดเล็กอย่างไทยไม่สามารถพึ่งพาแต่การส่งออกได้ เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องสร้างความสมดุลระหว่างการส่งออกและการนำเข้า ซึ่งรัฐบาลได้มีแผน กระตุ้นเศรษฐกิจระลอก 2 เพื่อสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว ในช่วง 3 ปีต่อจากนี้ เราจะต้องสร้าง การลงทุนขนาดใหญ่ในระยะยาว

มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินนโยบาย
นวัตกรรมและวิสัยทัศน์ ซึ่งเป็นสิ่งซึ่งจำเป็นในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ในการดำเนินนโยบาย ซึ่งประเทศต่างๆ ที่จะมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่างต้องการวิสัยทัศน์ในการบริหารปกครอง ทั้งนี้ไม่เพียงแต่จะต้องรับมือกับความท้าทายประจำวัน แต่ยังต้องคาดการณ์ล่วงหน้าได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ถึง 5-10 ปีข้างหน้า
วิสัยทัศน์ของประชาชนในชาติจะช่วยขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า
ตอนท้าย สิ่งสำคัญของการสร้างประชาธิปไตย คือ การศึกษา โดยสิ่งที่รัฐบาล มีความภาคภูมิใจมากที่สุดในการดำเนินนโยบายในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา คือ นโยบายการให้การศึกษาฟรี 15 ปี การศึกษาจะเป็นสิ่งที่สร้างโอกาสและความเท่าเทียม ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญของประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยต้องได้รับการเรียนรู้เพื่อสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยต้อง ให้ความสำคัญกับการสร้างความปรองดองในความแตกต่างในสังคม การสร้างทัศนคติแบบเปิด และการบริหารจัดการที่โปร่งใส รวมทั้ง ความร่วมมือในระดับภูมิภาค และการนำแนว นโยบายเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์มาบริหารจัดการอย่างมีวิสัยทัศน์.
กำลังโหลดความคิดเห็น