“วีระ สมความคิด” และคณะคนไทยรักชาติกลุ่มใหญ่ กลับมาแล้วจากการไปปฏิบัติภารกิจทวงคืนผืนแผ่นดินไทยกว่า 3,000 ไร่รอบๆ ปราสาทพระวิหารที่คาราคาซังมานานจากการถูก “ยึดครอง”
แต่ในท่ามกลางเสียงปรบมือ ก็มีเสียงวิจารณ์ด้านลบพุ่งเข้าใส่ “วีระและคณะพันธมิตรฯ” ไม่ยั้งเช่นกัน
คมหอกคมดาบและวาจาใส่ร้ายกรีดใจเช่นนี้ มีหรือที่คนกล้าอย่างวีระและคณะของเขาจะยืนให้ซัดเอาๆ แต่เพียงฝ่ายเดียว และทันทีที่ขบวนพันธมิตรฯ คืนเมือง วีระและพวกจึงเปิดฉากตอบโต้ทุกถ้อยกระทงความด้วยอาการสุภาพ ข้อมูลหนักแน่น มีสติไม่ลอกแลก และไม่คิดถอยแม้แต่ก้าวเดียว
เสียงประกาศที่ผามออีแดงสะท้อนสะท้านเพียงไร คำอธิบายถึงเบื้องลึกเบื้องหลังเหตุการณ์ที่ “กันทรลักษณ์” ก็ชัดเจนจะแจ้งผ่านรายการคนในข่าว ASTV NEWS1 ก็หนักแน่นสะท้านทรวงไม่แพ้กัน วีระผู้ไม่เคยกลัวคนโกงก็ตีแสกหน้านักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ จน “นกแสกผี” ได้ที่เกาะใหม่หลายบ้านทีเดียว
บนรอยเท้าของการต่อสู้เพื่อทวงคืนแผ่นดินไทย เราท่านทั้งหลายได้เห็นเงาร่มรื่นของกองทัพธรรม ในนาม “ศีรษะอโศก” ที่ทาทาบทับ “กองทัพพันธมิตรฯ” ราวกับเนื้อเดียวกัน
กองทัพนักบุญภายใต้ธงธรรมของสันติอโศกที่ศรีษะเกษ เป็นทั้งพัดโบกกล่อมเกลาจิตใจที่อ่อนล้า เป็นทั้งนายช่างคนกล้าที่ดัดแปลงอุปกรณ์เก่าแก่ให้กลายเป็นศูนย์ถ่ายทอดสดวิทยุ 107.75 เอฟเอ็ม และโทรทัศน์ FMTV จนสามารถนำข้อเท็จจริงจากกันทรลักษณ์ออกสู่สายตาชาวโลกได้อย่างชัดแจ้ง ทดแทน ASTV ที่ขาดแคลนเครื่องมือถ่ายทอดสดได้ทันควัน
ไม่เพียงเท่านั้นแต่เหล่าคนดีของพ่อท่านโพธิรักษ์ ทั้งหญิงและชาย และทุกวัย ยังตั้งตัวเป็นทั้งทัพหน้าคอยระแวดระวังภัยให้พี่น้องพันธมิตรฯ ได้อุ่นใจหายห่วง แถมทัพหลังของแม่หญิงใจบุญยังเป็นกองหลังกุลีกุจอจัดหาน้ำ- อาหาร และหยูกยามาชุบชีวิตนักรบพันธมิตรฯ นับพันชีวิตที่แสนเหนื่อยล้าให้ได้กระชุ่มกระชวย
สุดท้ายเมื่อกายอิ่ม และใจเบา ประตูของศีรษะอโศกยังเปิดกว้างต้อนรับนักรบพันธมิตรฯ ให้ปักหลักพักค้างทุกคนกับรถทุกคันในค่ำคืนที่ไฟสงครามแห่งกันทรลักษณ์ยังคุกรุ่นในหัวใจคนดีทวงแผ่นดิน ก่อนที่รุ่งเช้าจะมาเยือน น้ำท่าอาหารและน้ำใจของศีรษะอโศกก็ปลุกพี่น้องพันธมิตรฯ เพื่อกอดลาในวันส่งกลับ หัวใจกับหัวใจแนบแน่นกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียว ซาบซึ้งตรึงใจไม่รู้ลืม
พันธมิตรฯ ทวงคืนแผ่นดินกลับภูมิลำเนาโดยมีบาดแผลในจิตใจติดตัวกันไปคนละเล็กคนละน้อย ขาไปคือผู้กล้า ขากลับมาถูกป้ายสีว่า “คลั่งชาติ” ขาดเหตุผลจนแส่ไปสร้างความอับอายให้กับเพื่อนร่วมชาติ และอาจทำให้ “เขมร” โกรธจนเป็นเหตุให้ผลประโยชน์เหนือ “บ่อน้ำมัน” ถูกกระทบจากหัวใจที่กระเทือนของฮุนเซน
นี่คือที่มาของการปักหลักสู้กันด้วยข้อมูลของ “วีระและพวก” ที่นำหลักฐานมาประจานความชั่วร้ายของอาณาจักรเนวินที่นับวันจะกร่างมากขึ้น และอวดดี ยโสโอหังอย่างไม่ต้องเกรงใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น
โดยดูได้จากอาการพองตัวของ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีษะเกษ ระพี ผ่องบุพกิจ-ทหารและตำรวจในพื้นที่ที่ยุแยงตะแคงรั่วให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจเพื่อนร่วมชาติผิดๆ แถมยังละเลยกับการป้องกันเหตุร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย ขณะที่ทหาร-ตำรวจบางกลุ่มจัดคนมาสวมเสื้อ “ชาวบ้าน” เลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้งกันอิ่มแปล้ พอเมาได้ที่ก็มาไล่ตี ไล่ฆ่า คนดีที่ไปทวงคืนผืนดินไทยด้วยใจบริสุทธิ์
ลุงจำลองเล่าให้ฟังในวันถัดมาหลังเกิดเหตุเศร้าสลดที่กันทรลักษณ์ว่า พ่อท่านโพธิรักษ์เดินนำหน้าศีรษะอโศกอย่างเข้มแข็ง ท่านบอกว่า การทำสิ่งที่ถูกต้องเป็นหน้าที่ของพลเมืองไทยทุกคนไม่ว่า คนคนนั้นจะครองตน-ห่มผ้าแบบไหน-สีใดก็ตาม
ส่วนขบวนคนไทยทวงคืนแผ่นดินกลับมาเล่าให้ฟังว่า ถ้าไม่มี “ศีรษะอโศก –พลเอกปรีชา-อาแซมดิน-พี่วีระและกองทัพธรรม” แล้ว ภารกิจทวงคืนแผ่นดินไทยคงไม่ได้เริ่มต้น อีกประการหนึ่งแม้ขบวนพี่น้องพันธมิตรฯ นับพันจะโดนซุ่มโจมตีตลอดระยะทางจากคนไทยใจขแมร์สักเพียงใดก็ตาม ทว่าใจของพวกเขายังไม่เจ็บเท่ากับเจอข้าราชการไทยใจเนวินผู้อยู่เบื้องหลังการปลุกปั่นคนไทยให้มาไล่ตี-ไล่ฆ่า วีระและพันธมิตรฯ
เลือดไทยหลั่งรดปฐพี เลือดคนดีราดลดเพื่อปลดเปลื้องผืนดินไทยในกำมือขแมร์ แค่นี้ไม่ยี่หระ สักวันหนึ่งความจริงจะปรากฏ ว่าคนไทยใจคด ยกแผ่นดินให้คนอื่นเพื่อหวังประโยชน์ส่วนตน ไม่สนอธิปไตยเหนือดินแดนมาตุภูมิ
อยากให้ “ครูใหญ่เนวิน” ซึ่งร่ำไห้ว่าจะปกป้องสถาบันตราบจนชีวิตจะหาไม่ แต่ไม่สัญญาว่าจะเป็น “คนดีของแผ่นดิน” ระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า จะยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์เท่ากับ “อำนาจประชาชน” และไม่มีพลังใดๆ ในจักรวาลนี้จะมีมวลพลังแก่กล้าเท่ากับพลังของ “ประชาชนผู้บริสุทธิ์”
นักการเมือง-ข้าราชการและพ่อค้าสารเลวโกงบ้านกินเมืองทั้งหลาย ขอให้เชื่อความจริงแท้แน่นอนข้อหนึ่งว่า สักวันหนึ่งเมื่อคนกล้ามหาศาล รวมพลังมุ่งมั่นที่บาทวิถี พวกเขาจะไล่ล่าคนอัปรีย์ และไล่บี้คนพาลด้วยใจธรรม
ขอเพียงความจริงทำงาน แล้วสันดานนักการเมืองสารเลวจะถูกเปิดโปง ข้าราชการขี้ฉ้อกับพ่อค้าเจ้าเล่ห์จะไม่มีวันพ้นไปจากคำพิพากษาของประชาชน จงจำไว้ในไม่ช้า คนสามานย์ทั้งปวงจะไม่มีที่ยืน และที่เหยียบ สิ่งที่เหลือสุดท้ายคือ โลงนอน และเหรียญบาทเพียง 1 อันในปากกล้าที่เคยปลิ้นปล้อนและโกงกิน
เห็นบ้านเมืองลุกเป็นไฟ เห็นคนชั่วได้ดี เห็นคนอับปรีย์ขึ้นวอ ได้แต่นึกสงสารประเทศไทย จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนลุงจำลองพาไป “โรงเรียนชาวนาคานาอาน” ที่ประเทศเกาหลีใต้ เห็นคนเกาหลีรักชาติช่วยกันฟื้นฟูกอบกู้บ้านเมืองแล้วอิจฉา ได้แต่นึกในใจว่า แล้วเมื่อไร “จริยธรรม” ในหมู่ผู้บริหารของบ้านเราจะได้รับการเยียวยากอบกู้?
หลังสุด “พี่กบ” เพื่อนพันธมิตรฯ ตลิ่งชันซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ใหญ่โต ไปดูงานที่เกาหลีใต้ กลับมาเล่าให้ฟังว่ารัฐบาลเกาหลีใต้กำลังทำโครงการ “จิตวิญญาณเอเชีย” โดยเอากรุงโซลเป็นศูนย์กลางของศิลปวัฒนธรรม จากนั้นหันไปสร้างเมืองใหม่คือ ซองโด เพื่อรองรับการจัดงานเอเชียนเกมส์ปี 2014 ต่อจากเมืองกวางเจาที่จะเป็นเจ้าภาพในปี 2010
ทางไปเมืองใหม่ไม่ยากเลย...เมื่อแยกจากเขตอินชอนไปเป็นรูปตัววี คือ เมืองซองโด ที่อดีตเคยกว้างใหญ่ แต่ไม่เจริญ รัฐบาลทุ่มเงินก้อนแรกนับร้อยล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสร้างสะพานข้ามปรู๊ดจากสนามบินอินชอนไปถึงเมืองซองโด และทุ่มอีก 40 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเนรมิตซองโดให้กลายสภาพจากที่รกร้างเป็นเมืองที่เปี่ยมด้วย นวัตกรรมทันสมัย สวยมีศิลปะ และสะดวกสบายสูงสุด เมืองซองโดกำลังจะแล้วเสร็จสมบูรณ์เป็นหน้าตอของเกาหลีใต้ ขณะที่กรุงโซลก็มีความก้าวหน้าอันแสนประทับใจกับการขุดคุ้ย “คลองเก่า” ที่ซุกไว้ใต้ถนนและทางด่วน การเผยโฉมทางน้ำเก่าแก่นี้มิเพียงชุบชีวิตเพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนแห่งใหม่ของกรุงโซล แต่รัฐบาลซ่อนระบบการบำบัดน้ำเสียไว้ใต้คลองเก่าด้วยงบ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เส้นทางน้ำไหลเก่าแก่ได้กลายเป็นทางน้ำใสและแหล่งท่องเที่ยวสำราญใจแห่งใหม่ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของกรุงโซล
เล่าเรื่องความเจริญไม่หยุดหย่อนของเกาหลีใต้ ต้องเล่าเรื่องความเข้มแข็งของสังคมเกาหลีใต้ ที่ไม่ละทิ้งรากเหง้าของตัวเอง ก่อเกิดรัฐบาลที่เปี่ยมวิสัยทัศน์ และมีเครื่องมือที่ถี่ถ้วนเพียงพอกับการขจัดทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ
ฟังแล้วความอิจฉาตีขึ้นมาเป็นริ้วๆ ได้แต่ถามกันไปมาอีกรอบว่า เมื่อไรกันนะ ที่คนไทยลืมเรื่องรักชาติรักแผ่นดิน...เมื่อไรกันหนอที่คนบ้านเราจืดจางห่างไกลจากคำว่า “ส่วนรวม” สำนึกสาธารณะของชนในชาติหายไปไหนกันหมด?
ฟังแล้วเครียด... มาผ่อนคลายด้วยตลกน่ารักของลุงจำลองดีกว่า...ลุงบอกว่า ชื่อของลุงดีที่สุดในหมู่ “จำ” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น จำเลย จำลอง จำนอง จำนำ...แต่ไม่ว่าจะดีอย่างไร ลุงจำลองที่เคยจำนองแต่ไม่เคยจำนำก็ยังตกเป็นจำเลยจนได้ในคดี “กู้ชาติ” แต่ยังไม่หมดไฟที่จะร้องบอกพันธมิตรฯ ทุกคนว่า พันธมิตรฯ มีพรรคการเมืองใหม่เป็นเครื่องมือนำความจริง ความดี และความเจริญมาสู่บ้านเมืองไทย ถ้าไม่เลือกพรรคการเมืองใหม่ก็ให้มันรู้กันไป
แถมท้ายลุงจำลองยังฝากบอกไปถึงเนวินและสุเทพด้วย เพราะเขาสองคนล้วนแต่ช่วยสร้างคะแนนเสียงให้พรรคการเมืองใหม่ไม่หยุดหย่อน...ฝากมาขอบคุณด้วยใจ จากชายชราคนนี้ที่ชื่อ จำลอง ชายคนที่ครั้งหนึ่งเคยถูกสาดโคลนใส่ไคล้ว่า “พาคนไปตาย” เพียงเพราะทหาร รสช.จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬบางคนกลัว “พี่ลอง” ขึ้นสมองจนต้องจ้าง “คนบางกลุ่ม” ด้วยเงิน1,200 ล้านบาท เพื่อสาดเรื่องร้ายใส่เสื้อ “จำลอง”...เชื่อไม่เชื่อถาม “อดุลย์” ก็แล้วกัน.
แต่ในท่ามกลางเสียงปรบมือ ก็มีเสียงวิจารณ์ด้านลบพุ่งเข้าใส่ “วีระและคณะพันธมิตรฯ” ไม่ยั้งเช่นกัน
คมหอกคมดาบและวาจาใส่ร้ายกรีดใจเช่นนี้ มีหรือที่คนกล้าอย่างวีระและคณะของเขาจะยืนให้ซัดเอาๆ แต่เพียงฝ่ายเดียว และทันทีที่ขบวนพันธมิตรฯ คืนเมือง วีระและพวกจึงเปิดฉากตอบโต้ทุกถ้อยกระทงความด้วยอาการสุภาพ ข้อมูลหนักแน่น มีสติไม่ลอกแลก และไม่คิดถอยแม้แต่ก้าวเดียว
เสียงประกาศที่ผามออีแดงสะท้อนสะท้านเพียงไร คำอธิบายถึงเบื้องลึกเบื้องหลังเหตุการณ์ที่ “กันทรลักษณ์” ก็ชัดเจนจะแจ้งผ่านรายการคนในข่าว ASTV NEWS1 ก็หนักแน่นสะท้านทรวงไม่แพ้กัน วีระผู้ไม่เคยกลัวคนโกงก็ตีแสกหน้านักการเมือง ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ จน “นกแสกผี” ได้ที่เกาะใหม่หลายบ้านทีเดียว
บนรอยเท้าของการต่อสู้เพื่อทวงคืนแผ่นดินไทย เราท่านทั้งหลายได้เห็นเงาร่มรื่นของกองทัพธรรม ในนาม “ศีรษะอโศก” ที่ทาทาบทับ “กองทัพพันธมิตรฯ” ราวกับเนื้อเดียวกัน
กองทัพนักบุญภายใต้ธงธรรมของสันติอโศกที่ศรีษะเกษ เป็นทั้งพัดโบกกล่อมเกลาจิตใจที่อ่อนล้า เป็นทั้งนายช่างคนกล้าที่ดัดแปลงอุปกรณ์เก่าแก่ให้กลายเป็นศูนย์ถ่ายทอดสดวิทยุ 107.75 เอฟเอ็ม และโทรทัศน์ FMTV จนสามารถนำข้อเท็จจริงจากกันทรลักษณ์ออกสู่สายตาชาวโลกได้อย่างชัดแจ้ง ทดแทน ASTV ที่ขาดแคลนเครื่องมือถ่ายทอดสดได้ทันควัน
ไม่เพียงเท่านั้นแต่เหล่าคนดีของพ่อท่านโพธิรักษ์ ทั้งหญิงและชาย และทุกวัย ยังตั้งตัวเป็นทั้งทัพหน้าคอยระแวดระวังภัยให้พี่น้องพันธมิตรฯ ได้อุ่นใจหายห่วง แถมทัพหลังของแม่หญิงใจบุญยังเป็นกองหลังกุลีกุจอจัดหาน้ำ- อาหาร และหยูกยามาชุบชีวิตนักรบพันธมิตรฯ นับพันชีวิตที่แสนเหนื่อยล้าให้ได้กระชุ่มกระชวย
สุดท้ายเมื่อกายอิ่ม และใจเบา ประตูของศีรษะอโศกยังเปิดกว้างต้อนรับนักรบพันธมิตรฯ ให้ปักหลักพักค้างทุกคนกับรถทุกคันในค่ำคืนที่ไฟสงครามแห่งกันทรลักษณ์ยังคุกรุ่นในหัวใจคนดีทวงแผ่นดิน ก่อนที่รุ่งเช้าจะมาเยือน น้ำท่าอาหารและน้ำใจของศีรษะอโศกก็ปลุกพี่น้องพันธมิตรฯ เพื่อกอดลาในวันส่งกลับ หัวใจกับหัวใจแนบแน่นกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียว ซาบซึ้งตรึงใจไม่รู้ลืม
พันธมิตรฯ ทวงคืนแผ่นดินกลับภูมิลำเนาโดยมีบาดแผลในจิตใจติดตัวกันไปคนละเล็กคนละน้อย ขาไปคือผู้กล้า ขากลับมาถูกป้ายสีว่า “คลั่งชาติ” ขาดเหตุผลจนแส่ไปสร้างความอับอายให้กับเพื่อนร่วมชาติ และอาจทำให้ “เขมร” โกรธจนเป็นเหตุให้ผลประโยชน์เหนือ “บ่อน้ำมัน” ถูกกระทบจากหัวใจที่กระเทือนของฮุนเซน
นี่คือที่มาของการปักหลักสู้กันด้วยข้อมูลของ “วีระและพวก” ที่นำหลักฐานมาประจานความชั่วร้ายของอาณาจักรเนวินที่นับวันจะกร่างมากขึ้น และอวดดี ยโสโอหังอย่างไม่ต้องเกรงใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น
โดยดูได้จากอาการพองตัวของ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีษะเกษ ระพี ผ่องบุพกิจ-ทหารและตำรวจในพื้นที่ที่ยุแยงตะแคงรั่วให้ประชาชนในพื้นที่เข้าใจเพื่อนร่วมชาติผิดๆ แถมยังละเลยกับการป้องกันเหตุร้ายอย่างไม่น่าให้อภัย ขณะที่ทหาร-ตำรวจบางกลุ่มจัดคนมาสวมเสื้อ “ชาวบ้าน” เลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้งกันอิ่มแปล้ พอเมาได้ที่ก็มาไล่ตี ไล่ฆ่า คนดีที่ไปทวงคืนผืนดินไทยด้วยใจบริสุทธิ์
ลุงจำลองเล่าให้ฟังในวันถัดมาหลังเกิดเหตุเศร้าสลดที่กันทรลักษณ์ว่า พ่อท่านโพธิรักษ์เดินนำหน้าศีรษะอโศกอย่างเข้มแข็ง ท่านบอกว่า การทำสิ่งที่ถูกต้องเป็นหน้าที่ของพลเมืองไทยทุกคนไม่ว่า คนคนนั้นจะครองตน-ห่มผ้าแบบไหน-สีใดก็ตาม
ส่วนขบวนคนไทยทวงคืนแผ่นดินกลับมาเล่าให้ฟังว่า ถ้าไม่มี “ศีรษะอโศก –พลเอกปรีชา-อาแซมดิน-พี่วีระและกองทัพธรรม” แล้ว ภารกิจทวงคืนแผ่นดินไทยคงไม่ได้เริ่มต้น อีกประการหนึ่งแม้ขบวนพี่น้องพันธมิตรฯ นับพันจะโดนซุ่มโจมตีตลอดระยะทางจากคนไทยใจขแมร์สักเพียงใดก็ตาม ทว่าใจของพวกเขายังไม่เจ็บเท่ากับเจอข้าราชการไทยใจเนวินผู้อยู่เบื้องหลังการปลุกปั่นคนไทยให้มาไล่ตี-ไล่ฆ่า วีระและพันธมิตรฯ
เลือดไทยหลั่งรดปฐพี เลือดคนดีราดลดเพื่อปลดเปลื้องผืนดินไทยในกำมือขแมร์ แค่นี้ไม่ยี่หระ สักวันหนึ่งความจริงจะปรากฏ ว่าคนไทยใจคด ยกแผ่นดินให้คนอื่นเพื่อหวังประโยชน์ส่วนตน ไม่สนอธิปไตยเหนือดินแดนมาตุภูมิ
อยากให้ “ครูใหญ่เนวิน” ซึ่งร่ำไห้ว่าจะปกป้องสถาบันตราบจนชีวิตจะหาไม่ แต่ไม่สัญญาว่าจะเป็น “คนดีของแผ่นดิน” ระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า จะยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์เท่ากับ “อำนาจประชาชน” และไม่มีพลังใดๆ ในจักรวาลนี้จะมีมวลพลังแก่กล้าเท่ากับพลังของ “ประชาชนผู้บริสุทธิ์”
นักการเมือง-ข้าราชการและพ่อค้าสารเลวโกงบ้านกินเมืองทั้งหลาย ขอให้เชื่อความจริงแท้แน่นอนข้อหนึ่งว่า สักวันหนึ่งเมื่อคนกล้ามหาศาล รวมพลังมุ่งมั่นที่บาทวิถี พวกเขาจะไล่ล่าคนอัปรีย์ และไล่บี้คนพาลด้วยใจธรรม
ขอเพียงความจริงทำงาน แล้วสันดานนักการเมืองสารเลวจะถูกเปิดโปง ข้าราชการขี้ฉ้อกับพ่อค้าเจ้าเล่ห์จะไม่มีวันพ้นไปจากคำพิพากษาของประชาชน จงจำไว้ในไม่ช้า คนสามานย์ทั้งปวงจะไม่มีที่ยืน และที่เหยียบ สิ่งที่เหลือสุดท้ายคือ โลงนอน และเหรียญบาทเพียง 1 อันในปากกล้าที่เคยปลิ้นปล้อนและโกงกิน
เห็นบ้านเมืองลุกเป็นไฟ เห็นคนชั่วได้ดี เห็นคนอับปรีย์ขึ้นวอ ได้แต่นึกสงสารประเทศไทย จำได้ว่าเมื่อหลายปีก่อนลุงจำลองพาไป “โรงเรียนชาวนาคานาอาน” ที่ประเทศเกาหลีใต้ เห็นคนเกาหลีรักชาติช่วยกันฟื้นฟูกอบกู้บ้านเมืองแล้วอิจฉา ได้แต่นึกในใจว่า แล้วเมื่อไร “จริยธรรม” ในหมู่ผู้บริหารของบ้านเราจะได้รับการเยียวยากอบกู้?
หลังสุด “พี่กบ” เพื่อนพันธมิตรฯ ตลิ่งชันซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ใหญ่โต ไปดูงานที่เกาหลีใต้ กลับมาเล่าให้ฟังว่ารัฐบาลเกาหลีใต้กำลังทำโครงการ “จิตวิญญาณเอเชีย” โดยเอากรุงโซลเป็นศูนย์กลางของศิลปวัฒนธรรม จากนั้นหันไปสร้างเมืองใหม่คือ ซองโด เพื่อรองรับการจัดงานเอเชียนเกมส์ปี 2014 ต่อจากเมืองกวางเจาที่จะเป็นเจ้าภาพในปี 2010
ทางไปเมืองใหม่ไม่ยากเลย...เมื่อแยกจากเขตอินชอนไปเป็นรูปตัววี คือ เมืองซองโด ที่อดีตเคยกว้างใหญ่ แต่ไม่เจริญ รัฐบาลทุ่มเงินก้อนแรกนับร้อยล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสร้างสะพานข้ามปรู๊ดจากสนามบินอินชอนไปถึงเมืองซองโด และทุ่มอีก 40 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเนรมิตซองโดให้กลายสภาพจากที่รกร้างเป็นเมืองที่เปี่ยมด้วย นวัตกรรมทันสมัย สวยมีศิลปะ และสะดวกสบายสูงสุด เมืองซองโดกำลังจะแล้วเสร็จสมบูรณ์เป็นหน้าตอของเกาหลีใต้ ขณะที่กรุงโซลก็มีความก้าวหน้าอันแสนประทับใจกับการขุดคุ้ย “คลองเก่า” ที่ซุกไว้ใต้ถนนและทางด่วน การเผยโฉมทางน้ำเก่าแก่นี้มิเพียงชุบชีวิตเพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนแห่งใหม่ของกรุงโซล แต่รัฐบาลซ่อนระบบการบำบัดน้ำเสียไว้ใต้คลองเก่าด้วยงบ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เส้นทางน้ำไหลเก่าแก่ได้กลายเป็นทางน้ำใสและแหล่งท่องเที่ยวสำราญใจแห่งใหม่ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาของกรุงโซล
เล่าเรื่องความเจริญไม่หยุดหย่อนของเกาหลีใต้ ต้องเล่าเรื่องความเข้มแข็งของสังคมเกาหลีใต้ ที่ไม่ละทิ้งรากเหง้าของตัวเอง ก่อเกิดรัฐบาลที่เปี่ยมวิสัยทัศน์ และมีเครื่องมือที่ถี่ถ้วนเพียงพอกับการขจัดทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ
ฟังแล้วความอิจฉาตีขึ้นมาเป็นริ้วๆ ได้แต่ถามกันไปมาอีกรอบว่า เมื่อไรกันนะ ที่คนไทยลืมเรื่องรักชาติรักแผ่นดิน...เมื่อไรกันหนอที่คนบ้านเราจืดจางห่างไกลจากคำว่า “ส่วนรวม” สำนึกสาธารณะของชนในชาติหายไปไหนกันหมด?
ฟังแล้วเครียด... มาผ่อนคลายด้วยตลกน่ารักของลุงจำลองดีกว่า...ลุงบอกว่า ชื่อของลุงดีที่สุดในหมู่ “จำ” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น จำเลย จำลอง จำนอง จำนำ...แต่ไม่ว่าจะดีอย่างไร ลุงจำลองที่เคยจำนองแต่ไม่เคยจำนำก็ยังตกเป็นจำเลยจนได้ในคดี “กู้ชาติ” แต่ยังไม่หมดไฟที่จะร้องบอกพันธมิตรฯ ทุกคนว่า พันธมิตรฯ มีพรรคการเมืองใหม่เป็นเครื่องมือนำความจริง ความดี และความเจริญมาสู่บ้านเมืองไทย ถ้าไม่เลือกพรรคการเมืองใหม่ก็ให้มันรู้กันไป
แถมท้ายลุงจำลองยังฝากบอกไปถึงเนวินและสุเทพด้วย เพราะเขาสองคนล้วนแต่ช่วยสร้างคะแนนเสียงให้พรรคการเมืองใหม่ไม่หยุดหย่อน...ฝากมาขอบคุณด้วยใจ จากชายชราคนนี้ที่ชื่อ จำลอง ชายคนที่ครั้งหนึ่งเคยถูกสาดโคลนใส่ไคล้ว่า “พาคนไปตาย” เพียงเพราะทหาร รสช.จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬบางคนกลัว “พี่ลอง” ขึ้นสมองจนต้องจ้าง “คนบางกลุ่ม” ด้วยเงิน1,200 ล้านบาท เพื่อสาดเรื่องร้ายใส่เสื้อ “จำลอง”...เชื่อไม่เชื่อถาม “อดุลย์” ก็แล้วกัน.