สุโขทัย – วัดอุณหภูมิโชวห่วยสุโขทัย หลัง “บิ๊กซีฯ”ปักธงได้ร่วม 2 ปี วันนี้มีทั้ง “สาบสูญ-รวยริน-รุ่งโรจน์” นายห้างค้าปลีก-ส่งท้องถิ่น ย้ำต้องมีจุดแข็งจึงอยู่รอด หลังนำ “สุโขทัยสุขเกษม” ปรับกลยุทธ์สู้ห้างยักษ์จนรอดด้วยบทพิสูจน์เรื่องราคาถูก เตรียมขยายพื้นที่ต่อ ขณะที่โชวห่วย-มินิมาร์ทท้องถิ่นตายเรียบ
หลังห้างใหญ่ทุนยักษ์อย่าง “บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์” เข้ามายึดครองตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคสุโขทัยแบบครบวงจร มาเกือบ 2 ปี มาถึงทุกวันนี้ พบว่า มีผู้ค้าปลีกรายย่อยจำนวนมาก ต้องปิดกิจการลง และหันไปประกอบอาชีพอื่นแทน เพราะไม่สามารถทนแรงเบียดของทุนยักษ์ได้ รวมถึงโชวห่วยรายย่อยอีกหลายราย ที่อยู่ในพื้นที่ ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย ไม่ไกลจากที่ตั้งของห้างบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เท่าใดนัก ก็อยู่ในภาวะวิกฤตร่อแร่ เตรียมที่จะปิดตัวลงอีกอย่างเลี่ยงไม่พ้น
นายสมคิด อมรเสถียรพงศ์ เจ้าของ หจก.สุโขทัยสุขเกษม ผู้ค้าปลีกและค้าส่งรายใหญ่ที่สุดในสุโขทัย เปิดเผยว่า หลังจากห้างบิ๊กซี มาเปิดสาขาที่สุโขทัย ในช่วงแรกๆ ส่งผลให้ที่ร้านมียอดขายตกวูบทันที เกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ต่อมาประชาชนเริ่มทราบว่า ที่ร้านสุโขทัยสุขเกษม ขายสินค้าถูกกว่าห้างยักษ์ข้ามชาติ ก็เริ่มทยอยกลับมาซื้อสินค้ากันเหมือนเดิม ปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ยวันละ 4 แสนบาท
“ห้างยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติ ได้เปรียบในเรื่อง ที่จอดรถสะดวก สบาย และมีสินค้าจำหน่ายครบครัน แต่ในเรื่องของราคาแล้ว เราขายถูกกว่าแน่นอน ทั้งสบู่ ยาสีฟัน และของกิน ของใช้ประจำวันอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เราต้องปรับกลยุทธ์ สู้เพื่อความอยู่รอด เช่น การจัดวางสินค้าหน้าร้าน ให้เห็นเด่นชัด ติดป้ายบอกราคาชัดเจน ให้คนซื้อรู้ว่าที่นี่ถูกกว่า และเตรียมย้ายสถานที่ตั้งใหม่ ซึ่งจะกว้างขวาง และมีที่จอดรถสะดวกกว่าเดิม ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง ใกล้เสร็จแล้ว”
หจก.สุโขทัยสุขเกษม เป็น 1 ในผู้ค้าปลีก-ค้าส่งท้องถิ่นของสุโขทัย ที่ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ หลังบิ๊กซีฯเข้ามาเปิดสาขาได้ร่วม 2 ปี โดยนายห้างสุโขทัยสุขเกษม ยอมรับว่า ปัจจุบันค้าปลีกรายย่อยในท้องถิ่น หรือโชวห่วยสุโขทัย ที่ยังมีลมหายใจอยู่ ก็จะเหลือเพียงรายที่ยังพอมีทุน หรือปรับลดขนาดกิจการลง และอาศัยฐานลูกค้าเดิม ที่สะดวกมาซื้อกับเราเท่านั้น ส่วนที่เหลือก็ต้องปิดตัวลงไป
นายห้างสุโขทัยสุขเกษม กล่าวอีกว่า ที่จริงแล้วโชวห่วยท้องถิ่น เป็นมรดกของคนไทย จากรุ่นสู่รุ่น ที่เสียภาษีบำรุงท้องถิ่นมายาวนาน ถ้าไม่แข็งแกร่งจริง หรือมีจุดเด่นเรื่องราคา – ฐานลูกค้าเก่าที่ดูแลกันมา ถึงที่สุดก็คงไม่สามารถต่อสู้ หรือแข่งขัน กับห้างยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติเหล่านี้ได้
ซึ่งที่ผ่านมา เฉพาะในเขตตัวเมืองสุโขทัย หลังการรุกคืบของห้างยักษ์ข้ามชาติ ก็ส่งผลให้มีร้านมินิมาร์ท จำนวน 5 แห่ง ต้องปิดกิจการอย่างถาวร
ขณะที่ค้าปลีกรายย่อยทั้งในตัวเมือง และในพื้นที่ ต.บ้านกล้วย ต่างมียอดขายตกลงจากเดิมมากถึง 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ และทยอยปิดตัวเอง หันไปประกอบอาชีพอื่นเป็นจำนวนมาก
นายห้างสุโขทัยสุขเกษม กล่าวต่ออีกว่าส่วนร้านค้าในตัวเมืองสุโขทัย สามารถจัดเก็บภาษีได้ 200-300 ล้านบาทต่อเดือน แต่เมื่อมีการปิดกิจการ ไม่มีการจ้างงาน การจัดเก็บภาษีก็ลดลง ขณะที่ห้างยักษ์ค้าปลีกข้ามชาติ จะเสียภาษีเงินได้ที่กรุงเทพฯ ส่วนจังหวัดสุโขทัยจัดเก็บได้เฉพาะ ภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT )เท่านั้น แต่เขาจะไปขอคืนที่กรุงเทพฯ เท่าไหร่ ไม่มีใครรู้ เพราะที่นั่นเป็นที่ซื้อของเขา
สำหรับร้านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในตัวเมืองสุโขทัย จากเดิมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ปัจจุบันพบว่ามียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น เพราะประชาชนทราบต่อมา ว่า สินค้าจากตัวแทนจำหน่ายเหล่านี้มีคุณภาพเต็มร้อย ทั้งราคายังถูกกว่าในห้างยักษ์ และเกิดความตระหนัก ถึงบริการหลังการขาย กรณีสินค้าเสีย หรือชำรุด