หลังจากที่ได้รับฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีทุจริตจัดซื้อต้นกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,440 ล้านบาท แล้วมีรายงานข่าวแจ้งว่า นายเนวิน ชิดชอบ กล่าวกับสื่อมวลชนด้วยน้ำตาคลอว่า…
“ สำหรับเรื่องของคดีทั้งหมดเป็นไปตามคำพิพากษาของศาล และนับจากวันนี้ไปไม่เกิน 2 ปี น้ำยางจากต้นกล้ายางทั้ง 90 ล้านต้น จะสร้างรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ และเชื่อว่าผลผลิตของยางพาราจากโครงการนี้ จะทำรายได้ให้กับประเทศชาติ ส่วนตนเองนั้น นับจากวันนี้ไปจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ”
วัยรุ่นบางคนบอกว่า จบข่าว!
ไม่หรอก...
นับจากวันนี้โดยไม่ต้องรอถึง 2 ปีเหมือนต้นกล้ายางที่จะให้น้ำยาง สังคมจะรับทราบโดยทั่วกันว่า เนวิน ชิดชอบ ชายผู้ที่จะมีอายุครบ 51 ปีบริบูรณ์ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้ ซึ่งถูกกล่าวหาในฐานะผู้ริเริ่มโครงการนี้ คือ ผู้บริสุทธิ์
บริสุทธิ์เหมือนกับตอนที่เขารอดพ้นมาจากข้อกล่าวหาว่า เป็นผู้ทุจริตซื้อเสียงในการเลือกตั้ง ปี พ.ศ. 2538 ที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อตำรวจจับธนบัตรใบละ 20 และ 100 เย็บติดกันเป็นปึกใหญ่มัดรวมกับใบแนะนำตัวของเขา โดยเขาอ้างว่าเตรียมเงินเอาไว้ซื้อทีดิน
ตอนนั้นนายเนวินไร้มลทินแม้อาจจะหงุดหงิดนิดหน่อยกับฉายาที่ฟังดูไม่ค่อยรื่นหูสักเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้เขาเป็นที่รู้จักและโด่งดังเป็นพลุด้วยฉายา “ยี้ห้อย ร้อยยี่สิบ”
บริสุทธิ์เหมือนเมื่อตอนเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ.2548 หลังถูกนายถาวร เสนเนียม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่ร่วมรัฐบาลกันอยู่ในขณะนี้กล่าวหาว่าเป็นผู้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พัทลุง และสตูลให้ความช่วยเหลือพรรคไทยรักไทยในการเลือกตั้ง
ทว่า ในเวลาต่อมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ สมัยนั้นก็ลงความเห็นว่าหลักฐานที่นายถาวรใช้ยื่นฟ้องคือ เทปบันทึกเสียงของนายเนวินไม่ชัดเจนพอ
นี่เป็นเพียงคดีข้อครหาส่วนหนึ่งในจำนวนหลายกรณีที่นายเนวินมีชื่อไปพัวพันได้ชื่อว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
แต่ละครั้งที่รอดมาได้ และ แต่ละครั้งที่ถูกกล่าวหาใหม่ นอกจากทำให้นายชัย ชิดชอบ ผู้เป็นพ่อต้องออกมาตัดพ้อว่าลูกชายของเขาถูกรังแกและสังคมมีอคติกับตัวของนายเนวินไล่หลังตามมายังทำให้ตัวของนายเนวินได้รับชื่อเสียงและพอกพูนบารมีเพิ่มขึ้น
เช่นเดียวกับคดีกล้ายางครั้งนี้ ก็มีคนคอยจ้องมองว่า นายเนวิน หนทางทางการเมืองของเขาจะก้าวกระโดดขึ้นไปสูงอีกเพียงใด?
เกจิบางคนถึงขั้นทำนาย ว่า นี่แหละ นายกรัฐมนตรีคนต่อไป!
หลังการทำรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 นายเนวิน ถูกกล่าวหาพร้อมด้วยอดีตรัฐมนตรี ข้าราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ ผู้บริหารเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวม 44 ราย
ทั้งหมดถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ตั้งข้อหาร่วมกันทุจริตทำให้รัฐเสียหายในโครงการกล้ายาง
การต่อสู้คดีที่ผ่านมานายเนวินได้รับการสนับสนุนจากพ่อ พรรค และ กลุ่มเพื่อนเนวิน
แต่ที่เป็นจุดไฮไลต์ที่สุดก็คือ การปรากฏตัวของ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการ คตส.!
หากจำได้ก่อนหน้านี้เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ในไต่สวนพยานจำเลย ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.)เป็นโจทก์ ฝ่ายจำเลยได้นำนายแก้วสรร ขึ้นเบิกความ
โดยอดีต คตส.ระบุว่า ไม่เห็นหลักฐานที่ชี้ว่า มีการสมคบกันกับนายเนวินผู้ริเริ่มโครงการ ในชั้นพิจารณารายงานสอบสวนของ คตส.จึงได้เป็นเสียงข้างน้อย เช่นเดียวกับ คชก. ที่เห็นว่า การกระทำนั้นยังไม่ใช่การทุจริต ส่วนข้อเท็จจริงเรื่องการประมูลจัดซื้อจัดจ้างนั้น คตส. มีมติเป็นเอกฉันท์ว่ามีการสมยอมในการประกวดราคา มีการทุจริตจริง
การเบิกความของนายแก้วสรรครั้งนั้นทำให้ ผู้สนับสนุนนายเนวินใจชื้นพร้อมกับความหวังในการสู้คดีซึ่งก็อาจจะเป็นที่มาของการดีใจออกหน้า ก่อนศาลจะนัดฟังคำพิพากษาในเดือนสิงหาคม แต่ก็มีเหตุเลื่อนมาเป็นเมื่อวานนี้(21ก.ย.)
ด้วยความเชื่อมั่นที่เต็มเปี่ยมดังกล่าว ไม่แปลกที่จะมีกระแสข่าวออกมาคล้ายๆ นายเนวินรู้ผลล่วงหน้า เตรียมจัดงานฉลองกันเอิกเกริก
ทว่า ต่อมานายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรคภูมิใจไทย ผู้ได้รับมอบหมายจาก นายเนวิน ก็ปฏิเสธทันควัน
เขาบอกว่า ข่าวที่บอกว่า นายเนวิน รู้ล่วงหน้าว่าจะหลุดจากคดีทุจริตกล้ายางนั้นไม่เป็นความจริง เป็นการปล่อยข่าวจากผู้ที่มีเจตนาร้ายกับนายเนวิน และ มีเจตนาร้ายต่อสถาบันตุลาการ เพราะคำพิพากษาคดีทุกคดีไม่เฉพาะคดีนี้ เป็นความลับ ผู้ที่ตกเป็นจำเลยไม่มีทางล่วงรู้ผลการพิพากษา
“นายเนวิน ได้เจียมเนื้อเจียมตัว และยืนยันมาตลอดว่ายอมรับคำตัดสินของศาล ข่าวที่ออกมาต้องการที่จะทำลายความเชื่อมั่นของสถาบันตุลาการ และเอานายเนวิน มาเป็นเหยื่อ เอาคดีนี้มาเป็นเครื่องมือในการทำลายกัน”
เมื่อศาลมีคำตัดสินดังกล่าวเรื่องคดีทั้งหมดก็ถือเป็นอันยุติ แต่ความคิดของคนก็ยังคงยากจะยุติ
อย่างน้อยๆการวิพากษ์วิจารณ์ถึงอนาคตและความเคลื่อนไหวทางการเมืองของนายเนวินจากนี้ไปก็จะเป็นประเด็นให้สังคมได้พูดถึงกันต่อไปอีกนาน
ว่ากันเฉพาะเย็นวานนี้ ความเห็นของสังคมที่แสดงออกผ่านเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ก็อ่านกันไม่หวาดไม่ไหว
ความเห็นเป็นอารมณ์และความรู้สึกของผู้คนที่มีต่อตัวนายเนวินที่ยืนน้ำตาคลอให้สัมภาษณ์สื่อหลังจากเดินออกมาจากศาล
จะอย่างไรทั้งหมดนี้มันก็อาจจะสะท้อนได้ระดับหนึ่ง และ หากจะมีคนเอาความเห็นทั้งหลายส่งต่อให้นายเนวินได้อ่านบ้างก็น่าจะดีไม่น้อย ซึ่งไม่รู้ว่า นายเนวินจะเห็นและชอบอย่างที่ผมชอบหรือไม่ จากความเห็นหนึ่งที่บอกว่า...
“คุณเนวิน ดี-ชั่ว อยู่ที่ใจคุณ”
ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก
