xs
xsm
sm
md
lg

เปิดคำพิพากษายกฟ้อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง วันที่ 21 กันยายน 52 เวลา 14.10 น. นายบุญรอด ตันประเสริฐ ประธานแผนกคดีเลือกตั้ง เจ้าของสำนวนทุจริตการจัดซื้อต้นกล้ายางพารา พร้อมองค์คณะรวม 9 คน อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม.4/2551 ที่ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายรัฐ ( คตส.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร คชก. จำเลยที่ 1 , นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง ที่ 2 , นายสรอรรถ กลิ่นปทุม อดีต รมว.เกษตรฯ ที่ 3 , นายเนวิน ชิดชอบ อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ จำเลยที่ 4 , นายอดิศัย โพธารามิก อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ 5 ในฐานะกรรมการ คชก. , คณะกรรมการบริหารโครงการ ( กำหนดทีโออาร์) และคณะกรรมการพิจารณาผลประกวดราคา และบริษัทเอกชน ประกอบด้วย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ เมล็ดพันธุ์ จำกัด ในฐานะผู้ชนะการประกวดราคา , บริษัท รีสอร์ตแลนด์ จำกัด ผู้ร่วมเสนอราคา และบริษัทเอกเจริญ การเกษตร จำกัด ผู้ร่วมเสนอราคา เป็นจำเลยที่ 6 -44 ในความผิดฐาน เป็น เจ้าพนักงาน และผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ประมวลกฎหมายอาญา ม.157 ที่โทษจำคุก 1- 10 ปี หรือ ปรับ 2,000 – 20,000 บาท , เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ จัดการหรือรักษาทรัพย์สินใด ๆ ร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ม.151 ที่มีโทษจำคุก 5- 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 2,000 – 40,000 บาท , พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 10 , 13 และพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 และ ผู้ใดหลอกลวงแสดงข้อความ อันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรแจ้ง เพื่อให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สามหรือ ทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สามทำ ถอนหรือทำลายเอกสารสิทธิ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 341 ประกอบมาตรา83 และ 86 โดยโจทก์ขอให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายด้วยจำนวน 1,349,684,361..96 ล้านบาท โดยคดีนี้จำเลยทั้ง 44 ให้การปฎิเสธ

องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาแล้ววินิจฉัยในประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1. ปัญหาว่าคำฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ องค์คณะผู้พิพากาษามติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ว่าคำฟ้องโจทก์ได้บรรยายการกระทำความผิดของจำเลยแต่ละคนไว้อย่างชัดเจนโดยละเอียดแล้วว่าจำเลยคนใดกระทำความผิดร่วมกับจำเลยคนใด และจำเลยแต่ละคนมีความผิดอย่างไรโดยระบุข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ ที่กล่าวหาว่ากระทความผิดพอสมควรที่จะทำให้จำเลยทั้ง 44 เข้าใจข้อหาได้ดี ทั้งอ้างบทมาตราในกฎหมายซึ่งบรรญัติว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นความผิด คำฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.158 และข้อกำหนดเกี่ยวกับการดำเนินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2543 ข้อ 8 วรรคหนึ่งแล้ว

ข้อ 2. โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ องค์คณะผู้พิพากษามีมติเอกฉันท์ว่า ศาลฎีกาฯมีอำนาจรับคดีนี้ไว้พิจารณาพิพากษาและโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้ง 44 ได้

ข้อ 3. ปัญหาว่านายฉกรรจ์ แสงรักษาวงษ์ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร จำเลยที่ 19 เป็นผู้ก่อและร่วมกับนายเนวินจำเลยที่ 4 เสนอโครงการปลูกยางพาราเพื่อยกระดับรายได้และความมั่นคงกับเกษตรกรในแหล่งปลูกยางใหม่ ขัดต่อระเบียบและกฎหมายโดยมีเจตนาให้มีการใช้เงินรายได้จากค่าธรรมเนียมการส่งออกยางหรือเงิน (CESS) และเงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโดยมิชอบ ด้วยการปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ องค์คณะผู้พิพากษามติด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 กรณีของจำเลยที่ 4 และมีมติด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 2 กรณีของจำเลยที่ 19 ว่า กรณียังฟังไม่ได้ว่า นายเนวิน จำเลยที่ 4 และ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร จำเลยที่ 19 มีเจตนาปกปิดข้อเท็จจจริงเพื่อให้มีการใช้เงินรายได้จากค่าธรรมเนียมการส่งออกยางหรือเงินCESS และเงินกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโดยมิชอบด้วยการปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบตามที่โจทก์ฟ้องแต่อย่างใด เพราะได้ความว่า จำเลยที่ 4 และ 19 เสนอให้นำเงิน cess มาใช้ก่อน เพราะเวลาผ่านช่วงเวลาเสนองบประมาณแล้ว หาจะรอเสนองบประมาณก็จะทำให้โครงการล่าช้า ขณะที่ความเป็นมาของโครงการดังกล่าว เริ่มจากนโยบายรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลงรและการพัฒนาเกี่ยวกับระบบผลผลิตทางการเกษตร และให้ประเทศได้มีส่วนแบ่งการตลาดในค้ายางระดับโลกซึ่งยางพาราถือเป็นพืชเศรษฐกิจ ซึ่งจำเลยที่ 4 และ 19 ได้เสนอโครงการดังกล่าวโดยไม่ได้กระทำเพียงลำพัง แต่ยังมีองค์การอื่นเกี่ยวกับการทำสวนยาง ร่วมด้วย เช่น สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) ดังนั้น จำเลยที่ 4 และ 19 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง

ข้อ 4. ปัญหาว่านายสมคิด นายวราเทพ และนายสรอรรถ จำเลยที่ 1-3 และ นายอดิศัย และคณะกรรมการ คชก.ที่ 5-18 ร่วมกันมีมติในการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตราช่วยเหลือเกษตรกร หรือ คชก. ชอบด้วยระเบียบและกฎหมายและเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ องค์คณะผู้พิพากษามีมติด้วยด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 3 ว่า การที่ คชก. มีมติอนุมัติให้ใช้เงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ยของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรวงเงิน 1,440,000,000 บาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหากล้ายางอยู่ในวัตถุประสงค์ของระเบียบว่าด้วยกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรฯ และมติของ คชก.ที่ให้นำเงิน CESS มาชำระคืนเงิน คชก. มิได้ขัดหรือฝ่าฝืน พ.ร.บ.กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง พ.ศ.2503 ม.18 (3) ประกอบม. 7 – 8 และมีมติด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 ว่าจำเลยที่ 1-3 และที่ 5-18 ไม่มีความผิดตามฟ้อง

ข้อ 5. ปัญหาว่านายฉกรรจ์ และคณะกรรมการบริหารโครงการและพิจารณาประกวดราคาจำเลยที่ 19-24 ร่วมกันกำหนดเงื่อนไขและคุณสมบัติของผู้เสนอราคาตามเอกสารการประกวดราคาจ้างที่ 4/2546 ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2546 โดยไม่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์ เมล็ดพันธุ์ จำกัด ในฐานะผู้ชนะการประกวดราคา , บริษัท รีสอร์ตแลนด์ จำกัด ผู้ร่วมเสนอราคา และบริษัทเอกเจริญ การเกษตร จำกัด ผู้ร่วมเสนอราคา จำเลยที่ 30 – 32 หรือมไม่ องค์คณะผู้พิพากษามีมติด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ว่า พยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 19-24 มีเจตนาร่วมกันกำหนดเงื่อนไขและคุณสมบัติของผู้เสนอราคาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับจำเลยที่ 30-32 ตามที่โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ 19-24 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง

ข้อ 6. ปัญหาว่าคณะกรรมการพิจารณาประกวดราคา จำเลยที่ 20-22 และที่ 25-26 ร่วมกันละเลยการตรวจสอบคุณสมบัติและความเกี่ยวข้องในเชิงผลประโยชน์ร่วมกันของจำเลยที่ 30-32 ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาโดยไม่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมายหรือไม่ องค์คณะผู้พิพากษามีมติเอกฉันท์ว่า พยานหลักฐานที่ได้จากไต่สวนฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 20-22 และ ที่ 25-26 มีเจตนาร่วมกันละเลยการตรวจสอบคุณสมบัติและความเกี่ยวข้องในเชิงผลประโยชน์ร่วมกันของจำเลยที่ 30-32 ดังที่โจทก์อ้าง จำเลยที่ 20-22 และ 25-26 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง

ข้อ 7. ปัญหาว่าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ เมล็ดพันธุ์ จำกัด ในฐานะผู้ชนะการประกวดราคา , บริษัท รีสอร์ตแลนด์ จำกัด ผู้ร่วมเสนอราคา และบริษัทเอกเจริญ การเกษตร จำกัด ผู้ร่วมเสนอราคา จำเลยที่ 30-32 นำหลักฐานแสดงคุณสมบัติการประกวดราคาอันเป็นเท็จมาแสดงว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติตามประกาศประกวดราคาอันเป็นการกระทำความผิดฐานฉ้อโกง โดยจำเลยที่ 31 ไม่ได้เป็นผู้มีความชำนาญในการผลิตยางชำถุงตามประกาศประกวดราคาได้ยื่นหลักฐานการแสดงคุณสมบัติของการประกวดราคาว่าเป็นผู้จำหน่ายพันธุ์พืชมาอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งตามสัญญาซื้อขายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดที่จำเลยที่ 31 ทำกับบริษัทยิ่งวัฒนาไซโลจำกัด เป็นเพียงการฝากขายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดไม่ใช่เป็นการซื้อขายกันจึงเป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยที่ 31 เป็นผู้มีคุณสมบัติตามประกวดราคาของกรมวิชาการเกษตร ทั้งที่รู้ว่าตนไม่มีคุณสมบัติ ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตพันธุ์ยาง ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของการเสนอราคา จึงเป็นการกีดกันผู้เสนอราคารายอื่นเพื่อให้จำเลยที่ 30 เป็นผู้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับกรมวิชาการเกษตร โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมและจำเลยที่ 32 มีได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเพาะปลูกพันธุ์ยางและหนังสือรับรองผลงานการซื้อขายเมล็ดพันธุ์พืช ที่ออกโดยห้างหุ้นส่วนจำกัด ส.โชคจรรยา ที่จำเลยที่ 32 นำส่งต่อคณะกรรมการประกวดราคาเป็นเอกสารที่ทำขึ้นเพื่อแสดงข้อความอันเป็นเท็จนั้น องค์คณะผู้พิพากษามีมติเอกฉันท์ว่า การกระทำของจำเลยที่ 30-32 หาใช่เป็นการฉ้อโกงหรือตกลงร่วมกันเสนอราคาเพื่อให้จำเลยที่ 30 มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐอันจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542 ตามที่โจทก์ฟ้อง

ข้อ 8. ปัญหาว่ากรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ ฯ , บริษัท รีสอร์ตแลนด์ ฯ และบริษัทเอกเจริญ ฯ จำเลยที่ 27-44 ร่วมกันยื่นซองเสนอราคาผลิตกล้ายางชำถุง โดยจำเลยที่ 30-32 มีความสัมพันธ์ในเชิงบริหาร เชิงทุน และในเชิงถือหุ้นไขว้กันในลักษณะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม อันเป็นการขัดขวางการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมและมีผลประโยชน์ร่วมกันโดยฝ่าฝืนต่อระเบียบและกฎหมายหรือไม่ องค์คณะผู้พิพากษามีมติเอกฉันท์ว่า พยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวนฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 27-44 ร่วมกันยืนซองเสนอราคาโดยจำเลยที่ 30-32 มีความสัมพันธ์ในเชิงบริหาร เชิงทุน และในเชิงถือหุ้นไขว้กันในลักษณะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม อันเป็นการขัดขวางการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมและมีผลประโยชน์ร่วมกัน โดยฝ่าฝืนต่อระเบียบและกฎหมายตามที่โจทก์ฟ้อง

ข้อ 9. ปัญหาว่ากรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ ฯ , บริษัท รีสอร์ตแลนด์ ฯ และบริษัทเอกเจริญ ฯจำเลยที่ 27-44 ร่วมกันกระทำการโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งโดยจำเลยที่ 30 เจตนาปกปิดเกี่ยวกับพื้นที่สำหรับใช้เป็นแปลงเพาะต้นกล้ายาง โดยนำเอกสารที่มีข้อความเท็จมาแสดง และจำเลยที่ 31-32 นำหลักฐานแสดงคุณสมบัติของการประกวดราคาอันเป็นเท็จมาแสดงว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติตามประกวดราคา อันเป็นการหลอกลวงเพื่อให้จำเลยที่ 30 ได้เข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นการกระทำความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐฯ และความผิดฐานฉ้อโกงตามฟ้องของโจทก์หรือไม่ องค์คณะผู้พิพากษามีมติเอกฉันท์ว่า พยานหลักฐานเท่าที่ได้ไต่สวนมาฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 30 มีเจตนาปกปิดเกี่ยวกับพื้นที่สำหรับใช้เป็นแปลงเพาะต้นกล้า โดยนำเอกสารเท็จมาแสดง โดยจำเลยที่ 30-32 ตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อให้จำเลยที่ 30 มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐหลีกเลี่ยงการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมแต่อย่างใด จำเลยที่ 27-44 จึงไม่มีความผิดตามฟ้อง

ข้อ 10. ปัญหาประการสุดท้ายว่าจำเลยทั้ง 44 ต้องร่วมกันรับผิดชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้แก่สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.)ตามฟ้องหรือไม่เพียงใด องค์คณะมีมติเอกฉันท์ว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 44 กระทำความผิดตามฟ้อง ประกอบกับสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางยังไม่ได้เสียเงิน cess ที่จะให้นำไปชำระเป็นเงินปลดดอกเบี้ยในโครงการนี้แต่อย่างใด จำเลยทั้ง 44 จึงไม่ต้องร่วมกันรับผิดชำระเงินให้แก่ สกย.ตามที่โจทก์ฟ้องพิพากษายกฟ้อง

ส่วนนายอดิศัย โพธารามิก อดีต รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 5 ที่ศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากหลบเลี่ยงไม่มาฟังคำพิพากษา ในวันนี้ ศาลได้มีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับ.
กำลังโหลดความคิดเห็น