ASTVผู้จัดการรายวัน-สัญญารถไฟฟ้าสีม่วงป่วน รฟม.เตรียมเสนอครม.ปลาย ก.ย.เพิ่มเงื่อนไขอนุญาโตฯ เหตุไจก้าไม่ยอมรับ หลังเซ็นก่อสร้างกับกลุ่ม CKTCในสัญญาที่ 1 แต่ตัดอนุญาโตฯออก อ้างทำตามมติครม.ที่แก้ปัญหารัฐหลายโครงการมีข้อพิพาทกับเอกชนและแพ้อนุญาโต “สุพจน์”ยันรฟม.เดินหน้าก่อสร้างสายสีเขียวไม่สนกทม.
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวงในฐานะประธานคณะกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ รฟม.ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สัญญาที่ 1 กับกลุ่ม CKTC Joint Venture (บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โตคิว คอนสตรัคชั่น จำกัด) วงเงิน 14,292 ล้านบาทปรากฏว่า องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) แจ้งว่าไม่เห็นด้วยกับการตัดเงื่อนไขการใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการออกจากสัญญา ดังนั้นรฟม.จะเร่งทำเรื่องมายังกระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนก.ย.นี้ เพื่อขอเพิ่มเงื่อนไขอนุญาโตตุลาการในสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง
ทั้งนี้ รฟม.ได้ดำเนินการกำหนดเงื่อนไขสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงตามมติครม.เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2552 ที่ไม่นำอนุญาโตตุลาการใส่ไว้ในสัญญาทุกประเภทที่รัฐทำกับเอกชน ซึ่งสาเหตุมาจากมีหลายโครงการที่รัฐทำสัญญากับเอกชนเกิดพิพาทและรัฐแพ้อนุญาโต ซึ่งไจก้าเจ้าของเงินกู้ไม่เห็นด้วยกับการที่รฟม.ตัดเงื่อนไขอนุญาโตฯออก เพราะถือว่าเป็นการประมูลและทำสัญญาสากล(International Bidding) โดยไจก้าไม่เคยอนุญาตให้ยกเว้นเงื่อนไขอนุญาโตฯกับประเทศใด โดยรฟม.จะเสนอครม.ขอเพิ่มเงื่อนไขอนุญาโตฯในสัญญาที่ 1,2,3 พร้อมกัน ซึ่งหลังจากครม.เห็นชอบจะแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมในส่วนของสัญญาที่ 1 ที่ได้ลงนามกับ กลุ่ม CKTC ไปแล้วเพื่อให้สัญญามีผลและเริ่มงานก่อสร้างทันที
“คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ ไจก้าจะส่งหนังสือมายังรฟม.อย่างเป็นทางการและจะทำเรื่องเสนอไปที่กระทรวงคมนาคมตามขั้นตอนทันที ในขณะเดียวกัน ได้ประสานกับกลุ่มกลุ่ม CKTCซึ่งเป็นผู้รับเหมาไว้แล้วพร้อมที่จะแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมเพื่อเริ่มทำงาน”นายสุพจน์กล่าว
ส่วนความคืบหน้าสัญญาที่ 2 โครงสร้างยกระดับส่วนตะวันตก ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร ซึ่งบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับเหมาวงเงิน 13,100 ล้านบาท สัญญาที่ 3 ศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ โดยกลุ่ม PAR Joint Venture ( บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน),บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท รวมนครก่อสร้าง (ประเทศไทย) จำกัด) เป็นผู้รับเหมาวงเงิน 5,025 ล้านบาทนั้น นายสุพจน์กล่าวว่า ขณะนี้รอไจก้าให้ความเห็นชอบค่าก่อสร้างโดยคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาพร้อมกันทั้งสองสัญญาในเดือนต.ค.นี้
นายสุพจน์กล่าวถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-พหลโยธิน-สะพานใหม่และแบริ่ง-สำโรง-สมุทรปราการ) ว่า อยู่ระหว่างการปรับกรอบวงเงินค่าก่อสร้างให้สอดคล้องกับต้นทุนปัจจุบัน รวมถึงการปรับแผนช่วงบางเขนกรณีที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่ใช้พื้นที่ โดยทำเป็นแผนสำรอง ในการหาพื้นที่จุดจอดแล้วจร (Park & Ride) แทน ส่วนการก่อสร้างนั้น รฟม.ยืนยันดำเนินการก่อสร้างตามมติครม.ส่วนการเดินรถ ให้เจรจากับ กทม. การก่อสร้างจะเปลี่ยนแปลงได้ต่อเมื่อ ครม.มีมติใหม่ให้กทม.ดำเนินการ
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวงในฐานะประธานคณะกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจากที่ รฟม.ได้ลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สัญญาที่ 1 กับกลุ่ม CKTC Joint Venture (บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โตคิว คอนสตรัคชั่น จำกัด) วงเงิน 14,292 ล้านบาทปรากฏว่า องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) แจ้งว่าไม่เห็นด้วยกับการตัดเงื่อนไขการใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการออกจากสัญญา ดังนั้นรฟม.จะเร่งทำเรื่องมายังกระทรวงคมนาคมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในเดือนก.ย.นี้ เพื่อขอเพิ่มเงื่อนไขอนุญาโตตุลาการในสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง
ทั้งนี้ รฟม.ได้ดำเนินการกำหนดเงื่อนไขสัญญาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงตามมติครม.เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2552 ที่ไม่นำอนุญาโตตุลาการใส่ไว้ในสัญญาทุกประเภทที่รัฐทำกับเอกชน ซึ่งสาเหตุมาจากมีหลายโครงการที่รัฐทำสัญญากับเอกชนเกิดพิพาทและรัฐแพ้อนุญาโต ซึ่งไจก้าเจ้าของเงินกู้ไม่เห็นด้วยกับการที่รฟม.ตัดเงื่อนไขอนุญาโตฯออก เพราะถือว่าเป็นการประมูลและทำสัญญาสากล(International Bidding) โดยไจก้าไม่เคยอนุญาตให้ยกเว้นเงื่อนไขอนุญาโตฯกับประเทศใด โดยรฟม.จะเสนอครม.ขอเพิ่มเงื่อนไขอนุญาโตฯในสัญญาที่ 1,2,3 พร้อมกัน ซึ่งหลังจากครม.เห็นชอบจะแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมในส่วนของสัญญาที่ 1 ที่ได้ลงนามกับ กลุ่ม CKTC ไปแล้วเพื่อให้สัญญามีผลและเริ่มงานก่อสร้างทันที
“คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ ไจก้าจะส่งหนังสือมายังรฟม.อย่างเป็นทางการและจะทำเรื่องเสนอไปที่กระทรวงคมนาคมตามขั้นตอนทันที ในขณะเดียวกัน ได้ประสานกับกลุ่มกลุ่ม CKTCซึ่งเป็นผู้รับเหมาไว้แล้วพร้อมที่จะแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมเพื่อเริ่มทำงาน”นายสุพจน์กล่าว
ส่วนความคืบหน้าสัญญาที่ 2 โครงสร้างยกระดับส่วนตะวันตก ระยะทางประมาณ 11 กิโลเมตร ซึ่งบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับเหมาวงเงิน 13,100 ล้านบาท สัญญาที่ 3 ศูนย์ซ่อมบำรุงและอาคารจอดรถ โดยกลุ่ม PAR Joint Venture ( บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน),บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท รวมนครก่อสร้าง (ประเทศไทย) จำกัด) เป็นผู้รับเหมาวงเงิน 5,025 ล้านบาทนั้น นายสุพจน์กล่าวว่า ขณะนี้รอไจก้าให้ความเห็นชอบค่าก่อสร้างโดยคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาพร้อมกันทั้งสองสัญญาในเดือนต.ค.นี้
นายสุพจน์กล่าวถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-พหลโยธิน-สะพานใหม่และแบริ่ง-สำโรง-สมุทรปราการ) ว่า อยู่ระหว่างการปรับกรอบวงเงินค่าก่อสร้างให้สอดคล้องกับต้นทุนปัจจุบัน รวมถึงการปรับแผนช่วงบางเขนกรณีที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่ใช้พื้นที่ โดยทำเป็นแผนสำรอง ในการหาพื้นที่จุดจอดแล้วจร (Park & Ride) แทน ส่วนการก่อสร้างนั้น รฟม.ยืนยันดำเนินการก่อสร้างตามมติครม.ส่วนการเดินรถ ให้เจรจากับ กทม. การก่อสร้างจะเปลี่ยนแปลงได้ต่อเมื่อ ครม.มีมติใหม่ให้กทม.ดำเนินการ
