xs
xsm
sm
md
lg

ทวงคืนเขาวิหารวันนี้"วีระ"แจ้งจับ"เขมร"รุกพื้นที่ทหาร-ชาวบ้านรวมตัวขวาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แผ่นดินชายแดนไทย-กัมพูชาถึงจุดเดือด "วีระ" นัด "คนไทยผู้รักชาติ" รวมตัวเช้าวันนี้หน้าศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ก่อนเคลื่อนทัพไปปักหลักประกาศแถลงการณ์ทวงคืนดินแดนไทยที่ "ผามออีแดง" ลั่นปักหลักยาวจนกว่ารัฐบาลจะมีคำตอบที่ชัดจน ขณะเดียวกันแจ้งความจับ "ชาวเขมร" ที่บุกรุกพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร 4.6 ตร.กม. ทั้งแจ้งจับอธิบดีกรมอุทยานฯข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ "ทภ.2" ลั่นให้เข้าไปได้แค่ด่านเก็บเงินเท่านั้น "ชาวกันทรลักษ์" นัดรวมตัวขวางทาง "ผู้ว่าฯศรีสะเกษ" หวั่นนองเลือดสั่ง จนท.ปลดอาวุธทุกชนิด "มาร์ค-สุเทพ-ผบ.ทบ." ท่องคาถา "เจรจา-สันติวิธี" เตือนทำนองขู่บุกพื้นที่เขาพระวิหารอาจได้รับอันตราย

วานนี้ (18 ก.ย.) นายวีระ สมความคิด ประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่นและภาคีเครือข่ายติดตามสถานการณ์กรณีเขาพระวิหาร ได้แจ้งกับ พ.ต.ท.สมบัติ นามสุวรรณ พนักงานสอบสวน สภ.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ให้ดำเนินคดีกับชาวกัมพูชา ที่บุกรุกพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) รอบพื้นที่ปราสาทพระวิหาร และให้ดำเนินคดีกับอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบที่สั่งย้ายหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารโดยมิชอบ

นายวีระ เปิดเผยว่า แม้ว่าที่ผ่านมาทุกรัฐบาลยืนยันมาตลอดว่าประเทศไทยยังไม่เสียดินแดน 4.6 ตร.กม. แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ออกมายอมรับในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยว่า มีการบุกรุกเข้ามาจริงและจะใช้วิธีการเจรจาแก้ปัญหา ซึ่งย่อมชี้ชัดได้ว่ามีการบุกรุกพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทเขาพระวิหารจริง ซึ่งการที่คนต่างชาติบุกรุกเข้ามาโดยผิดกฎหมาย พร้อมอาวุธได้เข้ามาสร้างที่อยู่อาศัย วัด ถนน ในพื้นที่ของคนไทย จึงต้องแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้บุกรุก หากเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมจับผู้บุกรุก ตนจะเข้าไปร้องทุกข์ต่อ ป.ป.ช.ให้ดำเนินคดีกับตำรวจ ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ส่วนอีกคดีได้แจ้งความดำเนินคดีอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่สั่งการให้รักษาการหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ไล่นักท่องเที่ยวและตนที่ได้เข้าพักอาศัยอยู่ในอุทยานฯออกไป แต่อธิบดีกรมอุทยานฯ กลับเลือกปฏิบัติ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ยอมไล่ชาวกัมพูชาที่เข้าบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ มาตั้งแต่ปี 2543

นัดบุกทวงคืน"เขาวิหาร" วันนี้

นายวีระ กล่าวถึงกำหนดการเคลื่อนไหวทวงคืนพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ในวันนี้ (19 ก.ย.) ว่า มวลมหาชนประชาชนที่รักชาติให้มารวมตัวกันที่ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ จากนั้นเวลา 09.00 น. เราจะเคลื่อนขบวนไปยังผามออีแดง ซึ่งเป็นจุดที่ปลอดภัยห่างจากกองกำลังทหารกัมพูชากว่า 2 กิโลเมตร

สำหรับกิจกรรมบริเวณผามออีแดง จะมีการประกาศและแถลงการณ์ของภาคีเครือข่ายฯจำนวน 3 ฉบับ เพื่อแสดงจุดยืนในการทวงคืนพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ที่ถูกประชาชนและทหารกัมพูชาบุกรุกให้ออกไปจากพื้นที่แห่งนี้ เสร็จจากแถลงการณ์แล้ว ประชาชนทั้งหมดจะรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณผามออีแดง จนกว่ารัฐบาลจะมีมาตรการที่ชัดเจนในการผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีประชาชนจากทั่วประเทศ มีใจรักชาติ และเจตนารมณ์แน่วแน่ที่จะทวงคืนดินแดนพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ขับไล่ชาวกัมพูชาออกไปจากพื้นที่ดังกล่าว แต่กลับมีป้ายไวนิลขนาดใหญ่ ติดตามบริเวณสี่แยกหลัก และพื้นที่ชุมชน คัดค้านการเคลื่อนไหวดังกล่าว ด้วยข้อความอาทิ ชาวศรีสะเกษ ไม่ต้องการสงคราม, รักชาติแต่อย่างคลั่งชาติ พบเห็นได้ทั่วไปในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

พธม.ทั่วประเทศล้อหมุนเข้าสมทบ

น.ส.เพ็ญพิมล ใสงาม ที่ปรึกษาเครือข่ายพันธมิตรฯบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า เครือข่ายพันธมิตรฯในพื้นที่ได้นัดรวมตัวกันวันนี้ (19 ก.ย.) เพื่อขึ้นรถบัสเดินทางไป จ.ศรีสะเกษ ร่วมเรียกร้องกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งการไปร่วมครั้งนี้จะเป็นไปอย่างสันติ ไม่ก่อความวุ่นวายใดๆ เพราะจุดประสงค์ต้องการเรียกร้องปัญหาพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบเขาพระวิหาร ส่วนกรณีที่มีบางกลุ่มออกมาคัดค้านการชุมนุมเขาพระวิหารนั้นเชื่อว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาก่อให้เกิดความรุนแรง เพราะเครือข่ายพันธมิตรฯ เดินทางไปเพื่อไปเรียกร้องหาความชัดเจน

ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ 16 จังหวัดภาคใต้ และภาคเหนือ เช่นที่ จ.เชียงราย และภาคตะวันออก เช่นที่ จ.ชลบุรี ตลอดจนพันะมิตรฯนครราชสีมา ก็ได้มีการเดินทางออกจากพื้นที่นัดหมายมุ่งหน้าเข้า จ.ศรีสะเกษ แล้วเช่นกันตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ (18 ก.ย.) เพื่อร่วมทวงคืนเขาพระวิหาร

ผู้ว่าฯสั่ง จนท.ปลดอาวุธทุกชนิด

ขณะที่นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าฯศรีสะเกษ พร้อม พล.ต.ต.สมพงษ์ ทองวีระประเสริฐ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ร่วมแถลง ณ ที่ว่าการอ.กันทรลักษ์ ว่า ได้กำชับให้ทุกฝ่ายดูแลอย่างเต็มกำลัง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะห้ามเจ้าหน้าที่พกอาวุธอย่างเด็ดขาด รวมถึงกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน อปพร.และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน แต่เน้นให้ถือปฏิบัติกับผู้ชุมนุมอย่างอะลุ้มอล่วย และมีการตั้งชุดประสานงานเจรจากับทุกฝ่าย เพื่อสร้างความเข้าใจให้ถูกต้อง และป้องกันการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งปัญหาเขาพระวิหารนั้นอยู่ระหว่างการแก้ไขตามขั้นตอนของผู้เกี่ยวข้อง จึงไม่อยากให้มาชุมนุมกัน เพราะอาจกระทบต่อบรรยากาศการเจรจาแก้ปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา ส่วนผู้ชุมนุมขอให้เป็นไปอย่างสงบ

พล.ต.ต.สมพงษ์ กล่าวว่า การปฏิบัติงานครั้งนี้นอกจากกำชับตำรวจทุกนายไม่ให้พกพาอาวุธเด็ดขาดยังให้ตั้งด่านสกัดตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย ส่วนกลุ่มพันธมิตรฯ หากจะเข้ามาชุมนุมเรียกร้องจะอนุญาตให้ได้เพียงด่านบริเวณหน้าวัดบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ เท่านั้น หากดื้อดึงที่จะเข้าไปบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจจำเป็นต้องสกัดกั้นอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง

ยกมือไหว้ พธม.อย่ารุนแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนที่จะปิดการแถลงข่าวผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้พนมมือขึ้นและกล่าวว่า ตนขอวอนให้กลุ่มพันธมิตรฯ และทุกฝ่ายได้ยุติความรุนแรงต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในวันที่ 19 ก.ย.นี้ โดยอ้างว่า เป็นช่วงที่มีกิจกรรมสำคัญจึงไม่อยากให้เกิดความรุนแรงวุ่นวายขึ้นมาภายในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ พร้อมระบุว่า วันนี้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ จะนำเอาถุงยังชีพพระราชทานมาแจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนชาว จ.ศรีสะเกษ ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมหลายอำเภอ และเป็นวันสาร์ท ของชาวไทยเชื้อสายเขมร

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า มีรายงานข่าวแจ้งว่านายสุวรรณ วัฒนพิทักษ์พงศ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ได้รับคำสั่งให้ย้ายด่วนออกจากพื้นที่เนื่องจากปัญหาการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรฯในครั้งนี้

นอกจากนี้ ยังมีการพยายามปลุกกระแสข่าวเกินจริงเพื่อสร้างความแตกตื่นว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ ระดมกำลังทหารหน่วยรบพิเศษประสิทธิภาพการรบสูง พร้อมอาวุธครบมือกว่า 150 นายมาตรึงกำลังตลอดแนวเขาพระวิหาร เพื่อป้องกันกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ให้บุกเข้าไปในเขตแดนของประเทศกัมพูชา

ทภ.2 ลั่นให้เข้าไปได้แค่ด่าน

ด้าน พ.อ.ประวิทย์ หุงแก้ว หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 แถลงว่า กองทัพภาคที่ 2 ได้ตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 ส่วนหน้า ภายในกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 224 อ.กันทรลักษ์ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารแก่สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่อย่างถูกต้อง สร้างความเข้าใจอันดี ขจัดความเข้าใจผิดที่อาจเป็นเงื่อนไขก่อให้เกิดความรุนแรงได้

"โดยฝ่ายทหารจะยินยอมให้กองทัพประชาชนทวงคืนเขาพระวิหารขึ้นไปเคลื่อนไหวได้แค่ด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารเท่านั้น เพราะหากเข้าสู่พื้นที่ปฏิบัติการทางทหารจะได้รับอันตรายจากกับระเบิดหรือทุ่นระเบิด ขณะเดียวกันทหารได้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ ป้องกันเหตุปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม"

มทภ.2สั่งกำลังพลดูแลใกล้ชิด

พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า สถานการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่เคลื่อนไหวในกิจกรรมทวงคืนแผ่นดินไทยรอบปราสาทเขาพระวิหารนั้นจากรายงานล่าสุดทราบว่ายังคงมีกลุ่มมวลชนทยอยมาสมทบในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ และตัว จ.ศรีสะเกษ แต่ถ้าประชาชนเข้าไปถึงพื้นที่ที่มีการเผชิญหน้ากันระหว่างทหารไทยกับฝ่ายกัมพูชาอาจเกิดปัญหา อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยทหารจำเป็นต้องสกัดกั้นไว้ ไม่ปล่อยให้เข้าไปในพื้นที่เสี่ยง โดยจะใช้กำลังพลและเครื่องกีดขวางที่เป็นรั้วลวดหนาม ขอยืนยันจะใช้การเจรจาเป็นหลักกับผู้ชุมนุม และขณะนี้ได้พูดคุยทำความเข้าใจไปบ้างแล้ว ซึ่งทหารจะดูแลความปลอดภัยของประชาชนให้ดีที่สุด ไม่ให้เกิดการปะทะกันขึ้นเหมือนครั้งที่ผ่านมา และจะดูแลความปลอดภัยบริเวณปราสาทพระวิหารอย่างเต็มที่

"พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ภูเขา ไม่มีห้องน้ำ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกและยังเป็นพื้นที่อันตราย ซึ่งเราก็หนักใจถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมอยากจะขึ้นไป ก็ต้องขอร้องและทำความเข้าใจกันพอสมควร ตอนนี้ยังไม่มีมวลชนเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว" พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าว และว่า
การชุมนุมของมวลชนจะยืดเยื้อหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบ ต้องรอพูดคุยกับแกนนำก่อน ส่วนกรณีมีข่าวว่าทหารของกัมพูชาเข้ามาเสริมกำลังพร้อมอาวุธครบมือตามแนวชายแดนนั้น เป็นการเปลี่ยนกำลังตามปกติ ไม่ได้เสริมเพิ่มแต่อย่างใด ส่วนทหารไทยไม่ต้องส่งกำลังเข้าไปเสริมอีก เพราะมีเพียงพอทั้งอาวุธและกำลังพล

ชาวกันทรลักษ์รวมตัวต้าน พธม.

ขณะที่ชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ ได้มีการนัดรวมตัวกันบริเวณวัดภูมิซรอล ต.เสาธงชัย เพื่อคัดค้านพันธมิตรฯที่จะเดินทางมาชุมนุม บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ในวันนี้ (19 ก.ย.) เนื่องจากชาวบ้านเกรงว่า จะก่อให้เกิดความรุนแรงในพื้นที่ และเกิดการสู้รบระหว่างทหารไทยและกัมพูชาขึ้น โดยผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านอยากให้ทางการของทั้ง 2 ประเทศ มีการเจรจากันเพื่อแก้ปัญหาพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน
ทั้งนี้ ชาวบ้านยืนยันว่า จะชุมนุมคัดค้านพันธมิตรฯเพื่อไม่ให้เดินทางไปในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารจนถึงที่สุด แต่ย้ำว่าจะไม่ใช้ความรุนแรง ส่วนบรรยากาศทางขึ้นเขาพระวิหาร เจ้าหน้าที่ทหารยังคงนำรั้วลวดหนามมาปิดทางเข้า-ออกและห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปอย่างเด็ดขาด

พิลึกกำนันให้คนแก่ใส่เสื้อเหลือง

ด้านอาสาสมัครชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อรายหนึ่งในหมู่บ้านตามแนวตะเข็บชายแดนเขต ต.รุง อ.กันทรลักษ์ แจ้งว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 18 ก.ย. นายพล ทองขาว กำนันตำบลรุง ได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงขอให้ผู้ใหญ่บ้าน หรือตัวแทนจากทุกหมู่บ้านในเขต ต.รุง ซึ่งมีอยู่จำนวน 10 หมู่บ้าน นำหญิงวัยชราหมู่บ้านละ 10 คน สวมเสื้อสีเหลืองไปรวมตัวกันที่บ้านภูมิซรอล ซึ่งคำสั่งดังกล่าวของกำนันตำบลรุง สร้างความวิตกกังวลให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะเกรงว่าจะเกิดความสับสนและเกิดการทำร้ายกันเองของชาวบ้าน อย่างไรก็ตาม ในเวลาประมาณ 14.00 น.กลุ่มหญิงวัยชราได้ถูกนำกลับคืนไปยังแต่ละหมู่บ้าน

"มาร์ค" ยันต้องยึดหลักเจรจา

ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายหน่วยงานได้ประสานกันอยู่ ซึ่งตนดั้ให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายความมั่นคงเข้ามาดูแลและกระทรวงการต่างประเทศจะต้องพยายามทำความเข้าใจกับทางกัมพูชา ที่ความเข้าใจกันพอประมาณ
ส่วนในระดับรัฐบาลกับรัฐบาลมีการทำความเข้าใจกันดีแค่ไหนนั้น เท่าที่ทราบก็มี และทั้ง 2 ประเทศก็เข้าใจดีว่า บางครั้งประชาชนหรือมวลชน อาจจะมีการเคลื่อนไหวได้ ให้ความมั่นใจซึ่งกันและกัน ทางฝ่ายกัมพูชาเองก็มีการเคลื่อนไหว ในลักษณะของมวลชนอยู่บ้าง แต่อาจจะคนละรูปแบบ ก็ต้องทำความเข้าใจกันว่า นโยบายของรัฐบาลกับความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาคืออะไรและแสดงความเข้าใจของธรรมชาติว่า บางครั้งอาจจะมีการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ และหากฝ่ายมวลชนยังมีการปลุกระดมไม่ฟังคำขอร้องของทางการ ตรงนี้ไม่ได้เป็นผลดีกับใคร คนที่จะขึ้นไปอีกนั้นทางรัฐบาลก็พยายามทำความเข้าใจอยู่
"ผมอยากจะยืนยันว่าใคร ที่หวงแหนดินแดนอธิปไตยต้องระมัดระวังว่า วิธีการที่จะปกป้อง ทำอย่างไร ให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลโดยทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้มองเห็นแล้วว่า แนวทางที่รักษาสิทธิของเราที่ดีที่สุดคือ ผ่านกระบวนการของการเจรจา และยึดข้อตกลงที่ได้ทำไว้ อันนี้จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ในการรักษาสิทธิของเรา และในการที่จะไม่ให้เกิดความสูญเสียโดยไม่จำเป็นเลย และอะไรที่เป็นสิทธิ์ก็ทำได้ แต่จะอธิบายให้เข้าใจว่าการขึ้นไปแล้วไปทำให้เกิดความเสี่ยงมันก็ไม่เกิดประโยชน์ และในเรื่องการทำความเข้าใจกับประชาชนเองนั้น ทางเจ้าหน้าที่ทำได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น ยังไม่ดีพอ ยังต้องทำมากขึ้น"

"สุเทพ"เตือน พธม.ระวังอันตราย

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า กรณีที่มีการเสนอข่าวว่ามีคนกัมพูชาบุกรุกเข้ามานั้น ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ชาวกัมพูชาอพยพเข้ามาเป็น 100 คน แต่พอเกิดเหตุไฟไหม้ ก็ถอยออกไป จากนั้นก็มีการกลับเข้ามาใหม่อีก ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวก็มีคนไทยเข้าไปอาศัยทำกิน แต่อาจเห็นว่าไม่ปลอดภัยหรือการค้าขายไม่ดี จึงถอยกลับอกมา

เมื่อถามว่า ล่าสุดทางทหารกัมพูชาได้เตรียมอาวุธครบมือและประกาศจะจัดการกับคนไทยที่เข้าไปทันที นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าคนกัมพูชาบุกรุกเข้ามาในแผ่นดินไทย ตนก็จะใช้ทุกอย่างถ้าไม่ใช่แก๊สน้ำตา ก็จะยิงเอาบ้างงเหมือนกัน เพราะถือเป็นการบุกรุกประเทศไทย ถ้าคนของเราไปบุกรุกประเทศเขาก็จะเป็นปัญหา ดังนั้น ขอให้สื่ออย่ากระพือข่าวในลักษณะที่สร้างความรู้สึกกดดัน ตึงเครียดกับประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ เชื่อว่ารัฐบาลและชาวกัมพูชาก็อยากเป็นมิตรกับประเทศไทย เหมือนกับที่เราก็อยากเป็นมิตรกับเขา และไม่ต้องการให้เกิดปัญหาตามแนวชายแดน ดังนั้นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯในบริเวณดังกล่าว ถ้ากระทำการใดๆ ที่จะก่อให้เกิดการเผชิญหน้ากัน หรือนำไปสู่ความรุนแรง รัฐบาลก็จะดำเนินการ

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องผลักดันกลุ่มพันธมิตรฯออกนอกพื้นที่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การชุมนุมถือเป็นสิทธิ สามารถทำได้ จะตำหนิตนหรือรัฐบาลก็ได้ รัฐบาลมีหน้าที่ต้องชี้แจง และพูดความจริง แต่ผู้ชุมนุมอย่าทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง เช่น การบุกรุกพื้นที่ของเขา เพราะอาจจะถูกจับกุมหรือทำร้ายได้

เตรียมนำเขาวิหารถกในอาเซียน

เมื่อถามว่าในระดับนโยบายจำเป็นจะต้องมีการหารือกันอีกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ในช่วงการประชุมอาเซียนช่วงเดือน ต.ค.นี้ คงจะได้หารือกัน แต่ถ้ามีเหตุจำเป็นตนพร้อมจะเดินทางไปพูดคุยด้วยตัวเอง เชื่อว่าในภาพรวมทางกัมพูชาคงไม่ต้องการให้เกิดความร้าวฉาน ยืนยันว่าทั้ง 2 ฝ่ายมีความตั้งใจที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ร่วมกัน แต่การพิสูจน์เขตแดนต้องใช้เวลา เพราะพื้นที่ค่อนข้างยาว เรื่องนี้ตนและสมเด็จฮุนเซนได้พูดคุยกันหลายครั้งแล้วว่าจะไม่ทะเลาะกัน ที่ผ่านมาปัญหาการเสริมกำลังตามแนวชายแดน ตนก็ได้พูดคุยกับสมเด็จฮุนเซนแล้วว่าให้ระวังอย่าให้เกิดเหตุปืนลั่น มิเช่นนั้นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนฝ่ายไทยก็จะคอยระวังเช่นเดียวกัน ในที่สุดก็มีการลดกำลังทหารลงไป

"ผมขอเตือนว่าใครที่มีญาติพี่น้องเป็นพันธมิตรฯ ก็ให้เตือนว่าอย่าบุกไปในพื้นที่เขมร เพราะถ้าบุกเข้าไปอาจจะกลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศเกิดขึ้นได้ และจะเป็นเรื่องยุ่งยากแน่" นายสุเทพ กล่าว

ผบ.ทบ.วอนม็อบยุติหวั่นอันตราย

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า จุดยืนกองทัพเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ใช้การเจรจาทวิภาคี ส่วนเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารจะรักษาอธิปไตย สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนนั้น เราพิจารณาว่า การดำเนินการนั้นน่าจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาทวิภาคีโดยผ่านกลไกคณะกรรมการปักปันเขตแดน ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ โดยเราจะเข้าไปสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ เพื่อไม่ให้เขาเข้ามาพื้นที่ ด้วยเหตุผลว่า การเข้าไปอาจทำให้เกิดอันตรายแก่ตนเอง เช่น การเข้าไปในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ทำลายวัตถุระเบิด ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายได้

"การเดินทางเข้าไปอาจทำให้เกิดการเข้าใจผิด และเกิดการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งขณะนี้พยายามสร้างความเข้าใจกันอยู่ว่า สถานการณ์เป็นอย่างไร และอีกปัญหาหนึ่งคือ หากถูกจับกุมตัวไปจะกลายเป็นปัญหา และส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาในพื้นที่นั้นโดยส่วนรวม ดังนั้น เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น จึงอยากขอร้องประชาชนกลุ่มต่างๆ ไม่เดินทางเข้าไป นอกจากนี้ ยังมีบางกลุ่มที่มีความเห็นไม่ตรงกัน เราจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้คนทั้งสองกลุ่มเกิดการกระทบกระทั่งกัน" พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น