ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “ไชยวัฒน์” นำภาคประชาชน บุกกองทัพภาคที่ 2 บี้แจงข้อเท็จจริงปัญหาเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา เผยเห็นแย้งกันในพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ทหารแจงเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ของ 2 ประเทศ แต่ปชช. เชื่อโดยสุจริตใจว่าเป็นของไทยแน่นอน พร้อมเรียกร้องรัฐบาลเร่งทบทวนมาตรการดำเนินการกับฝ่ายกัมพูชาแทนที่จะใช้เฉพาะแนวทางสันติวิธีเพื่อผลักดันชาวเขมรออกไปให้เร็วที่สุด
วันนี้(15 ก.ย.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ห้องประชุม 2 กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา ภาคประชาชนกลุ่มสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย นำโดย นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และ ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนภาคอีสาน 19 จังหวัด ได้เดินทางเข้ารับฟังการชี้แจงจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีปัญหาพื้นที่ 4.6 ตร.กม. รอบปราสาทเขาพระวิหาร บนเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ
โดยมี พ.อ.ชินกาจ รัตนจิตติ ผู้อำนวยการกองกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 , พ.อ.ประวิตร หูแก้ว หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่ 2 และ พ.อ.ทวี กุดแถลง หัวหน้าฝ่ายข่าวกองทัพภาคที่ 2 พร้อมคณะนายทหารอีก 5 นายเข้าร่วมชี้แจงรายละเอียดโดยใช้เวลานานร่วม 1 ชั่วโมง
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเดินทางมาพบตัวแทนจากกองทัพภาคที่ 2 ในครั้งนี้เพื่อขอทราบรายละเอียดพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ที่อยู่ในความดูแลของกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งทางฝ่ายทหารเรียกพื้นที่ดังกล่าวว่า เป็นพื้นที่ในการอ้างสิทธิ์ของทั้ง 2 ประเทศและดำเนินการตามกรอบที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งเห็นต่างจากทางสมัชชาฯ และประชาชนคนไทยเชื่อโดยสุจริตใจว่าพื้นที่ดังกล่าวทั้ง 4.6 ตร. กม. รอบปราสาทพระวิหาร เป็นของประเทศไทยเพราะศาลโลกตัดสินให้เฉพาะตัวปราสาทเขาพระวิหารเท่านั้นที่เป็นของกัมพูชา และทราบว่าทหารมีกรอบการดำเนินการที่จำกัดและทำอะไรมากไม่ได้
ส่วนกรณีที่มีราษฎรชาวกัมพูชาขึ้นมาสร้างชุมชนในพื้นที่ดังกล่าวนั้น ได้รับการยืนยันจากทางกองทัพว่า มีประชาชนชาวกัมพูชาขึ้นมาตั้งชุมชนตั้งแต่ปี 2541 และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นครอบครัวของทหารกัมพูชา แต่ในส่วนของไทยมีเฉพาะทหารไทยที่ขึ้นไปอยู่บริเวณดังกล่าวเท่านั้น เรื่องนี้ทหารไทยก็พยายามคัดค้านมาโดยตลอด และหากจะใช้ความรุนแรงคงทำไม่ได้เพราะทหารไทยมีระเบียบวินัย
ดังนั้นในเรื่องนี้จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลชุดปัจจุบันโดยการนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ทบทวนมาตรการเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อกองทัพเหมือนรัฐบาลก่อน ๆ ที่เน้นกรอบความมั่นคง และวิธีเจรจาโดยสันติวิธีเท่านั้น ซึ่งแม้จะเป็นมาตรการที่ถูกต้อง แต่สถานการณ์ปัจจุบันที่ฝ่ายไทยเสียเปรียบเพราะมีการรุกล้ำเข้ามาของราษฎรกัมพูชาจำนวนมาก ฉะนั้นรัฐบาลจะต้องพิจารณาอย่างถ่องแท้ว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะกองทัพขยับอะไรไม่ได้ เนื่องจากมีวินัยและข้อจำกัด รัฐบาลเองจึงต้องฟังความเห็นของกองทัพเพื่อปรับมาตรการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกำหนดให้เข้าถึงเป้าหมายที่สำคัญที่ประชาชนเรียกร้องกันในขณะนี้ว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทยและปกป้องไม่ให้สูญเสียให้กับฝ่ายกัมพูชา
“สิ่งสำคัญคือรัฐบาลต้องรีบทบทวนกรอบมาตรการที่เหมาะสมต่อภารกิจของกองทัพโดยเร็วที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวและที่สำคัญต้องเร่งผลักดันชาวกัมพูชาออกไปจากพื้นที่ของแผ่นดินไทยให้เร็วที่สุด” นายไชยวัฒน์ กล่าว
นายไชยวัฒน์ กล่าวอีกว่า กลุ่มสมัชชาฯ จะยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวต่อรัฐบาลในเร็ว ๆ นี้ ส่วนกรณีที่ประชาชนจะเดินทางไปรวมตัวชุมนุมทวงคืนเขาพระวิหารที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ในวันที่ 19 ก.ย.กับประชาชนกลุ่มอื่นๆ นั้น เป็นความสมัครใจของแต่ละบุคคล แต่ในนามของสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทยไม่ได้เข้าร่วมแต่อย่างใด แต่เราจะร่วมกันต่อสู้ในวิถีทางอื่นๆ
